สีหน้าของเซียวเจิ้นเที่ยนเปลี่ยนไป ไม่คาดคิดว่าไอ้นี่มันเก่งจริงๆ แม้แต่คุณชายของตระกูลฟางยังกล้าทำผิด ไม่แปลกที่คุณชายของตระกูลฟางนั่งให้จับมัน ดูท่าทางแล้วมันเชื่อมันตัวเองจนเกินไปแล้ว
แล้วก็กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังของมัน จะต้องเป็นปัจจัยที่มาคุณชายของตระกูลฟางจึงไม่ยุ่งมัน ไม่ว่าจะเป็นที่ถอนตัวไปแล้ว หรือที่ถูกคุณชายตระกูลฟางจัดการแล้ว โดยสรุปก็เป็นประโยชน์แก่ตัวเองทั้งนั้น
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เซียวเจิ้งเที่ยนกล่าว “ดูจากท่าทีแล้ว แกก็รู้ตัวเองดีหนิ”
เย่ชิงหยู่งงไปหมด เมื่อกี้ฟางเหยียนเพิ่งบอกว่าตนเป็นคุณชายของตระกูลฟาง ตอนนี้กลับกลายเป็นทำผิดต่อคุณชายของตระกูลฟาง เขาทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้ทำผิดต่อคุณชายของตระกูลฟางได้ละ
ตระกูลฟาง น่ากลัวกว่าตระกูลเซียวอีก ถ้าทำผิดต่อคุณชายของตระกูลฟางจริงๆ แล้วฟางเหยียนจะมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร
ใจของเธอสั่นระรัว เธอจับแขนของฟางเหยียน แล้วกล่าว “คุณ ทำผิดต่อคุณชายของตระกูลฟางจริงๆมั้ย?
ฟางเหยียนมองสายตาของเย่ชิงหยู่ ยกมือขึ้นมาจับที่ไหล่ของเขา พูดกับเธออย่างจริงใจ “ใช่ แต่ได้โปรดเชิญในคำพูดทุกคำที่ผมได้พูดกับคุณไป จำไว้ ว่าผมไม่เคยโกหกคุณมาก่อน”
ประโยคนี้เท่ากับกำลังบอกเย่ชิงหยู่ ว่าเขาคือคุณชายของตระกูลฟาง แต่เย่ชิงหยู่ไม่เข้าใจ เธอรู้สึกโมโหชิบหายเพราะฟางเหยียน เขากล้าดียังไงกัน ที่ไปหาเรื่องคุณชายของตระกูลฟาง
ถ้าทำผิดต่อคุณชายของตระกูลฟาง เย่ชิงหยู่ไม่รู้เลยว่าจะต้องเจอกับการลงโทษยังไง
“ฟางเหยียน ทำไมคุณมั่วได้ขนาดนั้น คุณรู้มั้ยการที่คุณดูถูกคนอื่นแบบนี้ จะทำให้…”
ยังพูดไม่ทันจบ เสียงเผด็จการเซียวเจิ้นเที่ยนดังขึ้น “ลงมือ!”
เซียวเจิ้นเที่ยนโบกมือ ด้วยท่าทางที่พรั่งพรูออกมา ไม้เท้าที่กุมไว้ในมือได้เคาะลงไปที่พื้นอย่างรุนแรงอีกครั้ง อย่างกล้าหาญและเผด็จการ
“เดี๋ยวก่อน!” จู่ๆ เสียงเชื่องช้าได้ดังออกมาจากห้องน้ำ
เห็นเพียงชายหัวล้านที่สะท้อนแสงคนหนึ่ง สวมใส่เสื้อกั๊กยีนเดินออกมาจากด้านใน เขาเป็นผู้พูดประโยคนี้ เขาในตอนนี้ เปลี่ยนไปแล้ว ไม่มีรอยสักบนแขนอีกต่อไป ด้านหน้ายังคงตามด้วยไอ้อ้วนที่ไม่พูดอะไรเลย
ชายหัวล้านพลางดึงกางเกงขึ้น พลางกล่าว “ฉันคิดว่าเซียวเจิ้นเที่ยนผู้นำตระกูลของตระกูลเซียวจะคุณธรรมสูงส่งเทียมฟ้ามาโดยตลอด ไม่มีทางแสดงพฤติกรรมที่รุมรังแกคนแบบนี้ แต่ไม่คาดคิดว่าแกจะทำให้ฉันผิดหวังขนาดนี้ พาคนมารังแกพวกเขาแค่สองคนเยอะขนาดนี้ มันเกินไปแล้วนะ!”
