คนที่พูดคือจางเทา หัวหน้าของทีมบังคับใช้กฎหมายคนนั้น
คำพูดนี้พูดจบ จางเทาก็วางสายโทรศัพท์ไป เย่ชิงหยู่ยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่ปลายสายอีกฝั่งวางไปแล้ว
เย่ชิงหยู่ไม่สบายใจ ก็โทรไปอีกครั้ง แต่ว่าทางฝั่งนั้นไม่รับสายเธออีกแล้ว
วางโทรศัพท์ลง เย่ชิงหยู่เดินออกไปจากร้านอาหารอย่างขวัญเสีย
เย่ชิงหยู่ในตอนนี้ก็เหมือนกับร่างไร้วิญญาณเดินได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ราวกับเป็นความฝัน
ทันใดนั้น เธอคิดถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมา คนคนนี้บางทีอาจจะสามารถช่วยเธอได้–เฉิงฉู่
ใช่แล้ว เฉิงฉู่และตระกูลเซียวมีความร่วมมือกันอยู่ เฉิงฉู่น่าจะสามารถพูดอะไรสักเล็กน้อยให้ตนเองได้ คิดมาถึงตรงนี้ เธอก็รีบร้อนโทรออกหาเบอร์ของเฉิงฉู่ ด้านนั้นก็รับสายอย่างรวดเร็ว
เย่ชิงหยู่พูดใส่โทรศัพท์ว่า “เฉิงฉู่ นายสามารถช่วยฉันสักเรื่องได้ไหม?”
เฉิงฉู่ที่อยู่ปลายสายไม่มีเสียงตอบ เย่ชิงหยู่ในใจร้อนรน ถามอีกครั้งว่า “เฉิงฉู่ นายอยู่ไหม?”
เฉิงฉู่ที่อยู่ปลายสายได้รับโทรศัพท์จากเย่ชิงหยู่อย่างไม่ทันตั้งตัว ก็แปลกใจอย่างมาก หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที หลังได้ยินเย่ชิงหยู่พูดประโยคที่สองถึงได้มีสติกลับมา เอ่ยว่า “ชิงหยู่ สถานการณ์ในตอนนี้นั้น ค่อนข้างซับซ้อน ฉันกลับมาที่เจียงตูแล้ว เรื่องที่เธอให้ฉันสืบหาฉันยังกำลังสืบอยู่ เธอวางใจ สืบหาพบแล้วฉันจะบอกเธอในทันทีแน่”
เฉิงฉู่คิดว่าเย่ชิงหยู่โทรศัพท์มาหาเพื่อเรื่องที่พูดคุยเมื่อครั้งก่อน แต่ว่าเย่ชิงหยู่กลับเอ่ยอย่างวิตกกังวลว่า “ไม่ใช่นะเฉิงฉู่ ก่อนหน้านี้นายกับผู้นำตระกูลเซียวเจิ้นเทียนของตระกูลเซียวไม่ใช่ว่ามีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวหรือ ฟางเหยียนถูกเขาจับตัวไปแล้ว ไม่รู้ว่านายสามารถคิดหาวิธีช่วยฟางเหยียนออกมาได้ไหม”
“อะไรนะ?” เฉิงฉู่เอ่ยถามอย่างแปลกใจ “เธอพูดว่า ท่านเซียวจับตัวฟางเหยียนไปแล้ว?”
คนอื่นไม่รู้ฐานะของฟางเหยียน แต่ว่าเฉิงฉู่เดาออกเจ็ดแปดส่วนแล้ว อารองของเขาก็พูดแล้วว่านั่นคือคนที่ไม่สามารถไปยั่วโมโหได้ง่ายๆ เซียวเจิ้นเทียนถึงกับกล้าไปยั่วโมโหเขา
“ใช่แล้ว โดนจับไปเมื่อครู่นี้เอง เอาคนมามากมาย ยังพกปืนด้วย” เย่ชิงหยู่กล่าวอย่างตื่นตระหนก
เฉิงฉู่หยุดชะงักไปชั่วครู่ ตอบว่า “ไม่เป็นไรหรอก ชิงหยู่ เธออย่าได้กลัว เดี๋ยวฉันจะโทรศัพท์ไปถามดูให้เธอตอนนี้”
“ขอบคุณนายมาก เฉิงฉู่!” เย่ชิงหยู่เอ่ยกับปลายสายด้านนั้นของโทรศัพท์
เฉิงฉู่เอ่ยออกมาประโยคหนึ่งยิ้มๆว่า “ไม่เป็นไร นี่เป็นเรื่องที่ฉันสมควรทำ”
