ในวันที่สองตอนเช้า ศาสตราจารย์โจวโทรศัพท์หาฟางเหยียน ให้เขารอสักสองวัน ก็จะได้วิจัยแล้ว ที่จริงฟางเหยียนรู้ดีว่าของสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะวิจัยได้ในเวลาแป๊บเดียว ตัวเขาเองก็เลยทดลองมาแล้วหลายครั้ง ก็ยังไม่เข้าใจ
ถ้ามันวิจัยง่ายขนาดนั้น ก็คงไม่เรียกว่าเป็นจุดหักเหของชีวิตหรอก
หลังจากที่วางสายโทรศัพท์ เทียนขุยก็เดินเข้ามาในห้อง พูดว่า“ จอมพล หลินถงหาคุณ”
“หลินถงเหรอ”ฟางเหยียนทวนชื่ออีกครั้ง จากนั้นจึงหรี่ตาพูดว่า“หาผมทำไม”
เทียนขุยพูด“บางทีเรื่องเมื่อวานอาจจะเล็ดลอดไปถึงหูเธอก็ได้!”
เรื่องที่เขาฆ่าหม่าซวี่ซงรู้กันไปทั้งโลกใต้ดิน พวกเขารับปากแล้วว่าจะไม่ปล่อยข่าวออกไป แต่เรื่องแบบนี้มันปิดปากกันไม่ได้หรอก อีกอย่าง สถานะทางครอบครัวของตระกูลถัง ถ้าอยากรู้เรื่องนี้ ก็ไม่ใช่
เรื่องยากเย็นอะไร
“เธอคงไม่คิดว่าผมฆ่าหม่าซวี่ซงเพราะเธอหรอกนะ ”ฟางเหยียนพึมพำออกมาคำหนึ่ง
จากนั้นจึงพูดว่า“ไปเถอะ ออกไปดูกันว่าเธอจะมาไม้ไหน”
ไม่ทันไร ฟางเหยียนก็มาถึงประตูทางเข้ารีสอร์ทหยูฉวนหลินถงยืนอยู่หน้ารถลินคอร์นคันยาวสีดำ ด้านหลังมีรถบอดี้การ์ดตามมาอีกสามคัน พอเห็นฟางเหยียนเดินออกนอกประตูมา เธอก็ยิ้มเล็กน้อยอย่างร้ายกาจ พูดว่า“คุณฟางครับ ประมุขเราขอเรียนเชิญ!”
ประมุขตระกูลถังเหรอ
ฟางเหยียนชะงักชั่วครู่ จ้องแววตาหลินถง ดูท่าจะเป็นการใช้สายตา หลินถงรีบหลบสายตาฟาง
เหยียน
“เรื่องอะไร”เขาไม่รู้จักประมุขตระกูลถัง รู้แต่ว่าเขาชื่อว่าถังเสี่ยนจง
หลินถงพูด “หลินถงไม่รู้เรื่อง ทำไมคุณผู้ชายไม่ไปรับทราบเรื่องด้วยกันล่ะคะ”
“เชิญ!”หลินถงเปิดประตูรถให้ฟางเหยียนด้วยตัวเอง
เทียนขุยพูด“จอมพลไม่ใช่ว่าใครก็จะได้รับเชิญ เรียนเชิญท่านผู้หญิงกลับไปก่อนเถอะ”
เขารู้เรื่องราวฟางเหยียนดีพอสมควร เขาจะไม่รับนัดคนที่ไม่รู้จักง่ายๆ เขาไม่ได้เป็นอะไรกับตระกูล ถัง แน่นอนว่าเขาไม่รับนัดง่ายๆแน่
สีหน้าของหลินถงยังคงมั่นใจเต็มร้อย ยิ้มแล้วพูด “ฉันมั่นใจว่าคุณฟางไปแน่นอน”
เทียนขุยหน้าถอดสี เตรียมจะพูด แต่ฟางเหยียนหยุดยั้งไว้“ไปดูก็ได้!”
