บทที่ 15 ฟางเหยียนเป็นใคร
เธอกดเข้าไปดูภาพถ่ายที่เพื่อนสาวเฉินหย่าส่งมา เธอบอกว่า “ชิงหยู่ เขาเป็นสามีของเธอใช่ไหม เมื่อกี้ฉันผ่านตึงว่านฉง และได้พบเขาเข้าโดยบังเอิญ เขาเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ที่ตึกว่านฉงเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำถามของเฉินหย่า หัวใจของเย่ชิงหยู่เหมือนกับว่าถูกกรีดแทง
เธอลุกขึ้นมุ่งไปที่ตึกว่านฉงในทันที ในขณะที่ใกล้ถึงตึกว่านฉง ก็ได้เห็นชุดฟอร์มของฟางเหยียน ที่นั่งพักผ่อนที่อยู่ชั้นสอง
เธอนึกไม่ถึงเลยว่าฟางเหยียนมาทำงานเสิร์ฟแบบนี้ แถมยังไม่ให้เธอรู้อีกต่างหาก
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาฟางเหยียน ปลายสายรับโทรศัพท์ทันที
“ฟางเหยียน นายอยู่ที่ไหน?” เย่ชิงหยู่กล่าวถาม
ฟางเหยียนตอบ “อืม ผมทำธุระที่ข้างนอกนิดหน่อย มีอะไรไหม?”
“ไม่มีอะไร นายบอกฉันได้ไหมว่าอยู่ที่ไหน?”
“ผมหรือ? ผมใกล้จะกลับบ้านแล้ว คุณมีอะไรจะพูดอย่างนั้นหรือ
“เปล่า ไม่มีอะไรแล้วฉันจะโทรไปไม่ได้ใช่ไหม? นายกลับมาเร็วๆแล้วกัน ฉันวางก่อน”
จบคำเย่ชิงหยู่ตัดสายทิ้งทันที เธอหันกลับไปมองที่ฟางเหยียนด้วยความกังวล เธอรู้สึกไม่สบายใจ ทำไมต่อให้เป็นพนักงานเสิร์ฟก็ไม่ยอมให้เธอช่วยเหลือ?
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าการปฏิบัติตัวของตระกูลจางที่มีต่อฟางเหยียน ยังไงซะฟางเหยียนก็เป็นผู้ชาย ผู้ชายมักจะกลืนความขมขื่นลงในใจเสมอ
เธอหันไปทางฟางเหยียนอีกรอบ ก่อนที่จะแอบย่องออกจากตึกว่านฉงอย่างเงียบๆ
หลังจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ฟางเหยียนก็มีสายเรียกเข้า ซึ่งมาจากเทียนขุย
“จอมพลโผ้จวิน วันนี้คุณนายออกมาเดินเล่น”
“อืม เธอไปที่ไหนมาบ้าง?”
“ไปเดินดูที่ร้านเครื่องประดับ นอกจากนั้น ยังไปหาท่านด้วยครับ”
“อืม ฉันรู้แล้ว”
ฟางเหยียนตัดสายทิ้ง ก็มุ่งไปที่ร้านเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในเมืองจินโจวทันที
บางทีเป็นผู้หญิงก็อาจจะชอบเครื่องประดับทุกคนสินะ พอดีที่อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเกิดของเย่ชิงหยู่ จะได้เตรียมของขวัญให้เธอด้วยเลย
ร้านเครื่องประดับร้านหยกตี้เซิ่งหยวนไม่ใช่ร้านที่ใหญ่ที่สุดในเมืองจินโจว แต่ที่นี่เป็นร้านเครื่องประดับที่มีราคาสูงที่สุด ที่นี่ไม่ใช่ร้านเครื่องประดับที่เหมาะสำหรับทุกคน แต่ที่นี่มีไว้เพื่อนต้อนรับลูกค้าระดับเศรษฐีเท่านั้น เจ้าของร้านหลิวเหอฉาง เป็นเศรษฐีอันดับต้นๆ ของเมืองจินโจว
ฟางเหยียนเดินมาถึงหน้าประตูร้าน หญิงสาวหน้าตาดีสองคนสำรวจฟางเหยียน ของราคาถูกทั้งตัว ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนมีเงิน
“คุณผู้ชาย มาซื้ออะไรคะ? หรือว่ามาหาใครคะ?” หญิงสาวบริการคนหนึ่งเอ่ยถามฟางเหยียน
ฟางเหยียนนิ่งไปสักพัก ก่อนที่จะเอ่ย “ซื้อของ”
พนักงานขายหัวเราะ พร้อมคิดในใจว่าร้านหยกตี้เซิ่งหยวนเป็นที่ที่ใครคิดจะมาก็ได้อย่างนั้นเหรอ? เพราะงั้นเธอจึงกล่าวถาม “ถ้างั้น คุณมีบัตรสมาชิกของที่นี่ไหม?”
