เย่ชิงหยู่ยกมือขึ้นมาแตะประตูห้องอย่างระมัดระวัง ก็เหมือนราวกับโดนไฟฟ้าดูด เธอดึงมือกลับมาอย่างกะทันหัน ประตูเก่าแก่นี้มั่นคงอยู่ที่นี่มาหลายร้อยปีแล้ว เมื่อก่อนเธอเดินเข้าออกที่นี่ได้อย่างอิสระ แต่ตอนนี้มาถึงที่นี่ กลับเหมือนกับเป็นขโมย ยังต้องหลบๆซ่อนๆ
ที่น่ากลัวไปกว่านั้นก็คือ เธอไม่มีกล้าแม้แต่จะแตะประตูของที่นี่ด้วยซ้ำ
ในเวลานี้ ฟางเหยียนมองเห็นจุดอ่อนของเธอ ดังนั้นฟางเหยียนจึงยกมือขึ้นมาจับมืออีกข้างหนึ่งของเธอไว้ แล้วพูดว่า: “เปิดมันออกมา! พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
คำพูดนี้ดูเหมือนจะมีพลังเวทมนตร์ ฟางเหยียนก็เหมือนกับสิ่งที่เติมเต็มกำลังใจให้กับเย่ชิงหยู่อยู่ตลอดเวลา คำพูดของเขา มักจะสามารถทำให้เย่ชิงหยู่ลืมตัวเอง และเข้าสู่สถานะใหม่ได้ทั้งหมด
ก็เหมือนโครงการของหวงหยวนฉาวที่รับปากกับคุณปู่ไว้ก่อนหน้านี้ ก็เหมือนกับไปร่วมงานเลี้ยงของเพื่อนร่วมชั้นก่อนหน้านี้ เพราะตัวเองถูกหัวเราะเยาะ การกระทำหนึ่งอย่างของเขาก็ทำให้ตัวเองอบอุ่นใจ ความรู้สึกแบบนี้ช่างน่าอัศจรรย์ แต่ฟางเหยียนก็มหัศจรรย์มากอยู่แล้ว
ในที่สุด เธอก็กัดฟัน รวบรวมพลัง และผลักประตูเปิดออก
ขณะที่เปิดประตู เสียงพึ่บพั่บก็ดังขึ้นมา ไฟของข้างในก็สว่างขึ้นในขณะนี้ เย่ชิงหยู่กุมหน้าไว้ โดยไม่ได้ตั้งใจ และหวาดหวั่นที่จะสำรวจทุกอย่างของข้างใน
เป็นเพราะเธอหวาดกลัวถึงได้รู้สึกหวาดหวั่น! แต่ว่าพวกเขาแอบกลับมา ถ้าข้างในมีเจ้าของที่ซื้อบ้านใหญ่ตระกูลเย่ไว้อยู่ควรทำอย่างไรดี? ถึงเวลานั้นตัวเองจะกระอักกระอ่วนมากแค่ไหน
แต่รอหลังจากที่เธอเห็นภาพข้างใน ร่องรอยความหวาดกลัวในใจกลับกลายเป็นประหลาดใจ! ไฟในบ้านก็สว่างทั้งหมด ทัศนียภาพทั้งหมดของในบ้านใหญ่ตระกูลเย่ บ้านใหญ่ตระกูลเย่แห่งนี้ก็ยังคงเป็นบ้านใหญ่ตระกูลเย่เมื่อก่อนนี้ และดูเหมือนว่าจะไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป
เย่ชิงหยู่สงสัยมากว่าฉากตรงหน้านี้เป็นความฝัน เธอพยายามที่จะระงับอารมณ์ภายในจิตใจ ควบคุมสภาพตอนนี้ไว้ เธอกลัว กลัวว่าตราบใดที่อารมณ์เปลี่ยนไป ความฝันของเธอก็จะตื่นขึ้นมา
“ชิงหยู่ พวกเรากลับกันเถอะ!” มือใหญ่ของฟางเหยียนจับมือเธออีกครั้ง บอกกับเธอว่าทั้งหมดนี้เป็นความจริง
ใช่ เป็นความจริง เธอเปิดประตูบ้านใหญ่ตระกูลเย่จริงๆ
แปดเดือนแล้ว เธอไม่ได้ก้าวเข้าบ้านใหญ่ตระกูลเย่แม้แต่ก้าวเดียวมาแปดเดือนเต็มๆ แต่นี่เป็นบ้านของเธอนะ!
