บทที่ 20 ฟางเหยียน เทพแห่งสงคราม
ขาทั้งสองข้างของชายหนุ่มวางประทับลงกับพื้น ยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้หยุด
ในเวลานี้โลกหยุดหมุน เวลาเสมือนกับว่าถูกหยุดนิ่ง
ภายในที่เกิดเหตุเงียบกริบ เสมือนกันรกร้าง เงียบจนน่าหวาดหวั่น
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่แหงนหน้าขึ้น
มองไปที่เหล่าคนที่นิ่งแข็งทื่ออยู่ที่หน้าประตูบ้านของตระกูลจาง
เขาขยับฝีเท้า มุ่งไปที่กลุ่มผู้คนทีละก้าว สายตาของเหล่านักรบจับจ้องไปที่แผ่นหลังของเขา เขาเป็นเทพของพวกเขา เป็นตำนานของประเทศหวา
เขาไม่ใช่ใครอื่น เขาเป็นเขยแต่งเข้าของตระกูลเย่นั่นเอง ฟางเหยียน!
ฟางเหยียนหยุดฝีเท้าลงที่หน้าเซียวเหวินห่าว ที่สติยังคงหลุดลอย อยู่ในท่วงทีที่ตกตะลึง
แม้แต่เย่ชิงหยู่ รวมไปถึงทุกคนในตระกูลจางต่างก็ตัวแข็งทื่อ! ไม่มีใครที่สามารถดึงสติให้กลับมาได้จากสิ่งที่เห็น
ผ่านไปสักพัก ในที่สุดเซียวเหวินห่าวก็เรียกสติกลับคืนมาจงได้ เขาจ้องมองฟางเหยียนด้วยสีหน้าประหลาด “แก แกแกแก แกเป็นใครกันแน่?”
“แกว่ายังไงล่ะ? คิดว่าผมเป็นใคร?” ฟางเหยียนกล่าวอย่างนิ่งเฉย
ในเวลานี้ ชายร่างกำยำมุ่งเข้ามา
พลังของชายหนุ่มแผ่ซ่านไปทั่ว ฝีเท้าก้าวใหญ่ หลังจากที่เดินเข้ามา บรรยากาศของตระกูลจางนั้นมาคุเข้าไปใหญ่
ชายหนุ่มเดินมาที่หน้าบ้านตระกูลจาง กวาดสายตาไปทั่ว ก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่ชายนายเครื่องแบบเช่นเดียวกันอย่างเซียวเหวินห่าว
เซียวเหวินห่าวที่สติหลุดลอย ยืดตัวตรงขึ้นทันที ด้วยสีหน้าคร่ำเครียด โค้งคำนับแสดงความเคารพ
ก่อนที่จะตะโกนขึ้นเสียงดัง “รองผู้นำกองทหารสาขาภาคตะวันตกเฉียงเหนือ เซียวเหวินห่าว รายงานตัว!”
เทียนหลังเป็นรองผู้นำในภาคตะวันตกเฉียงเหนือทั้งหมด ซึ่งมาจากกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุด และลึกลับที่สุดอย่างสำนักเจ็ดพิฆาต ที่มีชื่อเสียงดังกระฉ่อน
ส่วนเซียวเหวินห่าวเป็นเพียงแค่ของผู้นำในสาขาหนึ่งเท่านั้น สถานะของทั้งคู่ ต่างกันมากนัก
เซียวเหวินห่าวไม่รู้จักฟางเหยียน แต่เขาเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้จักรองผู้นำกองทัพหน่วยรบที่แข็งแกร่งระดับสี่ดาวคนนี้ได้! เขาเป็นถึงหัวหน้าระดับสูงของเขาเอง!
ทีแรกคิดว่ารองผู้นำระดับสามดาวว่าสุดยอดแล้ว ใครจะไปคิดว่าคนเหล่านี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขาอีก!
เทียนหลังไม่ใส่ใจเขา หากแต่เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเย่ชิงหยู่ ชูกล่องขึ้นมาอันหนึ่ง โค้งคำนับ90องศา พร้อมกล่าว “รองผู้นำจำนักเจ็ดพิฆาตภาคตะวันตกเฉียงเหนือเทียนหลัง ได้รับคำสั่งจากจอมพลโผ้จวิน มาเพื่ออวยพรวันเกิดให้กับคุณนาย ขอให้คุณนายเป็นสาวตลอดไป ขอมอบโสมพันปีแทนคำอวยพร!”
เย่ชิงหยู่ขยับตัว หันไปทางฟางเหยียน
ฟางเหยียนยังคงทีท่าหล่อเหลา ปฏิกิริยาบนใบหน้าไร้การเปลี่ยนแปลง
รองผู้นำภาคตะวันตกเฉียงใต้ เรียกเย่ชิงหยู่ว่าคุณนาย ฟางเหยียน เป็นเบื้องบนของเขาจริงหรือ?
