ไอตาข้างเดียวพอได้ยินคำพูดนี้ ก็รีบร้อนพูดว่า “ท่านเหอ ฉันสามารถฝึกมือซ้าย ฉันจะต้องฝึกมือซ้ายให้ได้ ฉันจะฝึกมือซ้ายให้ร้ายกาจเหมือนมือขวา พอถึงตอนนั้นก็จะสามารถช่วยคุณท่านทำงานได้”
เซียวเหอหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “มือซ้ายของนายฝึกมากี่ปีแล้วถึงได้มาถึงระดับนี้ในวันนี้?”
ไอตาข้างเดียวตอบอย่างขี้ขลาดหนึ่งประโยคว่า “สิบปี!”
เซียวเหอพยักหน้าแล้วพูดว่า “ในเมื่อมือขวาของนายฝึกมาสิบปีแล้ว มือซ้ายยังจะต้องฝึกอีกกี่ปีล่ะ สิบปี? เหอะๆ พวกเราตระกูลเซียวมีเวลามากขนาดนี้ให้สิ้นเปลืองเชียวหรือ? มีที่ไหนเอาเงินไปเลี้ยงคนนอกที่ไม่มีประโยชน์!”
“ท่านเหอ!” ไอตาข้างเดียวถามด้วยสีหน้าที่กังวลว่า “ท่านเหอคำพูดของคุณมันหมายความว่าอย่างไร?”
เซียวเหอกางมือทั้งสองข้างออก แล้วพูดว่า “หรือว่าคำพูดของฉันมันยังไม่ชัดเจนพออีกหรือ? นายไปเถอะ ตระกูลเซียวของพวกเราไม่ต้องการนายแล้ว”
คำพูดนี้ ดับความหวังและความเพ้อฝันทั้งหมดของไอตาข้างเดียว ใจของเขาก็ตกลงสู่ก้นบึ้ง เขาชำเลืองมองเซียวเหอ พูดว่า “ท่านเหอ ฉันอยู่ตระกูลเซียวมาสิบปีเต็มๆ ตั้งแต่อายุยี่สิบฉันก็เข้ามาอยู่ตระกูลเซียวแล้ว มันเป็นเวลาสิบปี สิบปีที่ผ่านมานี้ ไม่มีคุณงามความดีก็มีความยากลำบากบ้างสิ? ทำไมคุณถึงพูดประโยคหนึ่งก็ให้ฉันจากไปแล้วล่ะ? ฉันไปครั้งนี้ แล้วควรจะไปที่ไหน?
เซียวเหอส่งเสียงเหอะหนึ่งครั้ง แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันสนใจหรือว่านายจะไปไหน หรือว่าฉันยังต้องช่วยหาที่ไปให้นายอีกหรือ?”
ไอตาข้างเดียวสะอึก เขานับว่าเข้าใจความหมายของเซียวเหอแล้ว ตอนที่ตัวเองยังมีประโยชน์ แน่นอนว่าก็ต้องเก็บไว้ ตอนนี้แขนของตัวเองขาดไปแล้ว ไม่มีประโยชน์แล้ว แน่นอนก็ต้องไล่ตนเองออกจากตระกูลเซียวไป
โหดร้ายอย่างที่คิด วิธีการของตระกูลเซียวโหดร้ายเกินไปจริงๆ! ช่างเถอะ! ตัวเองจะไปฟาดฟันกับตระกูลเซียวได้อย่างไรล่ะ?
เขาได้แต่พยักหน้าติดๆกันอย่างหมดหนทางแล้วพูดว่า “ได้ ฉันไปจากตระกูลเซียวได้ แต่ว่าท่านเหอ คุณท่าน พวกคุณจะเห็นแก่ที่ฉันทำงานให้ตระกูลเซียวมายาวนานขนาดนั้น ให้เงินฉันสักหน่อย ฉันออกไปตอนนี้ก็เป็นคนพิการไปแล้ว ถ้าหากไม่มีเงิน ชีวิตต้องลำบากมากแน่ๆ ฉันไม่ต้องการมากหรอก ให้ฉันสักหนึ่งล้านเถอะ!”
เขาทำงานให้ตระกูลเซียวมาสิบปีแล้ว ยังเสียแขนข้างหนึ่งเพื่อตระกูลเซียวอีก ตอนที่จะจากไปต้องการเงินหนึ่งล้าน จุดนี้ก็ไม่มากจนเกินไป ไม่ว่าจะยังไง นี่ล้วนเป็นเรื่องตามหลักของมนุษย์
เซียวเหอกลับหัวเราะอย่างเยือกเย็น แล้วพูดว่า “หนึ่งล้าน? มาๆ ฉันมีหนึ่งร้อยหยวน เอาไปเรียกรถ รีบไสหัวไป!”