ฟางเหยียนส่ายหน้า “ไม่มี”
“ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณผู้ชาย คุณอาจจะมาผิดที่ ของในร้านเราแพงมาก หากไม่มีบัตรสมาชิก เราจะไม่ขาย คุณไปดูที่ร้านอื่นเถอะคะ!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของฟางเหยียนเปลี่ยนไปทันที พนักงานสาวนี่ดูหมิ่นคนอื่นอย่างนั้นเหรอ
เขากำลังจะตอกกลับ หากแต่น้ำเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านใน
“อ้าว ฟางเหยียนหรือ? ทำไม มาซื้อของที่ร้านหยกตี้เซิ่งหยวนงั้นเหรอ?”
ฟางเหยียนแหงนหน้าขึ้น ก็ได้พบกับเฉินหย่าและผู้ชายอีกหลายคนที่เขาไม่รู้จัก
ครอบครัวของเฉินหย่าประกอบธุรกิจโรงงานวัสดุก่อสร้าง ถือว่าเป็นธุรกิจที่มีระดับกลาง โดยรวมแล้วมีทรัพย์ประมาณร้อยล้าน เป็นเพื่อนสมัยมัธยมปลายของเย่ชิงหยู่ ในความทรงจำของฟางเหยียน ทั้งคู่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาก
เฉินหย่าทำหน้าเหยียดหยาม “แกรู้ไหมว่าของในนี้แพงแค่ไหน? สถานะเด็กบริการอย่างแก ต่อให้ทำงานยี่สิบปีก็ซื้อของที่นี่ไม่ได้หรอก”
“ที่แท้เป็นพนักงานเสิร์ฟเองหรือ ฉันว่าแล้ว”
“สมัยนี้ มีคนทุกรูปแบบจริงๆ” พนักงานขายทั้งสองกระซิบเสียงแผ่ว พร้อมทำงานเหยียดหยาม
ฟางเหยียนไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเขาไปเป็นพนักงานเสิร์ฟตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“อยากจะซื้อของขวัญให้กับเย่ชิงหยู่ ก็ไปที่ถนนคนเดินซะ ของที่นำของข้างถนนนั่นเหมาะกับเธอมากกว่า ยังไงซะก็แค่ไม่กี่บาท” จบคำ เฉินหย่าก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
หลังจากที่ครอบครัวของเย่ชิงหยู่ตกอับ เธอก็ดูถูกเย่ชิงหยู่จากใจ ภายนอกดูอย่างกับพวกเธอสนิทกันมาก แต่อันที่จริง ไม่ได้เป็นแบบนั้นมานานแล้ว
ฟางเหยียนจับจ้องเฉินหย่า “ภรรยาของผมเอง ก็ต้องคู่ควรกับของที่แพงที่สุด เพราะไม่ว่าตอนไหนเธอก็ดูแพงกว่าหล่อน”
ฟางเหยียนไม่อยากจะแยแสเฉินหย่า พลันก้าวเข้าไปในร้านหยกตี้เซิ่งหยวน
แต่เมื่อเดินได้สองก้าว ก็ถูกพนักงานสาวทั้งสองขวางเอาไว้เสียก่อน “เห้เห้ นายคิดจะทำอะไรของนาย?”
ฟางเหยียนเอียงศีรษะเอ่ยถาม “พวกคุณหมายความว่ายังไง?”