พูดจบเขาก็ขึ้นรถไป เทียนขุยยืนอยู่ที่เดิม เบิ่งตาโพลง หรือว่าจอมพลหลงเสน่ห์สาวนี้เข้าแล้วจริงๆ เห็นๆอยู่ว่าเป็นปิศาจจิ้งจอกชัดๆ ทำไมจอมพลถึงจะไปติดกับเขาได้
การทำแบบนี้ไม่ค่อยสอดคล้องกับวิสัยของจอมพลเลย เขาไม่รู้เรื่อง จึงกัดฟันแล้วเตรียมขึ้นรถ
แต่พอเดินมาถึงประตูรถ หลินถงก็ยิ้ม“คุณผู้ชายครับ ด้านหลังรถ!”
เธอชี้ไปที่รถจากัวร์ด้านหลัง เทียนขุยเบิ่งตาโตขึ้น ฟางเหยียนพูดต่อ“ไม่เป็นไร เทียนขุย”
เทียนขุยนิ่งอึ้ง จึงค่อยๆเดินเข้าไปในรถจากัวร์
ภายในรถลินคอร์นกว้างขวางมากจริงอยู่ ฟางเหยียนกับหลินถงนั่งตรงกันข้าม หลินถงสวมกระโปรงผ้าไหมสีแดง หลังจากที่นั่งลง เนื่องจากผิวที่น่องเนียนละเอียด กระโปรงจึงพริ้มไหว เผยให้เห็นน่องที่ขาวราวหิมะออกสู่ภายนอก
หลินถงยิ้มเสน่ห์แพรวพราวพร้อมพูดขึ้น“คุณฟางนี่ไม่เหมือนผู้ชายทั่วไปเลยจริงๆ มาถึงหนานหลิงทั้งทีก็ไม่เลือกสถานที่คึกคักกับโรงแรมชั้นนำหน่อย กลับมาอยู่ที่เงียบๆอย่างรีสอร์ทหยูฉวน”
“ผมชอบความเงียบสงบ!”ฟางเหยียนตอบเสียงเรียบ สายตาของเขาไม่ได้จับจ้องไปที่น่องของหลินถงเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นฟางเหยียนเป็นแบบนี้ หลินถงจึงอดสลับขาไม่ได้ แต่ฟางเหยียนก็ยังคงไม่สั่นไหว ราวกับว่า
ไม่ว่าตนเองจะทำอย่างไร เขาก็ไม่รู้สึกสนใจแม้แต่น้อย
ฟางเหยียน เป็นผู้ชายคนแรกที่ไม่สนใจเธอเท่าที่เธอเคยพบ
แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ เธอก็ยิ่งหลงใหล
“คุณฟางคะ ฉันได้ยินว่าเมื่อคืนหม่าซวี่ซงเขา ตายแล้ว จริงหรือเปล่าคะ”หลินถงถาม
ฟางเหยียนตอบอย่างสบายอารมณ์“เธอก็รู้แล้วนี่”
หลินถงยิ้มกระดากกระเดื่อง พูดขึ้น“ฉันปากมากเองค่ะ”
“คุณหลินครับ ทำไมตอนแรกถึงแต่งกับคุณชายตระกูลถังล่ะครับ”จู่ๆฟางเหยียนถามขึ้น
หลินถงชะงักครู่หนึ่ง พูดว่า “ตอนนั้นฉันเจ็บป่วยอยู่ ก็อาการป่วยที่คุณเห็นนั่นแหละ ซื่อเหาบอกขอแค่แต่งงานกับเขา ที่บ้านเขาก็จะหาหมอที่ดีที่สุดมารักษา ใครจะไปรู้ว่า แต่งงานไปสามวัน เขาก็จากฉันไป ใครๆก็บอกว่าฉันดวงกินผัว มีแต่ตระกูลถังเท่านั้นแหละที่ไม่ค่อยยุ่งเรื่องชาวบ้าน”
ฟางเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย ไม่พูดอะไรอีก
ไม่ทันไร รถก็มาถึงตระกูลถัง