ไม่คาดคิดว่าความกล้าของชายหัวล้านจะมากขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าทำอะไรเกินเลยต่อหน้าผู้นำตระกูลของตระกูลเซียว
สายตาของเซียวเจิ้นเที่ยนค่อยๆมองไปที่ชายหัวล้าน หลับตาทั้งคู่ลง คิดในใจว่าหรือนี่คือผู้คุ้มกันของฟางเหยียน? ไม่สิ ผู้คุ้มกันของมันไม่อยู่แล้วหนิ แล้วจะมีผู้คุ้มกันของมันได้อย่างไรกันเล่า!
ในขณะที่เขากำลังเดาอยู่นั้น ชายหัวล้านยืนกอดอกพิงกำแพง ขณะนี้ เขามองเห็นบุหรี่ที่แขกลืมหยิบไปซองหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ จึงได้หยิบขึ้นมา จากนั้นสบถตะโกนออกมา “เศรษฐีนี่หว่า ซองล่ะห้าสิบ เจ๋งวะ!”
พูดจบเขาจึงได้จุดบุหรี่ จากนั้นสูบบุหรี่แล้วกล่าว “นี่ พวกแกทั้งสองถ้าต้องการผู้คุ้มกัน บวกเพิ่มอีกห้าสิบ! แล้วเรื่องวันนี้ เราสองพี่น้องจะจัดการให้แกเอง รับรองว่าพวกแกไม่ตาย”
ที่แท้ก็เพื่อเงิน ตอนนี้เซียวเจิ้นเที่ยนไม่อยากสนใจสวะพวกนั้น จึงได้เกรี้ยวกราด “เรื่องของตระกูลเซียว ไสหัวไป!”
ชายหัวล้านดูดบุหรี่ลึกๆ แล้วกล่าว “แกเห็นฉันเหมือนคนที่จะไปมั้ย? เมื่อกี้พวกมันให้ฉันมาห้าร้อย ถือว่าซื้อประกันให้กับตัวเองหนึ่งฉบับ วันนี้สองคนนี้ ฉันคุ้มกันเอง”
ตอนที่พูดว่าจะคุ้นกันเองสามคำนี้ออกมา เขาได้ลอยไปแล้ว ท่าทีเหมือนทำเพื่อราชาอย่างไรอย่างนั้น
แม้คนนี้จะลักษณะธรรมดา แต่กิริยาท่าทางใจนักเลง แต่ในช่วงเวลาแบบนี้ เย่ชิงหยู่อดไม่ได้ที่จะเห็นพวกเขาอยู่แล้วต้องตายไป จึงได้พูดกับทั้งสองว่า “พวกแกทั้งคู่ รีบไปก่อนเหอะ!”
ไม่ว่าพวกเขามีเจตนาอะไร แต่ตอนนี้อยู่ที่นี่ก็เหมือนรนหาที่ตาย
“เชรด!” ชายหัวล้านทิ้งบุหรี่ลง แล้วตะโกน “แม้แต่ห้าร้อยก็ไม่คิดจะให้ฉันแล้วเหรอ?”
เย่ชิงหยู่ส่ายหน้า “ไม่ใช่นะ พวกแกไม่รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ พวกแกไปก่อนเถอะ!”