ที่จริงแล้วเฉิงฉู่นั้นหวังให้ฟางเหยียนไม่มีสถานะอะไรมาก ข้อมูลที่อารองให้มานั้นผิดพลาด พอเป็นเช่นนี้ เขาก็มีโอกาสคว้าเย่ชิงหยู่ไว้ได้แล้ว อย่างไรก็ชอบเย่ชิงหยู่มานานหลายปีขนาดนี้ บอกให้ยอมแพ้ก็ยอมแพ้ สำหรับเฉิงฉู่แล้ว ค่อนข้างยาก
หลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว เย่ชิงหยู่ก็เดินไปยังทิศทางกลับบ้านอย่างสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เพิ่งจะมาถึงประตู เธอก็ถูกเสียวของผู้ชายคนหนึ่งหยุดไว้ “ประธานเย่! หยุดก่อน ประธานเย่โปรดหยุดก่อน”
เย่ชิงหยู่ได้ยินเสียงของผู้ชาย ก็มองไปยังที่มาของเสียงนั้น เห็นเพียงแค่ชายคนหนึ่งสวมชุดสูทรองเท้าหนัง ผมเป็นมันเงาวับเดินเข้ามาทางเธอ เป็นเหลียงจง พอมองเห็นเหลียงจง เธอก็คิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ที่จริงแล้วตอนที่เพิ่งจะพบเซียวเจิ้นเทียนนั้น เธอก็นำเอาเหลียงจงกับเรื่องนี้มาเชื่อมโยงเข้าด้วยกันแล้ว คิดว่านั่นเป็นเพราะฟางเหยียนล่วงเกินเขา ดังนั้นเขาจึงให้เซียวเจิ้นเทียนมาจัดการตนเองกับฟางเหยียน
ตอนนี้ฟางเหยียนถูกจับตัวไปแล้ว เหลือเธอไว้เพียงคนเดียว หรือว่าเหลียงจงคนนี้ต้องการปล้นชิงตามไฟหรือไง?
พอคิดถึงการกระทำของเหลียงจงที่ห้องทำงานเมื่อครู่นี้ เธอก็รีบร้อนถอยหลังไปหลายก้าว เอ่ยว่า “ไม่ นายจะทำอะไร? ฉันจะบอกนายให้นะ ที่นี่คือประตูของเขตที่อยู่บ้านฉัน เพียงแค่ฉันตะโกนครั้งหนึ่ง พนักงานรักษาความปลอดภัยก็เข้ามาแล้ว”
เหลียงจงเห็นท่าทางที่ได้รับความหวาดกลัวเช่นนั้นของเย่ชิงหยู่ รีบร้อนโบกมือเอ่ยว่า “ไม่ๆๆ คุณเย่ ฉันคิดว่าคุณเข้าใจความหมายของฉันผิดไปแล้ว ฉันมาครั้งนี้ก็เพื่อที่จะมาขอโทษกับคุณเรื่องเมื่อครู่”
“ทำเรื่องด้อยราวกับหมูหมาออกมา ฉันรู้สึกผิดอย่างมาก คุณเย่ ขอร้องคุณ ขอร้องคุณยกโทษให้ฉันเถอะ อย่าได้จัดการฉันเลยนะ? ขอร้องคุณช่วยฉันฟื้นคืนทุกอย่างของบริษัทเราเถอะ เป็นฉันเองที่มีตาแต่ไม่รู้จักภูเขาไท่ชาน ล้วนเป็นความผิดของฉันทั้งหมด” เหลียงจงหน้าตาจริงใจ ทั้งยังยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเอง
สำหรับเรื่องที่พูดมาทั้งหมดอย่างจริงใจ เย่ชิงหยู่ใบหน้างุนงง ไม่รู้สักนิดว่าเขากำลังพูดถึงอะไร ทำอะไร แต่ว่าดูจากพฤติกรรมของเขา จะต้องไม่ใช่การแสร้งทำแน่ จริงใจมาก อีกทั้งท่าทางยอมรับผิดอย่างจริงแท้
เหลียงจงเป็นเศรษฐีรุ่นที่สองแห่งเขตซีหนาน ทรัพย์สินเป็นรองจากหวงหยวนฉาว คำพูดมากมายที่เขาเพิ่งพูดเมื่อครู่หมายถึงอะไรกัน? หรือว่าบริษัทของเขาเกิดวิกฤตขึ้นมาจริงๆ? เหมือนกับที่ฟางเหยียนพูดเช่นนั้น โทรศัพท์สายเดียวก็สามารถทำให้เขาล้มละลายได้?
