สามสิบวินาที!พอคำพูดนี้พูดออกไป เถาไห่หลงก็มีสีหน้าตกใจ
เขาสูดลมหายใจลึก พูดเสียงอู้อี้“นี่นี่นี่เป็นไปได้ไง คนๆนั้นแข็งแกร่งออกปานนั้น สามสิบวินาทีหมายความว่าอย่างไร”
“ประธานเถา!”หวงหยวนฉาวยกมือขึ้นทำท่าห้ามไว้ แสดงให้เถาไห่หลงรู้ว่าอย่าเพิ่งขัดจังหวะ
ฟางเหยียนพูดต่อ“สามสิบวินาที ถ้าเอามันถึงตายไปได้ ต่อไปไม่ต้องมาติดตามฉันแล้ว”
คำพูดนี้ราวกับคำสั่งให้เทียนขุย เขาพยักหน้าเป็นมั่นเหมาะพูดขึ้น“สิบวินาที ฆ่าไม่ตาย ผมจะฟังตามที่จอมพลจัดการ!”
พูดจบ เทียนขุยจึงปิดหน้า เดินก้าวขาขึ้นเวที
เถาไห่หลงมองทั้งคู่อย่างตกตะลึง นี่คนอะไร ทำไมพูดอะไรบ้าๆแบบนี้ได้ แม้ว่าบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังเขาจะแข็งแรงมาก แต่พอเทียบกับชายฉกรรจ์เหล่านี้แล้ว จะไปเทียบกันได้อย่างไร
หรือว่าพวกเขาเป็นนักรบที่ซ่อนตัวของประเทศหวา
หรือว่ามีฐานะอะไรกันแน่
ชาวยุโรปยืนหัวเราะก้องบนเวที“ใครกัน ยังจะมีใครที่จะมาสู้กับผม หรือว่าจะเป็นผู้มีฝีมือของประเทศหวา ไหนว่าศิลปะการต่อสู้ประเทศหวาแกร่งมากไงล่ะ แชมป์เปี้ยนของพวกคุณ นี่หรือแชมป์เปี้ยน”
“อ่อนแอจริงๆ!อ่อนแอเหลือเกิน!”เขาพูดพลางตบอกตัวเองอย่างรุนแรง ท่าทีนั้นไม่ได้เห็นคนของประเทศหวาอยู่ในสายตา
เมื่อเห็นทีท่าบ้าระห่ำที่จะบดขยี้คนประเทศหวา ไฟในใจของเทียนขุยก็ปะทุขึ้น ถอดยศทหารออกไม่ว่า ศิลปะการต่อสู้ที่เรียนมาเพื่อมาให้บนเวทีนี้หรือ
บิดาของเทียนขุยเป็นคนรักชาติ มักจะสอนเขาตั้งแต่เด็ก ว่าจะต้องตั้งใจเรียนเพื่อรับใช้ชาติ เขาไม่จำเป็นต้องเห็นแก่ชื่อเสียงผลประโยชน์ แต่จะต้องเสียสละเพื่อชาติ!
ตอนเด็กๆเขากับพ่อชอบดูการแข่งประลองมาก ทุกครั้งที่มีการประลองระหว่างประเทศหวากับต่างชาติ มักจะตื่นเต้นกันเป็นพิเศษ เทียนขุยไม่เข้าใจ ต่อมาถึงได้รู้ว่านั่นเป็นความรักชาติ บิดาของเขาคอยตะโกนก้องว่าต่างชาติป่าเถื่อน เห็นได้ชัดว่าบิดาของเขาเกลียดชังต่างชาติป่าเถื่อนแค่ไหน
วันนี้ประเทศหวาโดนดูถูก เท่ากับดูถูกบิดาเขา เขาจะใช้ทุกกระบวนท่าที่บิดาเคยสอนกำจัดชาวยุโรปคนนี้ อย่างที่จอมพลบอก ฆ่ามันซะ!
มีเพียงฆ่าให้ตาย ถึงจะปิดปากให้เงียบได้!
