เจ้าผอมสี่ตาเช็ดน้ำตาที่รินไหลออกมาที่หางตา พูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ว่า “งั้น ๆ ๆ… งั้นฉันมีทางเลือกอื่นอีกไหม? ฉันไม่ขออะไรเลย แค่หวังว่าแกจะไว้ชีวิตฉัน ฉันยังอยากมีชีวิตอยู่ ฉันไม่อยากตาย”
ฟางเหยียนก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว พูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า “ตลอดชีวิตนี้ ฉันเกลียดคนข่มขู่ฉันที่สุด เกลียดคนที่ใช้ปืนจ่อคนที่สำคัญกับฉันมากที่สุด”
พูดจบก็เห็นของชิ้นหนึ่งบินออกมาจากมือของเขา เจ้าผอมสี่ตาเหนี่ยวไกปืนไม่ทัน มือของเขาก็ถูกบางสิ่งบางอย่างแทงทะลุ อานุภาพของของชิ้นนั้นน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง ไม่ด้อยไปกว่าลูกกระสุนเลยแม้แต่น้อย ซัดจนเขาถอยหลังติด ๆ กันไปหลายก้าว ปืนพกหล่นลงบนพื้น
เขาเงยหน้าขึ้นมามองไปทางฟางเหยียนอย่างลุกลี้ลุกลน เห็นว่าในมือของฟางเหยียนหนีบเหรียญเหรียญหนึ่งเอาไว้ สิ่งที่แทงทะลุมือของเขาเมื่อกี้ก็คือเหรียญ
คนที่สามารถใช้เหรียญยิงทะลุมือคนอื่นได้ ยิงออกมาได้มีอานุภาพเทียบเท่ากับปืนได้นี่ มันใช่เรื่องที่คนธรรมดา ๆ สามารถทำได้เหรอ? เป็นอริกับเขาเท่ากับหาเรื่องตายให้ตัวเองชัด ๆ ในสายตาของเขา ตัวเองก็เป็นเหมือนกับมดตัวเล็ก ๆ ที่น่าสงสารตัวหนึ่งเท่านั้น
ถือปืนมาข่มขู่เมียของเขา นี่ไม่ใช่รนหาที่ตายแล้วจะเป็นอะไรได้!
“ไม่! ขอร้องล่ะ อย่าฆ่าฉันเลยนะ ฉันยังไม่อยากตายจริง ๆ” เจ้าผอมสี่ตาคุกเข่าลงบนพื้น น้ำตารินไหลออกมาอีกครั้ง
ฟางเหยียนไม่ได้มองเขา เพียงแต่ใช้สายตามองไปบนร่างของเซียวห้านที่ใบหน้าเขียวคล้ำสั่นไปทั้งตัว
ถูกสายตานั้นจ้องเข้า เซียวห้านที่สั่นไปทั้งตัวก็สะดุ้งโหยง ความหนาวยะเยือกลามจากไขสันหลังจนขึ้นสมอง!
ฟางเหยียนเค้นรอยยิ้มเย็นชาออกมาบนใบหน้า พูดด้วยท่าทีสบาย ๆ ว่า “ต่อไปก็ถึงตาเธอแล้ว!”
ประโยคนี้ราวกับสายฟ้าฟาด บนใบหน้าของเธอไร้สีเลือด ขาวซีดราวกับกระดาษ
เธอคิดว่าฟางเหยียนไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมาย แค่อาศัยอำนาจลับหลังบางอย่างปกป้องเอาไว้ก็เท่านั้น ใครจะไปคิดว่าเธอเดาผิด เธอคิดไม่ถึงเลยว่าฟางเหยียนจะแข็งแกร่งจนถึงขั้นนี้
บุกเดี่ยวฆ่าคนไปเป็นพัน ปืนผาหน้าไม้ที่อยู่ตรงหน้าเขาทั้งหมดไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด แม้แต่ชายหน้าบากในสามคุณชายแห่งจินโจวก็ยังสู้เขาไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว แล้วตระกูลเซียวของพวกเขาจะไปยั่วยุได้อย่างไรกัน
ตอนนี้เธอถึงจะได้รู้ว่าตัวเองนั้นโง่เง่าแค่ไหน ไร้เดียงสาแค่ไหน!
ตระกูลเซียวของพวกเขาไปยั่วยุเอาคนแบบที่ไม่รู้มีความเป็นมาจากไหนเข้าให้แล้ว!