“หมายความว่ายังไงอะไร? พนักงานอย่างคุณจะมาทำอะไรที่นี่ คุณรู้ไหมว่าของที่นี่แพงขนาดไหน? หากเกิดการชำรุดเสียหายขึ้นมา นายรับผิดชอบไหวไหม?”
“นั่นสิ แกคิดว่าร้านหยกตี้เซิ่งหยวนเป็นที่ที่ใครอยากจะมาก็ได้อย่างนั้นเหรอ?”
ในเวลานี้เอง น้ำตาที่ฟังดูทรงพลังดังขึ้น “เกิดอะไรขึ้น? เอะอะโวยวายเสียงดัง รู้ไหมว่าเรากำลังค้าขาย”
เป็นชราหัวล้าน แต่งตัวด้วยชุดจีนนักพรตยาว พร้อมกับสร้อยในมือ ด้านหลังของเขามีการ์ดที่ใส่ชุดสูทสีดำตามมาด้วย ดูก็รู้ว่าต้องมีตำแหน่งระดับผู้จัดการขึ้นไป
“นายคะ คนคนนี้ต่างหากที่ก่อเรื่อง! ไม่มีบัตรสมาชิก แต่ก็ยังจะซื้อของอีก และได้รบกวนลูกค้าท่านอื่นๆ เข้าด้วย” พนักงานสาวคนหนึ่งชี้ไปที่ฟางเหยียน
“ใข่ใช่ เขารบกวนฉัน เห็นคนแบบนี้ทีไร ฉันก็ไม่มีอารมณ์ซื้อแล้ว” เฉินหย่าชี้ไปที่ฟางเหยียน
หลิวเหอฉางเดินไปที่ฟางเหยียน ผู้จัดการด้านหลังของเขาพิจารณาฟางเหยียนตั้งแต่หัวปลดเท้า ก่อน “วางใจได้เลยครับนาย ผมจัดการเอง ผมจะให้มันไสหัวไปเอง รปภ. รปภ.!”
หลิวเหอฉางยกแขนขึ้นข้างหนึ่ง คิดที่จะฟาดเข้าบ้องหูที่พนักงานสาว ฝ่ามือฟาดเข้าที่ผู้จัดการคนนั้น
ทันใดนั้น เสียงเข่ากระทบพื้นดังขึ้น
สองทั้งสองข้างกำชายเสื้อของฟางเหยียนเอาไว้แน่น พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ผู้มีพระคุณ ผู้มีพระคุณ ในที่สุดผมก็ได้พบกับคุณ ผมคิดว่าในชีวิตนี้ผมจะไม่มีโอกาสได้พบกับท่านซะแล้ว”
เงียบกริบ! ทุกคนเงียบกริบ
เหล่าพนักงานสาวและลูกค้าที่ดูเหตุการณ์ต่างอึ้งไป เศรษฐีอันดับต้นๆ ของเมืองจินโจว เจ้าของร้านหยกตี้เซิ่งหยวนอย่างหลิวเหอฉางกลับคุกเข่าให้กับชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่าตรงหน้านี้ แถมยังร้องห่มร้องไห้อีก
บุคคลที่ตระหนกที่สุดคือเฉินหย่า ที่อ้าปากค้าง ด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
นายฟางเหยียนเป็นแค่เขยแต่งเข้าไม่ใช่หรือไง? เหตุใดหลิวเหอฉางถึงได้คุกเข่าลงต่อหน้าเขาได้?
เขา เป็นใครกันแน่?
“คุณเป็นใคร?” ฟางเหยียนไร้การเปลี่ยนแปลงบนใบหน้า คนที่คุกเข่าต่อหน้าเขาเยอะแยะเหลือเกิน ไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร
“สถานะของผม ท่านจำไม่ได้ก็ไม่แปลก เราไปคุยกันด้านในได้ดีไหม?”
ฟางเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย หลิวเหอฉางเองก็ลุกขึ้นยืน
“พวกเธอสองคน ถูกไล่ออกแล้ว!” หลิวเหอฉางชี้ไปที่ผู้จัดการและพนักงานขาย