เซียวเหอหยิบธนบัตรหนึ่งร้อยใบออกมาใบหนึ่ง ส่งให้ไอตาข้างเดียว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ เซียวเหอคนนี้กำลังดูถูกตนเองอย่างแข็งกร้าว เขากัดฟัน ปัดเงินในมือของเซียวเหอทิ้งไปอย่างรุนแรง โกรธเกรี้ยวเอ่ยว่า “เซียวเหอ คุณอย่าได้รังแกคนอื่นมากเกินไป ฉันเป็นวัวเป็นม้าให้ตระกูลพวกคุณมาสิบปี สิบปีที่ผ่านมานี้ ฉันปกป้องพวกคุณมากี่ครั้งแล้ว? ถ้าหากไม่มีฉัน คุณตายไปนานแล้ว คุณอีกคน คุณท่าน ถ้าหากไม่มีฉัน คุณก็ตายไปแล้ว! ตอนนี้พวกคุณไล่ฉันไป ฉันไปได้ แต่ต้องการเงินจากพวกคุณ ก็แค่หนึ่งล้าน หรือว่าพวกคุณรู้สึกว่าสิบปีที่ฉันทำงานให้ ไม่คุ้มค่ากับหนึ่งล้านอย่างนั้นหรือ? พวกคุณให้ฉันหนึ่งร้อยหยวน นี่มันเป็นการรังแกคน…”
“ปัง!” คำพูดของไอตาข้างเดียวยังพูดไม่จบ ก็ได้ยินเสียงตึงเสียงหนึ่ง
กระสุนนัดหนึ่งผ่านศีรษะเขาไป ต่อจากนั้นเลือดสายหนึ่งก็ไหลลงมาจากศีรษะของเขาออกมา
ทั้งตัวของเขาก็ตะลึงค้างไปแล้ว ปากอ้าตาโตมองปืนกระบอกนั้น คนที่ยิงปืนก็คือเซียวเหอ เขาเป่าปากกระบอกปืนเล็กน้อย เอ่ยว่า “พูดมาก ให้นายมีชีวิตอยู่นายดันไม่อยู่ ตัวเองหาเรื่องตาย จะโทษใครล่ะ?”
นี่คือคำพูดสุดท้ายที่ไอตาข้างเดียวได้ยิน ฟังคำพูดนี้จบเขาก็ตายแล้ว หัวตกลงไปโดยสิ้นเชิง
สองคนที่ประคองอยู่ก็ถูกทำให้ตกใจ ตกใจจนหน้าเขียวไปแล้ว
เซียวเหอพูดไปทางคนชุดดำเหล่านั้นว่า “จำไว้ นี่คือจุดจบของการต่อรองกับตระกูลเซียว
พวกนายมีความซื่อสัตย์จริงใจมากแค่ไหนฉันหวังว่าพวกนายเข้าใจดี อย่าคิดว่าฉันเซียวเหอเป็นคนที่พูดด้วยง่าย”
คนเหล่านั้นทุกคนต่างสี่ตาประสาน พากันไม่กล้าพูดจา
เซียวเจิ้นเทียนมองทุกสิ่งที่เซียวเหอทำ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้พูดแม้แต่ประโยคเดียว เขายอมรับกับการกระทำของเซียวเหอ
“พอแล้ว! เก็บกวาดให้เรียบร้อย” เซียวเจิ้นเทียนถอนหายใจเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง
เห็นเพียงคนชุดดำสองคนก้มตัวลงเก็บกวาดร่างไร้วิญญาณของไอตาข้างเดียว สถานที่เกิดเหตุก็กลับคืนสู่สภาพเงียบสงบอีกครั้ง
กระบวนการทั้งหมด ฟางเหยียนยังคงมีท่าทางสีหน้าเหมือนเดิม เพียงแค่เบี่ยงสายตาซึ่งเรียบๆไปที่ร่างของเซียวเหอ คิดไม่ถึงว่าเซียวเหอคนนี้ก็เป็นคนที่โหดร้าย พูดว่าฆ่าคนก็ฆ่าคน!
เซียวเหอหรี่ตา สบตากับฟางเหยียนเล็กน้อย ตามด้วยร้องเหอะครั้งหนึ่ง ชำเลืองไปที่เซียวฮั่วเอ่ยว่า “นี่ก็คือเรื่องดีที่นายทำไว้ ลูกชายฉันเดิมทีฉลาดเฉลียวมาตั้งแต่เกิด ถึงกับถูกนายทำให้กลายเป็นคนพิการคนหนึ่ง นายรู้ความผิดไหม?”