เพิ่งขึ้นเวที ด้านล่างเวทีก็มีเสียงกึกก้อง เสียงที่ถกเถียงกันก็ยังไม่หยุด
“คนๆนี้อะไรกัน ทำไมปิดหน้า เล่นเกมหน้ากากกันหรือไง”
“ไม่ๆๆ ฉันว่าเขากลัวว่าเดี๋ยวแพ้แล้วจะขายหน้ามากกว่า ถึงได้ปิดหน้าไว้ คนจะได้ไม่เห็นหน้า เวลาหน้าแตกจะได้ไม่มีใครรู้”
“บ้าเอ๊ญ!ในเมื่อไม่มีปัญญา จะขึ้นไปทำไมวะ รนหาที่ตายชัดๆ อายุน้อยขนาดนี้ยังล้อเล่นกับชีวิตตัวเองอีก ถ้าพ่อแม่รู้จะว่าไง”
“แกจะไปรู้อะไร นี่เรียกว่ารักชาติ ก็ขึ้นไปสิ คนอื่นดูถูกมาถึงขนาดนี้แล้ว หรือว่าจะไม่ให้ใครขึ้นไปเลยล่ะ ถ้าตัวเองไม่ได้ขึ้นไปก็อย่าบ่น แกยังเป็นคนประเทศหวาอยู่หรือเปล่า ประเทศหวามีคนแบบแก ช่างน่าอัปยศเสียจริง คุกเข่านานแล้ว ยืนกันไม่เป็นแล้วใช่ไหม”
“อย่าพูดเรื่องโง่ๆแบบนี้เลย เขาไม่มีสิทธิ์เป็นคนประเทศหวาสักหน่อย เป็นแค่สวะ!ผมสนับสนุนพี่ชายที่อยู่บนเวที หวังว่าเขาจะเป็นนักรบจริงๆ ใช้ศิลปะการต่อสู้ของประเทศหวาสั่งสอนคนยโสแบบนั้นสักหน่อย”
นี่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุดของคนประเทศหวา ไม่ขาดคนวิจารณ์ คุณชนะก็โดนวิจารณ์ แพ้ก็โดนวิจารณ์ บางคนคุกเข่านาน คุกเข่าจนเข่าอ่อนหมดแล้ว
ส่วนเสียงวิพากษ์ด้านล่างเวที เทียนขุยไม่สนใจแม้แต่น้อย เกี่ยวอะไรกับเขาเล่า
เห็นเทียนขุย ชายฉกรรจ์คนนั้นหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เขามองเทียนขุยตั้งแต่หัวจรดเท้า แววตาจากประหลาดใจเป็นไม่ไว้ใจ เทียนขุยในสายตาคนทั่วไปเป็นคนร่างสูงใหญ่ แต่ว่าอยู่ต่อหน้าชายฉกรรจ์คนนี้ กลับเหมือนเด็กกับผู้ใหญ่ อธิบายความกระอักกระอ่วนไม่ถูก
“ทำไมต่างกันขนาดนี้”หวงหานเยว่เอามืออุดปากพูด “เฮียฟาง เฮียว่าพี่เทียนขุยจะชนะมั้ย เขาจะสู้ชายฉกรรจ์คนนั้นได้มั้ย ทำไมชายฉกรรจ์คนนั้นดูเก่งกาจขนาดนั้นล่ะ”
ฟางเหยียนยิ้มแต่ไม่พูด ในสนามรบ พวกเขาเห็นชายฉกรรจ์มากมาย แต่มีใครบ้างเล่าที่ไม่กลัวเขา พอได้ยินชื่อเขา ชายฉกรรจ์พวกนั้นก็หัวหดไปตามๆกัน คุกเข่าวิงวอนชีวิต
การสู้รบเกี่ยวอะไรกับรูปร่างด้วยเล่า ศิลปะการต่อสู้ของประเทศหวาไม่เคยพูดถึงรูปร่างอยู่แล้ว กำลังของคนไม่ได้วัดกันที่รูปร่างสักหน่อย พลังจริงๆนั้นไร้ขีดจำกัด ซึ่งเรียกแบบบ้านๆก็คือพลังงาน!