คุณนาย ช่างเป็นตำแหน่งที่สูงส่ง ไม่ใช่คนทั่วไปที่จะมีในครอบครองได้
ถ้าอย่างนั้น ตำแหน่งของฟางเหยียนใหญ่ขนาดไหนกันแน่?
เย่ชิงหยู่ไม่รู้ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนก็ไม่รู้เช่นเดียวกัน แต่ในใจของเซียวเหวินห่าวสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่น!
คนที่สามารถทำให้เทียนหลังขานเรียกคุณนายได้ นอกเสียจากภรรยาของเทพสงคราม แล้วยังจะมีใครอีก?
หลังจบคำเทียนหลัง เขาวางโสมพันปีลงบนโต๊ะตัวข้างๆ เย่ชิงหยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนถอยไปอีกทาง
ในขณะที่ทุกคนตกอยู่ในภวังค์ รองผู้นำคนอื่นๆ ต่างก้าวเข้ามา ส่งมอบของขวัญของตัวเอง
การที่พวกเขามาที่นี่ แถมยังทำแบบเดียวกันอีก คือการอวยพรเย่ชิงหยู่ ส่งมอบของขวัญ
นายฟางเหยียนคนนี้ เป็นใครกันแน่!
ทุกคนต่างคาดเดาไปต่างๆ นานา แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็คิดไม่ออกเสียที
เซียวเหวินห่าวในตอนนี้เหงื่อโชกเต็มแผ่นหลัง รองผู้นำภาคตะวันตกเฉียงใต้มาเพียงแค่คนเดียวก็น่าหวาดผวามากพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้ มาถึงห้านาย ทั้งห้ายืนเรียงกัน ราวกับกำลังจะทำศึกสงครามไม่ผิดเพี้ยน
ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถทนอยู่ได้ จึงกล่าวอย่างอ้ำอึ้ง “ทะ ทะทะท่านรองผู้นำทั้งหลาย ผมไม่รู้จริงๆ ว่าตระกูลจางมีความสัมพันธ์กับพวกท่าน หากรู้ก่อนหน้านี้ละก็ ผะผะผมไม่มีทางมาแน่ ทะท่านทั้งหลาย ผมขอตัวก่อน”
อยู่กับพวกเขาต่อไป ต้องหัวใจหยุดเต้นแน่ๆ!
เซียวเหวินห่าวร้อนตัวจะหลบหนี แต่ฟางเหยียนกลับกล่าวขึ้นอย่างเคร่งขรึม “หยุด!”
เซียวเหวินห่าวนิ่งอยู่กับที่
เขาหันกลับไปทางฟางเหยียนอย่างกล้าๆ กลัวๆ ฟางเหยียนใช้น้ำเสียงที่เรียบนิ่งกล่าวถามเขา “เมื่อสักครู่ แกบอกว่าจะจับตัวภรรยาของผมไปไม่ใช่หรือ? ทำไม? เธอยัง อยู่ตรงนี้ แกกลับจะไปก่อนอย่างนั้นหรือ?”
แม้ว่าเสียงของฟางเหยียนจะไม่ดังมากนัก แต่ทุกตัวอักษรกลับเสียดแทงหัวใจของเซียวเหวินห่าวอย่างจัง
เขาเบิกตาโพลง เขากล้าจับตัวเธอเสียที่ไหน ในสถานการณ์แบบนี้เขาสามารถเอาตัวรอดออกไปได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
เขายกแขนขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากที่ไหลเยิ้ม พร้อมแก้ตัว “ไม่ไม่ไม่ นั่นเป็นเพียงการเข้าใจผิด!”
“เข้าใจผิดงั้นเหรอ?” ฟางเหยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ก่อนที่จะเอ่ยเสริม “หากผมจำไม่ผิด คนที่ฝ่าฝืนกฎของกองคือแกไม่ใช่หรือไง?”
ประโยคนี้ทำให้เซียวเหวินห่าวตกอกตกใจ!
“เซียวเหวินห่าว!” ด้านนอก น้ำเสียงที่ทรงพลังแล่นเข้ามา ฝีเท้าที่สอยถี่ด้วยความเร่งรีบ แต่กลับไม่ขาดความมั่นคง
เขาคือเทียนขุย ที่ปรากฏตัวขึ้นในที่ประชุมการลงทุนของหวงหยวนฉาว ทุกคนที่อยู่ในงานหลายคนต่างก็รู้จักเขา
เมื่อนึกถึงภาพที่หวงหยวนฉาวปฏิบัติต่อเขาปานแขกที่สูงศักดิ์ สีหน้าของทุกคนพลันคร่ำเครียดมากกว่าเก่า
“พลตรีเทียนขุย!” เซียวเหวินห่าวโค้งคำนับด้วยเหงื่อที่แตกพราก
เทียนขุยมองเซียวเหวินห่าวตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนเอ่ย “แกคิดว่ามาอยู่ที่เมืองจินโจว เราจะจับแกไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
เซียวเหวินห่าวหน้าถอดสี พลันเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “จับกุมผม? ท่านพลตรี ท่านเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่?”