ดวงตาของเธอเริ่มมีหยดน้ำตาใสอยู่ ภาพเหตุการณ์ต่างๆของบ้านใหญ่ตระกูลเย่เบ่งบานอยู่ต่อหน้าต่อตาของเธอ
เก้าอี้ไม้แบบโบราณตัวนั้นที่วางอยู่ในลานบ้าน ต้นไม้ใหญ่ที่ยืนหยัดสูงตระหง่านอย่างภาคภูมิอยู่ที่หน้าประตู เขายังคงรักษาความภาคภูมิใจของตัวเองไว้เสมอ ก็เหมือนกับกำลังเฝ้าดูแลบ้านใหญ่ตระกูลเย่ ยังมีบ่อน้ำนั้น หัวมังกรของบนบ่อน้ำยังคงพ่นน้ำออกมาข้างนอก น้ำในปากของเขาดูเหมือนจะพ่นไม่หมดไปตลอด
เย่ชิงหยู่เดินเข้าไปทีละก้าว ต้มไม้ใบหญ้าของที่นี่ ไม่เคยเปลี่ยนไป บ้านใหญ่ตระกูลเย่ในเวลานี้ก็ส่องแสงเจิดจ้า ดั่งเช่นกลางวัน ตามแสงสว่าง เย่ชิงหยู่เดินเข้าไปทีละก้าว
เธอมาถึงที่หน้าประตูของบ้าน โดยไม่ลังเล เธอก็ผลักประตูใหญ่ของบ้านใหญ่ตระกูลเย่อีกครั้งหนึ่ง
ในใจกลางบ้านใหญ่ตระกูลเย่ จัดวางรูปหัวใจที่เรียบร้อยอยู่หนึ่งดวง หลังจากที่เปิดประตูใหญ่แล้ว เทียนแถวหนึ่งที่สว่างอยู่อย่างเรียบร้อย เทียนที่เรียงรายอยู่ สะท้อนคำออกมาหลายคำว่า: ยินดีต้อนรับเจ้าของกลับบ้าน
เย่ชิงหยู่ก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป เอามือปิดปากไว้ และน้ำตาแห่งความผิดหวังก็หลั่งไหลออกมา
เธอก้าวเดินเข้าไปในบ้านใหญ่ตระกูลเย่ และสิ่งที่ปรากฏอยู่ในดวงตาก่อนก็คือตัวอักษรเย่ขนาดใหญ่ ด้านล่างของตัวอักษรเย่ก็เป็นโซฟาลายมังกรที่สูงส่งตัวนั้น สิ่งที่เรียกว่าโซฟาลายมังกรก็เป็นไม้แกะสลักลายมังกรอยู่บนโซฟา เบาะที่นั่ง วางอยู่ที่สถานที่ที่สูงกว่าทุกส่วนของห้องโถง
มีขั้นบันไดสูงอยู่ที่นั่น ก็เหมือนสถานที่ที่จักรพรรดิในสมัยโบราณนั่ง ซึ่งสูงกว่าข้าราชการทั่วไปขั้นหนึ่ง นี่ก็เป็นสังคมศักดินาโบราณอีกด้วย และสัญลักษณ์ของตำแหน่งสถานะของสังคม
ตระกูลใหญ่เหล่านี้ก็มีความเคยชินแบบนี้ วางตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงในบ้าน ต่อจากนั้นก็วางเก้าอี้หรือโซฟาที่รู้สึกว่ามีมูลค่ามากไว้หนึ่งตัว ต่อจากนั้นตำแหน่งนั้นก็เป็นที่นั่งของผู้นำตระกูล
เย่ชิงหยู่จำได้อย่างชัดเจนว่านั่นเป็นโซฟาของพ่อเธอ บนโซฟานั้นนั่งได้เพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเย่เทียน แม้แต่จางเจียวเจียวก็ไม่สามารถนั่งได้
ตอนเด็กๆเพราะเย่ชิงหยู่ซุกซน จะแอบขึ้นไปนั่ง ในเวลานั้น เธอนั่งลงไป ฟางเหยียนก็อยู่ที่ใต้เท้าของเธอ เย่ชิงหยู่พูดกับฟางเหยียนว่า: “เสี่ยวเหยนจื่อ นับจากนี้ไปนายต้องดูแลรับใช้ฉันให้ดี ไม่อย่างนั้นฉันจะตีนาย”
ฟางเหยียดที่ยืนอยู่ด้านล่างของโซฟาเวลานี้ ก็จะพูดอย่างร่วมมือมากว่า: “รู้แล้วครับ คุณหนู”
นั่นเป็นเกมในวัยเด็กของทั้งสองคน ไม่ใช่เย่ชิงหยู่เท่านั้นที่จำได้ ฟางเหยียนก็ไม่เคยลืมทั้งหมดนี้
เขาก้าวไปข้างหน้า จับมือของเย่ชิงหยู่ไว้ แล้วพูดว่า: “มา คุณหนูของผม เชิญคุณนั่ง”
หลังจากที่พูดเสร็จ เขาดึงเย่ชิงหยู่ไปบนโซฟาลายมังกรตัวนั้น ต่อจากนั้นตัวเองก้มโค้งคำนับอย่างเคารพอยู่ที่ด้านล่างแล้วเรียกว่า: “คุณหนูของผม คุณมีอะไรที่จะสั่งให้เสี่ยวเหยนจื่อไปทำมั้ยครับ?”