“ตกใจจนสำออยขึ้นมาแล้วเหรอ? ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฟางเหยียนเยื้องย่างทีละก้าว ๆ จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเซียวห้าน
เซียวห้านถอยหลังไปทีละก้าว ๆ จนกระทั่งหลังติดกำแพงแล้วจึงหอบหายใจออกมาหนัก ๆ
ฟางเหยียนจ้องตาของเธอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ความรู้สึกนั้นมันช่างแปลกประหลาดเกินไป เหมือนกับภูเขาลูกใหญ่ ๆ กำลังกดทับตนเอง กดจนตนหายใจไม่ออก
ทันใดนั้นฟางเหยียนก็ยกมือขึ้นมาวางอยู่บนใบหน้าซีดขาวของเซียวห้าน ตอนแรกเริ่มเขาใช้นิ้วหัวแม่มือนิ้วเดียว จากนั้นก็ค่อย ๆ ใช้มือทั้งมือวางอยู่บนใบหน้าของเธอ พอสัมผัสได้ถึงความสั่นไหวของเซียวห้าน ฟางเหยียนถึงได้พูดอย่างเอ้อระเหยว่า “เธอในตอนนี้ ไม่เหมือนกับเธอที่อยู่ในโทรศัพท์เลยนะ เธอเป็นอะไรไปเหรอ?”
เซียวห้านอยากจะหนีไปตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเธอไร้เรี่ยวแรง หนีไปไหนไม่ได้โดยสิ้นเชิง
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สองครั้งแล้วเอ่ยถามว่า “แก ๆ ๆ… แกเป็นใครกันแน่?”
ฟางเหยียนยักไหล่แล้วเอ่ยว่า “ฉัน เป็นสามีของเขา เธอให้ฉันมาเองนี่ ทำไมถึงได้ถามว่าฉันเป็นใครกันนะ?”
เซียวห้านส่ายศีรษะแล้วเอ่ยว่า “ฉันถามตัวตนของแก แกเป็นใครกันแน่? ทำไมต้องพุ่งเป้าไปที่ตระกูลเซียวของพวกเราไปทุกด้าน? ตระกูลเซียวของพวกเราไม่มีเรื่องบาดหมางอะไรกับแก แก…”
“ไม่มีความแค้น?” ฟางเหยียนทวนคำพูดที่ออกมาจากปากของเซียวห้านออกมาอีกรอบ ตัดบทพูดของเธอที่ยังไม่พูดไม่จบไป ยิ้มแล้วพูดว่า “เธอแน่ใจเหรอว่าตระกูลเซียวไม่มีเรื่องบาดหมางกับฉัน?”
เซียวห้านพยายามข่มความกลัวที่อยู่ในใจของตัวเองเอาไว้แล้วเอ่ยถามว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเรามีความแค้นอะไรกับแก?”
สายตาของฟางเหยียนยิ่งเย็นชา มืดครึ้มยิ่งขึ้น เขาพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ความแค้นที่พวกแกมาฆ่าญาติพี่น้องของฉันน่ะสิ!”
เซียวห้านส่ายศีรษะแล้วเอ่ยว่า “ไม่ เป็นไปได้ยังไง!”
ฟางเหยียนร้องเฮอะออกมา เขาเอ่ยว่า “ตระกูลเซียวของพวกเธอฆ่าคุณอาเย่ของฉัน นั่นเป็นคนที่รักฉันมากที่สุดในโลกนี้ แต่ว่าพวกเธอฆ่าเขาไป! เธอพูดมาซิมาพวกเธอมีความแค้นอะไรกับฉัน?”
น้ำตาของเซียวห้านร่วงลงมา แต่เธอกลับไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียว เธอหวาดกลัวเกินไป เธอไม่เคยกลัวใครหรือกลัวเรื่องอะไรจนถึงขนาดนี้มาก่อนเลย
ฟางเหยียนขี้เกียจจะใส่ใจความหวาดกลัวของเธอ เขาเพียงแค่เอ่ยอย่างเยียบเย็นว่า “เซียวห้าน เธอมันเหี้ยมโหดเหมือนกับพ่อของเธอ คิดว่าตัวเองมีอำนาจและร่ำรวยมากพอก็จะสามารถควบคุมชะตาชีวิตของคนอื่นได้ แต่ว่าพวกเธอเคยคิดบ้างไหมว่าในวันหนึ่ง ชะตาชีวิตของพวกเธอเองก็จะโดนคนอื่นควบคุมเหมือนกัน!”
เซียวห้านเกิดความสั่นกลัวขึ้นในใจ กัดริมฝีปาก ฟันขบเข้าที่ริมฝีปากลึก ๆ
“ถ้า… ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปรู้ตัวตนของแกได้ยังไง?”
สายตาของฟางเหยียนเยียบเย็นขึ้นหลายส่วน เขาพูดอย่างเยือกเย็นว่า “จอมพลโผ้จวิน สำนักเจ็ดพิฆาต!”
เซียวห้านไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่เห็นพลังที่ออกมาจากตัวของฟางเหยียนแล้ว เขาจะต้องมีฐานะที่เยี่ยมยอดมากแน่ ๆ!