เพิ่งเข้ามาถึงสวนในบ้านตระกูลถัง ฟางเหยียนก็เห็นว่าเป็นเหมือนอาคารทรงจีน เมื่อเทียบกับคฤหาสน์ของพวกเศรษฐีแล้ว เลย์เอาท์ของที่นี่ดูเป็นเอกภาพมากกว่า เห็นได้ชัดว่า ประมุขของตระกูลถังค่อนข้างจะหัวโบราณ
“คุณหมอเทวดาฟางมาใช่ไหม”เสียงที่ทรงพลังดังมา แล้วตามด้วยผู้ชายวัยหกสิบกว่าที่สวมชุดชาวฮั่นทั้งชุดเดินออกมาจากห้อง ในมือชายผู้นั้นมีพัดอยู่ด้ามหนึ่ง ดูเหมือนเป็นบัณฑิตสักสำนักหนึ่งใน สมัยโบราณเหลือเกิน
ฟางเหยียนคะเนมองชายคนนั้นทีหนึ่ง ถามขึ้น“ท่านเป็นประมุขแห่งตระกูลอันดับหนึ่งของหนานหลิง ถังเสี่ยนจงใช่ไหม”
ถังเสี่ยนจงรีบโบกมือ พูดขึ้น“ใช่ ผมชื่อถังเสี่ยนจง”
“ท่านหมอเทวดา เชิญด้านใน”เขาเพิ่งชี้ไปที่ห้องโถง จู่ๆข้างในก็มีเสียงประทัดออกมา เสียงประทัดดังกัมปนาทน่าตกใจ เทียนขุยเดินหน้าอย่างระมัดระวังอีกก้าวหนึ่ง จากนั้นจึงขวางอยู่ตรงหน้าฟาง
เหยียน
ถังเสี่ยนจงหัวเราะพูดขึ้น“คงจะเป็นสัตว์ป่าที่ผมเลี้ยงไว้คำรามก้อง”
“สัตว์ประหลาด!”ฟางเหยียนพูดเสียงเรียบออกมาสองคำ
ถังเสี่ยนจงนำฟางเหยียนกับเทียนขุยเข้าไปในห้อง ในห้องโถงใหญ่นั้นเอง มีกรงเหล็กขนาดใหญ่กรงหนึ่ง กรงเหล็กขนาดใหญ่นั้นมีราชสีห์อยู่ตัวหนึ่ง รอบๆตัวราชสีห์มีคนกำลังป้อนเนื้อให้มันอยู่
“เอาล่ะ!ยกลงไป”ถังเสี่ยนจงตะคอกทีหนึ่ง คนสองสามคนยกราชสีห์ออกมา
หลินถงรีบพูด“นี่คือราชสีห์ที่ท่านประมุขเลี้ยงไว้ เดิมทีอยู่แอฟริกา ท่านประมุขเห็นว่าราชสีห์หายใจรวยริน จึงยื่นมือช่วยมัน พอช่วยก็เลยพากลับมา เลี้ยงไปเลี้ยงมาก็เกิดความรักและผูกพัน จึงไม่อยากส่งไปที่สวนสัตว์ จึงเก็บไว้ที่บ้าน”
ฟางเหยียนจึงได้แต่พยักหน้าเล็กน้อย แสดงว่ารับรู้
หลังจากประจำที่ ถังเสี่ยนจู่จึงเสิร์ฟน้ำชา แล้วก็นั่งโต๊ะรับประทานอาหาร ไม่ได้มีทีท่าจะเชื้อเชิญฟางเหยียนมาร่วมโต๊ะ ทั้งสองคนคุยกันถึงหัวข้อสำคัญ ถามฟางเหยียนว่ามาทำอะไรที่หนานหลิง มาเป็นทหารหรือทำอะไร
ในที่สุดฟางเหยียนก็อดไม่ได้ ถามขึ้นว่า“ท่านประมุขถังคงไม่ได้เชิญผมมาแค่กินข้าวแล้วสนทนาหรอกมั้ง”
ถังเสี่ยนจงหัวเราะเหอะๆ“ปกปิดตาทิพย์ของหมอเทวดาไม่ได้จริงๆ หมอเทวดารอก่อน เพื่อนผมกำลังจะถึง”
ไม่นาน มีชายสวมชุดฮั่นสีขาวเดินออกมาจากบ้านตระกูลถัง เดินพลางพูดพลาง“ท่านถัง ขอโทษจริงๆครับ เมื่อกี้พี่คนป่วยมาให้ตรวจเยอะ ก็เลยรักษาอยู่ เสียเวลาไปหน่อย”