ชายหัวล้านพยักหน้ากล่าว “ไม่เป็นไร ติดไว้ก่อน พวกเราก็ไม่ใช่คนใจแคบอะไร”
เซียวเจิ้นเที่ยนได้ยินลายหัวล้านพูดแบบนั้น ดูท่าทีแล้วสองคนนี้ทำเพื่อเงิน พวกเขามีความกล้าปรากฏกายต่อหน้าผู้คนจำนวนมากขนาดนั้น แล้วยังกล้าแสดงกิริยาที่น่าตื่นตาตื่นใจแบบนี้อีก ทั้งสองจะต้องมีจุดที่เด่นกว่าคนอื่นแน่นอน
ลองถามชื่อของเซียวเจิ้นเที่ยนที่เมืองจินโจวดูว่าใครไม่หวาดกลัวบ้าง แต่สองคนนี้เปลี่ยนมุมมองของเขาใหม่! ถ้าพวกเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไป อาจจะหนีไปนานแล้ว กล้าที่จะออกมาเป็นศัตรูกับเขาในตอนนี้ได้ จะต้องมีฝีมือแน่นอน
ตอนนี้ เป็นช่วงที่ตระกูลเซียวต้องการคนเก่ง ถ้ารับสองคนนี้เข้ามาได้ สำหรับตระกูลเซียวแล้วไม่แน่อาจเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งเลยละ
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เซียวเจิ้นเที่ยนยกมือขึ้นในระดับไหล่ ขยับสองนิ้ว ชายที่ใส่แว่นดำกลับไปบนรถอีกครั้ง ไม่นานได้หยิบกระเป๋าหนึ่งลงมา
เซียวเจิ้นเที่ยนรับกระเป๋ามา เปิดกระเป๋าต่อหน้าทั้งสองคน ชายหัวล้านมองเข้าไปด้านใน ตอนแรกไม่สนใจใดๆ แต่เมื่อกระเป๋าได้ถูกเปิดออกแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงออกมาว่า “เยสเข้!”
เห็นท่าทีที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของเขา ก็รู้ได้ทันทีว่าในกระเป๋าใส่อะไรไว้ เงิน เป็นเงินทั้งหมด
เซียวเจิ้นเที่ยนยิ้ม “ทั้งสอง นี่ห้าแสน! เพียงแค่แกตกลงทำงานให้กับตระกูลเซียว เงินทั้งหมดนี้จะเป็นของพวกแก แน่นอน นี่แค่เริ่มต้น อนาคตจะมีเงินมากกว่านี้เข้าในกระเป๋าของพวกแก
ชายหัวล้านโบกมือ “รอก่อน ฉันนับแป๊บ!”
พูดจบ เขาเริ่มใช้มือนับเงิน สิบเท่าของห้าร้อยคือห้าพัน ร้อยเท่าคือห้าหมื่น นี่ห้าแสน นั่นมันพันเท่า! เยสเข้ แค่หยิบออกมาก็แม่งฟุ่มเฟือยแล้ว ไม่แปลกที่เป็นตระกูลเซียว
สายตาของชายหัวล้านเป็นประกาย เดินไปที่ด้านหน้าของห้าแสน ยกมือขึ้นไปลูบเงิน กล่าวอย่างยินดีปรีดาว่า “นี่นี่นี่เป็นของฉันจริงๆเหรอ? แกจะเอาเงินทั้งหมดที่มีให้ฉันจริงๆใช่มั้ย?”
บนใบหน้าของเซียวเจิ้นเที่ยนมีรอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏออกมา เขาพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ ห้าแสน เป็นของแกทั้งหมด”
“ฟุ่มเฟือย!ตรงไปตรงมา!เผด็จการ!” ชายหัวล้านพูดติดกันสามคำ จากนั้นก็เก็บเงินห้าแสนนั้นอย่างยินดีปรีดา
เมื่อเย่ชิงหยู่เห็นเหตุการณ์พิลึกแบบนี้ จิตใจได้ดิ่งถึงห้วงลึก เดิมทีสองคนนั้นจะช่วยพวกเขา ไม่คาดคิดว่าจะแปรพักตร์เร็วขนาดนี้ มีเงินนี่ทำอะไรได้จริงๆ วิธีการของเซียวเจิ้นเที่ยนนี่มันเกินไปแล้ว
“ทั้งสองคน ในเมื่อรับเงินแล้ว ก็จับสองคนนี้ให้ฉันเถอะ!” เซียวเจิ้นเที่ยนชี้ไปที่ฟางเหยียนและเย่ชิงหยู่ จากนั้นพูดกับทั้งสองคนอย่างสะใจว่า “ที่เมืองจินโจว พวกแกไม่ควรจะเป็นศัตรูกับฉัน!”