ไม่เคยมีใครกล้าสอบปากคำประณามความผิดเช่นนี้ต่อหน้าฟางเหยียนมาก่อน ตระกูลเซียวนี่น่าสนใจจริงๆ เพิ่งจะลงรถก็แสดงละครเช่นนี้ให้ออกมาให้เขา ฆ่าบอดี้การ์ดหนึ่งคน มาทำลายความฮึกเหิมของตนเอง หลังจากนั้นก็เริ่มต้นสอบสวนประณามความผิด
ฟางเหยียนจะพูดอย่างไรได้ล่ะ? พูดได้เพียงแค่เซียวเหอคนนี้ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!
ไม่รอให้ฟางเหยียนรับคำ เซียวเจิ้นเทียนก็โบกมือเอ่ยขึ้น “ช่างเถอะ เอาเขาเข้ามา”
ฟางเหยียนถูกชายร่างใหญ่สองคนพาตัวเข้ามาในห้องโถงตระกูลเซียว พอดีกับที่หันหน้าเข้าหาตัวอักษรเซียวตัวใหญ่และแผ่นป้ายวิญญาณ
เซียวเจิ้นเทียนมองแผ่นป้ายวิญญาณของตระกูลเซียว เดินไปถึงด้านล่างป้ายวิญญาณ จ้องฟางเหยียน เหมือนกับสอบปากคำนักโทษเช่นนั้น เอ่ยถามอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “เท้าทั้งสองข้างของหลานชายฉันถูกแกตัดขาดไปใช่ไหม?”
ฟางเหยียนสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ เพียงแค่มองเซียวฮั่วที่นั่งอยู่อีกด้านอย่างสบายอารมณ์ครั้งหนึ่ง
เซียวฮั่วมองเห็นสายตาของฟางเหยียน รีบร้อนเอ่ยว่า “คุณปู่ เป็นเขานั้นล่ะ!”
เซียวเจิ้นเทียนยกมือขึ้นมาทำท่าทางให้หยุด ถามอีก “เท้าทั้งสองข้างของหลานชายฉันใช่นายเป็นคนตัดขาดหรือไม่?”
ฟางเหยียนพยักหน้าน้อยๆ ตอบเพียงคำเดียว “ใช่!”
ท่าทีที่เขาตอบไม่เหมือนนักโทษที่ถูกจับตัวไว้สักนิด กลับเหมือนพระราชาผู้สูงส่ง ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินที่ทรงอำนาจชัดเจนประเภทนั้น คนตระกูลเซียวทุกคนล้วนเห็นอยู่ในสายตา แต่ว่าทุกคนล้วนไม่พูด
เซียวเจิ้นเทียนพยักหน้าต่อเอ่ยว่า “น้องชายของฉันถูกนายเรียกคนให้มาพาตัวไป! ตระกูลเซียวของฉันผ่านเรื่องมามากมายขนาดนั้น ล้วนเป็นเรื่องที่องค์กรเบื้องหลังของนายเป็นคนทำใช่ไหม? หนึ่งในนั้นรวมถึงการตายของลูกชายฉันเซียวเหวินปิน แล้วยังมีการหายตัวไปของเซียวห้านลูกสาวของเขา!”
เซียวเจิ้นเทียนกัดฟัน นับความผิดทั้งหมดของฟางเหยียนออกมาในลมหายใจเดียว
ดวงตาทั้งคู่ของเขาจ้องตรงไปยังฟางเหยียน ราวกับว่าเพียงแค่ฟางเหยียนเผยพิรุธออกมาสักเล็กน้อย ล้วนไม่อาจรอดพ้นสายตาทั้งคู่ของเขาไปได้
เมื่อเห็นหน้าตาเช่นนั้นของเซียวเจิ้นเทียน ฟางเหยียนก็อดไม่ไหวเผยรอยยิ้มออกมา เขาเพียงแค่รู้สึกว่าน่าขำ แล้วก็ไม่รู้ว่าคนตระกูลเซียวเอาความมั่นใจมาจากที่ไหน ถึงกับกล้ามาตะโกนเสียงสูงเสียงต่ำใส่เขา
“แกยิ้มอะไร?” เซียวเจิ้นเทียนเห็นรอยยิ้มของฟางเหยียน ใบหน้าเคร่งขรึมเอ่ยถาม
ฟางเหยียนไม่พูด เพียงแค่กวาดตามองห้องโถงตระกูลเซียวรอบหนึ่ง และเดินจากจุดเดิมด้วยตนเองขึ้นมา
การกระทำนี้ทำให้เซียวเจิ้นเทียนโกรธเกรี้ยว เกินไปแล้ว ไอ้หมอนี่กล้าเพิกเฉยต่อความยิ่งใหญ่ของเขา ตนเองเป็นใคร? ตนเองนั้นคือเซียวเจิ้นเทียนนะ! ไม่เห็นเขาเป็นอะไรเกินไปแล้ว เขาชี้หน้าฟางเหยียนตะโกนด้วยความโกรธว่า “นายทำอะไร?”