“ประธานเถา คนๆนี้ใส่หน้ากากหมายความว่าไง หรือเขากลัวขายหน้า เลยต้องปิดหน้าไว้ สำหรับชาวยุโรป การปิดหน้าแบบนี้ เป็นการไม่ให้ความเคารพ”กรรมการชาวยุโรปพูดออกไมโครโฟน
ประธานเถารีบพูด“นี่เป็นความเคยชินของประเทศหวาของเรา ยอดฝีมือส่วนมากไม่แสดงหน้า เรียกว่าอ่อนน้อม ยอดฝีมือของเราไม่ได้ขี้อวดแบบชาวยุโรป ประเทศหวาของเรายอดฝีมือไม่ค่อยอยากเป็นที่รู้จัก”
ชาวยุโรปคนนั้นแบมือ ยักไหล่พูด“โอเค หวังว่าจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง คนที่ขึ้นไปรอบนี้ หวังว่าจะสามารถแสดงฝีมือศิลปะการต่อสู้ประเทศหวาได้จริงๆ ไม่ต้องสู้ชนะนักต่อสู้ของเราหรอก แค่อยู่ได้ห้านาทีก็พอ แค่แสดงศักยภาพออกมาหน่อยก็พอ ไม่งั้นเรามาครั้งนี้ไม่มีความหมายอะไรเลย”
ในคำพูดยังมีการเสียดสี กรรมการชาวยุโรปหลายคนหัวเราะออกมา
ถังไห่หลงขมุ่นคิ้ว มองไปที่หวงหยวนฉาวอย่างกังวล แต่อีกฝ่ายสีหน้าสบายอารมณ์เหลือเกิน พยัก หน้าพูดว่า“สบายใจเถอะ ประธานเถา นี่เป็นนักรบจริงๆ ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่”
เขาไม่สามารถเปิดเผยฐานะของเทียนขุยออกไป จึงได้แต่บอกเถาไห่หลงแบบนี้ คนที่อยู่ตรงหน้าเป็นถึงพลโทเทียนขุย เป็นมือฉมังของจอมพล ให้เขามาประลองการแข่งขันแบบนี้ หยามเกียรติเขาชัดๆถ้าไม่ใช่เพราะไม่มีคนขึ้นไปจริงๆ เวทีแบบนี้เขาไม่ขึ้นหรอก เวทีของเขาคือสนามรบ เป็นสถานที่ที่เขาควรจะหลั่งเลือดจริงๆ
เห็นหวงหยวนฉาวมั่นใจขนาดนี้ เถาไห่หลงก็ถอนใจออกมาเบาๆ เขาอาจจะไม่เชื่อใจคนที่อยู่บนเวที และไม่เชื่อชายหนุ่มสีหน้าซีดขาวที่นั่งตรงนี้ แต่เขาเชื่อหวงหยวนฉาว
เขาเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเขตซีหนาน และก็เป็นบุคคลสำคัญที่คุณธรรมสูง คงจะแยกผิดชอบชั่วดีได้
คิดมาถึงตรงนี้ เขาจึงถอนหายใจออกมายาวๆ
สองคนที่อยู่บนเวทีสบตากัน ชาวยุโรปกอดอก พูดด้วยสีหน้าดูแคลน“คนประเทศหวา คิดว่าจะแน่ไปกว่าแชมป์เปี้ยนสักแค่ไหน”
เทียนขุยไม่พูด ได้แต่มองชาวยุโรปบนเวทีอย่างเย็นชา
“แบบนี้แล้วกัน ผมให้คุณชกผมสามหมัด ในสามหมัดนี้ ขอแค่ล้มผมได้ ถือว่าผมแพ้ ตกลงไหม”
ชายฉกรรจ์ยุโรปใช้สายตาดูถูกมองไปยังเทียนขุย นี่ไม่ใช่แค่พูดกับเทียนขุย แต่พูดกับคนประเทศหวาทั้งประเทศ
คนล่างเวทีที่อยู่ใกล้หน่อยได้ยินชายฉกรรจ์ยุโรปพูดแบบนี้
เทียนขุยเดินขึ้นหน้า กำหมัดปล่อยพลังอันร้อนระอุ
เทียนขุย จะออกโรงแล้ว!