สีหน้าของฟางเหยียนเปลี่ยนไปเป็นสบาย ๆ อย่างกะทันหัน มือของเขาผละออกมาจากใบหน้าของเซียวห้าน ลงมาจากบนบ่าของเธอพลางเอ่ยว่า “เซียวห้าน ฉันเคยบอกเธอว่าจะทำให้เธอคุกเข่าร้องขอความตายจากฉัน ฉันจะทำให้เธอรู้ว่า สิ่งที่สวยงามที่สุดบนโลกนี้ไม่ใช่การมีชีวิต แต่เป็นความตาย!”
เซียวห้านไม่กล้าที่จะสงสัยประโยคนี้เลยแม้แต่น้อย ทันใดนั้น เธอยกมือขึ้นดึงเสื้อผ้าบนร่าง พูดกับฟางเหยียนอย่างน่าสงสารว่า “ขอร้องล่ะ อย่าฆ่าฉันเลย อย่าทรมานฉันเลย ขอเพียงนายยอมปล่อยฉันไป ฉันจะยอมเป็นทาสรับใช้นาย”
นี่เป็นหนทางเดียวที่เธอนึกออก และก็เป็นหนทางเดียวที่จะช่วยชีวิตของเธอได้
ตอนนี้เธอหวังเพียงว่าเขาจะให้ความสนใจเธอเหมือนกับคนทั่วไป
ถึงอย่างไรเซียวห้านก็เป็นถึงคุณหนูของตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองจินโจว ถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจมาตั้งแต่เด็ก ผิวพรรณรูปร่างก็ถูกดูแลมาอย่างดีมาก ๆ ดีเลิศไปหมดทุกด้าน แต่… เธอได้พบกับฟางเหยียน
“เพี๊ยะ!” ฟางเหยียนยกมือขึ้นมาตบหน้าเธอกะทันหัน ตะคอกอย่างเหี้ยมโหดว่า “เก็บลูกไม้นี้ของเธอไว้เถอะ เธอคิดว่าแบบเธอจะมาเป็นทาสรับใช้ฉันได้อย่างนั้นเหรอ?”
ฝ่ามือเดียวตบจนเธอล้มลงไปอยู่บนพื้น ถูกปฏิเสธแล้ว ทั้งยังใช้วิธีนี้มาปฏิเสธอีก นี่ยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า?
ฟางเหยียนก้มตัวลง สัมผัสนิ้วมือของเซียวห้าน จากนั้นก็จับหนึ่งในนิ้วมือนั้นขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “เซียวห้าน คิดออกหรือยังว่าเธอเคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน?”
“กึก!” ได้ยินเสียงดังกึกหนึ่งที นิ้วมือของเธอถูกดึงจนขาดออกมาอย่างไม่มีพิธีรีตอง
เซียวห้านเจ็บจนน้ำตาไหลออกมาทันที ความรู้สึกที่กล้ามเนื้อบนร่างถูกดึงออกไปอย่างไม่มีพิธีรีตองแบบนี้ คนที่มีเคยประสบมาอาจจะไม่สามารถรับรู้ได้ มีเพียงคนที่เคยประสบมาเท่านั้นถึงจะรู้ว่าความรู้สึกแบบนั้นเป็นเช่นไร เจ็บเจียนขาดใจ
“นึกออกหรือยัง?” ฟางเหยียนถามทีละคำ ๆ
เซียวห้านพยักหน้าอย่างต่อเนื่องแล้วเอ่ยว่า “คิดออกแล้ว ๆ เป็นจางฟาง นี่เป็นเรื่องที่ฉันเคยทำกับร่างกายของจางฟาง ขอร้องล่ะ ขอร้องล่ะ… ปล่อยฉันไปเถอะ! ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่าเธอนะ”
จางฟางเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนคนหนึ่งจากเมืองจินโจวที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกับเซียวห้าน แต่เซียวห้านไม่ชอบคนอย่างจางฟางที่ขยันจนสามารถไปเรียนต่อเมืองนอกได้ มีอยู่ครั้งหนึ่ง เป็นเพราะคำพูดเดียวของคนคนหนึ่ง ทำให้ชะตาชีวิตของจางฟางเปลี่ยนแปลงไป
คนคนนั้นพูดกับเซียวห้านว่า พวกเธอสองคนเข้าเรียนในที่เดียวกัน ทำไมถึงได้แตกต่างกันมากมายถึงขนาดนั้น คนคนหนึ่งอบอุ่นอ่อนโยนช่างเอาใจใส่ ผลการเรียนโดนเด่น อีกคนกลับเผด็จการไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนกับเป็นอันธพาลสาวคนหนึ่ง
ประโยคนี้ทำให้เซียวห้านรู้สึกสะเทือนใจ ดังนั้นเธอจึงพุ่งเป้าไปที่จางฟาง จากการเริ่มต้นล้างแค้นเล็ก ๆ น้อย ๆ จนถึงขั้นลักพาตัวเธอมา
ต่อมาเธอก็ตัดนิ้วมือทั้งห้าของจางฟางออก