ไม่ๆๆ! ความคิดนี้เพิ่งจะออกมา ก็ถูกตัวเย่ชิงหยู่เองโยนทิ้งไป ฟางเหยียนนั้นก็โดนเซียวเจิ้นเทียนจับตัวไปแล้ว ถ้าเขามีฝีมือแบบนี้จริงๆ จะถูกเซียวเจิ้นเทียนจับไปได้อย่างไร
เห็นว่าเย่ชิงหยู่ไม่ได้ตอบกลับจนเอง เหลียงจงก็เอ่ยขึ้นว่า “คุณเย่ คุณสามารถช่วยฉันได้ไหม? ฉันนั้นมาขอโทษคุณด้วยใจจริง ถ้าคุณยังรู้สึกว่าฉันยังบริสุทธิ์ใจไม่พอ ฉันคุกเข่าให้คุณก็ได้แล้ว”
พูดไป เหลียงจงก็จะคุกเข่าลงตรงหน้าเย่ชิงหยู่ เพิ่งจะย่อเข่าลงไป เย่ชิงหยู่ก็รีบร้อนขึ้นหน้ามาพยุงเหลียงจงไว้ เอ่ยว่า “ประธานเหลียง เรื่องนี้ฉันไม่ปิดบังคุณ ที่จริงแล้วพวกเราจะมีความสามารถที่ไหนไปทำอะไรกับบริษัทของคุณกัน สามีของฉันก็เป็นคนแบบนี้ พูดจาไม่ผ่านสมอง เมื่อครู่เขาก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง”
เหลียงจงมีสีหน้าตกตะลึงอย่างที่สุดแข็งค้างอยู่บนใบหน้า นี่เย่ชิงหยู่แสดงออกมาชัดเจนว่ายังไม่ยกโทษให้ตนเองนี่นา ดังนั้นเขาจึงเอ่ยด้วยใบหน้าหมดหนทางว่า “ประธานเย่ ฉันรู้ความผิดแล้วจริงๆ คุณอย่าได้เล่นงานฉันเลย ได้ไหม? ฉันรู้ว่าฉันเองที่มือต่ำช้า ไม่ควรทำตัวเช่นนั้นกับคุณ ขอร้องคุณแล้ว ได้ไหม?”
เย่ชิงหยู่อุทานถอนหายใจครั้งหนึ่ง เอ่ยว่า “ประธานเหลียง ฉันไม่ได้เล่นสนุกอะไรกับคุณจริงๆ สามีของฉันก็พูดเรื่อยเปื่อยออกไปเท่านั้น ถ้าเขามีความสามารถนี้ ก็ไม่มีทางถูกคนของตระกูลเซียวจับตัวไปหรอก”
“อะไรนะ?” เหลียงจงมองเย่ชิงหยู่อย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณพูดว่าใครจับตัวเขาไป?”
“เซียวเจิ้นเทียน ผู้นำตระกูลของตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเมืองจินโจว” เย่ชิงหยู่เอ่ยซ้ำอีกรอบ
เหลียงจงส่ายหน้าเอ่ย “นี่จะเป็นไปได้อย่างไร เซียวเจิ้นเทียนมีความสามารถนี้ที่ไหนกัน”
สำหรับความสามารถของฟางเหยียน เหลียงจงตอนนี้เชื่อหมดใจแล้วว่า โทรศัพท์สายเดียว ภายในเวลาไม่กี่นาทีสั้นๆก็สามารถทำให้ธุรกิจของตนเองอยู่ในสภาพหยุดชะงัก คนประเภทนี้จะเป็นคนที่เซียวเจิ้นเทียนสามารถหาเรื่องได้อย่างไร
เขาจะเป็นอันธพาลอย่างไร ก็ไม่กล้าไปมีเรื่องกับคนเช่นนี้!
หรือว่าจะเป็น…เหลียงจงเป็นคนฉลาด คิดว่าเรื่องราวแน่นอนว่าคงไม่ง่ายดายเช่นเย่ชิงหยู่แน่ ไม่เช่นนั้นเขาจะสืบทอดธุรกิจยิ่งใหญ่ขนาดนั้นได้อย่างไร เขาเหลือบมองเย่ชิงหยู่เอ่ยถาม “พวกคุณใช่ว่ามีความขัดแย้งอะไรหรือไม่?”
ถูกเหลียงจงถามเช่นนี้ เย่ชิงหยู่ก็ก้มหน้าลง เอ่ยว่า “ถ้าพูดถึงความขัดแย้งก็น่าจะมีอยู่”
ฟางเหยียนเอาเซียวห้านส่งไปถึงในคุกแล้ว นี่ก็คือความขัดแย้งของพวกเขาและตระกูลเซียว
เหลียงจงเกาที่หลังศีรษะ ส่ายหน้าเอ่ยว่า “ไม่ถูกสิ ถึงจะมีความขัดแย้งจริง ตระกูลเซียวก็ไม่มีความกล้าหาญพอที่จะทำอะไรกับเขาได้ ถ้าเป็นการลอบฆ่า ยังพอมีความน่าเชื่อ”
เย่ชิงหยู่คิดถึงตระกูลฟางที่เซียวเจิ้นเทียนเอ่ยถึง ดังนั้นเลยพูดออกมาอีกประโยค “เขาเหมือนกับว่าล่วงเกินนายน้อยของตระกูลฟาง”
คำพูดนี้ราวกับเสียงฟ้าผ่า ทำให้เหลียงจงเหมือนโดนสายฟ้าฟาดลงมาดังตึง