“ฮือ!” เย่ชิงหยู่เอามือปิดปากร้องไห้ออกมาอย่างทนไม่ไว้ ขณะที่ร้องไห้ก็ยิ้มไปด้วย มีความรู้สึกไม่สบายใจที่อธิบายไม่ได้
ฟางเหยียนมองไปที่เย่ชิงหยู่ แล้วถามว่า: “คุณหนูของผม คุณร้องไห้ทำไม?”
เย่ชิงหยู่ไม่พูด เพียงแต่น้ำตายังคงติ๋งๆไหลลงมา
ทุกอย่างในห้อง ยังอยู่ทั้งหมด
ที่นี่ก็เหมือนราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ทุกอย่างดูเหมือนจะกลับไปสู่จุดเดิม
ตลอดสองร้อยวันและคืนที่ผ่านมา เธอต้องการจะกลับมาในบ้านของเธออีกครั้งมากแค่ไหน และเธอหวังว่าทุกอย่างนั้นจะไม่เกิดขึ้น
เย่ชิงหยู่ไม่กล้าพูดอะไร เธอกลัวว่าตราบใดที่ตัวเองเพียงแค่พูด“ความฝัน”ก็จะตื่นขึ้นมา
“คุณหนูของผม ยินดีต้อนรับคุณกลับบ้าน” จู่ๆฟางเหยียนก็หยิบกุญแจออกมาหนึ่งดอก ยื่นให้เย่ชิงหยู่ด้วยมือทั้งสองข้าง
เมื่อเย่ชิงหยู่เห็นกุญแจดอกนั้น ก็นิ่งอึ้งไป นั่นเป็นกุญแจของบ้านใหญ่ตระกูลเย่!
เสียงร้องไห้ของเธอก็กลายเป็นอ่อนลงมา ต่อจากนั้นฟื้นคืนสติมาอย่างรวดเร็ว แล้วพูดว่า: “ฟางเหยียน นายทำอะไรนะ? ทำไมถึงได้ขโมยกุญแจของบ้านใหญ่ตระกูลเย่มา”
ฟางเหยียนนิ่งอึ้ง แล้วพูดว่า: “เธอรับกุญแจนี้ไว้ ไม่มีใครกล้าพูดว่าเธอขโมยมาหรอก ชิงหยู่ นี่เป็นบ้านของพวกเรา พวกเราเอาบ้านของพวกเรากลับคืนมา เป็นหลักการที่ถูกต้องอย่างไม่สงสัย บนโลกใบนี้ มีใครกล้าพูดคำว่าไม่แม้แต่คำเดียวเหรอ?”
เย่ชิงหยู่ยังไม่กล้าเชื่อสิ่งที่ฟางเหยียดพูด รีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว: “ไม่ ฟางเหยียน พวกเรากลับไปกันเถอะ! นายทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะ พวกเราไม่สามารถทำแบบนั้นได้”
เธอดึงสติกลับคืนมาแล้ว ก็รู้ว่าฟางเหยียนกำลังทำอะไรอยู่
เธอไม่มีทางเดาว่าสิ่งนี้ฟางเหยียนเป็นคนซื้อมา ฟางเหยียนมีเงินมากมาย แต่ว่าต้องการจะซื้อบ้านใหญ่ตระกูลเย่ อย่างน้อยก็ต้องหลายร้อยล้าน ฟางเหยียนไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น เย่ชิงหยู่ก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
แต่ฟางเหยียนกลับพูดอย่างไม่สนใจว่า: “ที่นี่เป็นบ้านของพวกเรา นี่เป็นบ้านใหญ่ตระกูลเย่ นี่เป็นของเธอเย่ชิงหยู่ ตอนนี้ เธอเป็นคนเดียวที่มีสิทธิ์ที่จะนั่งอยู่ที่นี่”
ต่อจากนั้นเขายืดตัวให้ตรง แทบจะเป็นการประกาศ และพูดเสียงดังว่า: “ทุกสิ่งของตระกูลเย่ ก็กลับมาเป็นชื่อของเธอ เธอเป็นผู้สืบทอดของกิจการทั้งหมดของเย่เทียน”
“ชิงหยู่ ลุงเย่ไม่อยู่แล้ว แต่ว่าของทุกสิ่งของตระกูลเย่ยังคงอยู่ เธอก็คือผู้นำตระกูลของตระกูลเย่!”
ฟางเหยียนเพิ่มเสียงในคำพูด และพูดออกมาด้วยพลังอานุภาพที่มหึมา!