“เหอะ!” เทียนขุยโกรธจัด “เซียวเทียนห่าว แก ยังจะแสร้งอยู่อีกใช่ไหม?”
เซียวเหวินห่าวน้ำตาแทบไหล เขาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “กระผมไม่รู้จริงๆ ว่าได้ทำอะไรผิดไป?”
“แกใช้อำนาจในการที่ผิด หนักหนาถึงขั้นฝ่าฝืนกฎของกอง ฉันมาเพื่อจับกุมตัวแกกลับไปสืบสวน”
จบคำ นายทหารที่แบกปืนเอาไว้เดินเข้ามา พวกเขามัดเซียวเหวินห่าวเอาไว้ด้วยเชือกขนาดใหญ่
ความยิ่งใหญ่ของเซียวเหวินห่าวเมื่อสักครู่ ดับมอดลงหายไปราวฝุ่นควัน!
เซียวเจิ้นเที่ยนตกใจจนใบหน้าขาวซีด ต่อให้เขาเป็นตระกูลชั้นนำที่มีอำนาจที่สุดในเมืองจินโจว แต่เขากล้าต่อกรกับคนระดับนี้เสียที่ไหน
เขาเอ่ยอย่างยำเกรง “ท่านนายพลทั้งหลาย ผมเป็นผู้นำของตระกูลเซียว ไม่ทราบว่าน้องชายของผม…..”
“ไสหัวไป!” เทียนขุยตะคอกอย่างดุดัน ทำให้เซียวเจิ้นเทียนตกใจจนเนื้อตัวสั่นเทา
อำนาจของตระกูลเซียวอะไรกัน อะไรคือตระกูลอันดับหนึ่ง ในสายตาของรองผู้นำกองทหารภาคตะวันตกเฉียงเหนือแล้วไร่ค่าสิ้นดี
เขาเป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่ที่หวงหยวนฉาวแห่งตะวันตกเฉียงใต้เคารพนับถือเชียวนะ
“เพี๊ยะ!” เขากลับหลังหัน ทำความเคารพฟางเหยียนด้วยสัญลักษณ์ของทหาร
ความเคลื่อนไหวนี้ ทำให้ทุกคนในที่นี้ต่างหวาดหวั่นไปตามๆ กัน
จางไห่เฟิงดวงตาเบิกกว้าง ปากปิดสนิท ไม่กล้าแม้แต่อ้าค้าง
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ!” จางไห่เฟิงแนบพิงกับบิดาของเขาจางซื่อตงด้วยเนื้อตัวที่สั่นเครือ
หากไม่มีการประคองของบิดาของเขา ขาของเขาอ่อนยวบ จนพับลงกับพื้นได้ทุกเมื่อ
เขาขาอ่อน ตกใจจนขาอ่อน อำนาจเช่นนี้ จะไม่ให้เขาตระหนกยังไงได้!
หัวใจของเย่ชิงหยู่เต้นรัว จ้องมองที่ฟางเหยียน เธอไม่รู้ว่าฟางเหยียนตรงหน้าเธอยังเป็นฟางเหยียนที่เธอรู้จักอยู่หรือไม่
หลังทำความเคารพเสร็จสิ้น เทียนขุยเอ่ยอย่างหนักแน่น “สหายฟางเหยียน ขอบคุณในความช่วยเหลือของคุณ หากไม่ใช่คุณ เราเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเมื่อไหร่จึงจะจับกุมเขาได้”
ฟางเหยียนจับจ้องเทียนขุย พร้อมทำความเคารพที่ผิดเพี้ยนเช่นเดียวกัน ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่เป็นไป ไม่ได้ยากเย็นอะไร”
ปฏิกิริยานั่น ราวกับลูกน้องที่พูดคุยกับนายพล ซึ่งมีความยิ่งใหญ่เอาแต่ใจซ่อนอยู่
เทียนขุยหันไปทางเย่ชิงหยู่ที่ตกใจจนหน้าถอดสี โค้งคำนับ90องศา พร้อมกล่าว “เทียนขุย ขอให้คุณนายลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ขอมอบยามังกรให้กับคุณแทนคำอวยพร”
คำพูดที่ชัดถ้อยชัดคำและตรงไปตรงมาของเทียนขุยทำให้เย่ชิงหยู่ที่ประหม่าอยู่แล้วประหม่ามากขึ้นไปอีก
“แค่กแค่กแค่ก!” ฟางเหยียนกระแอมไอสองสามที
หลังจากที่เทียนขุยวางของขวัญลง จึงหันไปทางกล่าวกับฟางเหยียนอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้น เราไปก่อน!”
ฟางเหยียนสะบัดมือพร้อมเอ่ย “ไปเถอะ! ขอบคุณพวกคุณทั้งหลายมาก”
คนที่เหลือต่างทำความเคารพต่อฟางเหยียน ก่อนที่จะเดินออกไป