ชั่วขณะนั้น ทั้งห้องโถงป้ายวิญญาณก็เหลือแค่ฟางเหยียนและเซียวเจิ้นเทียนสองคน
เซียวเจิ้นเทียนสามารถไม่ฆ่าเขาได้ แต่ไม่อาจไม่ตั้งคำถามหาเรื่องเขาได้!
ดังนั้นจึงกัดฟันเอ่ยถาม “ฟางเหยียน นายรู้หรือไม่ว่าตัวเองทำอาชญากรรมอะไร?”
ฟางเหยียนไม่เห็นด้วย เงยหน้าขึ้นมามองตัวอักษรเซียวตัวใหญ่นั้น พ่นคำออกมาสองคำ “ทำอาชญากรรม?!”
เห็นความโอหังอวดดีสายนั้นบนหน้าของฟางเหยียน เซียวเจิ้นเทียนในใจอัดแน่นไปด้วยความไม่พอใจเอ่ยว่า “ใช่ หรือว่านายนี่ไม่ได้ทำอาชญากรรมหรือ?”
“เฮอะๆ!” ฟางเหยียนส่งเสียงหัวเราะออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ถึงกับมีคนกล่าวหาว่าเขาก่ออาชญากรรม! นี่มันเป็นเรื่องตลกจริงๆ
“เฮ้อ!” ฟางเหยียนถอนหายใจเสียงหนึ่ง เอ่ยว่า “ถ้าเกิดว่าทุกสิ่งที่ฉันทำทั้งหมดนี้เป็นอาชญากรรมแล้ว เช่นนั้นการกระทำทุกอย่างอย่างของนายเซียวเจิ้นเทียนจะเรียกว่าอะไร? นายคิดว่าเรื่องราวที่ไม่ดีไม่งามพวกนั้นที่นายทำ ไม่มีคนรู้หรือ?”
“นาย!” เซียวเจิ้นเทียนโมโหจนกัดฟัน!
ฟางเหยียนไม่รอให้เขาพูด ก็เอ่ยต่อไปว่า “ตระกูลเซียวของพวกนายเผชิญหน้ากับทุกอย่างนี้ ล้วนเป็นการสมควรแล้ว ทำเรื่องผิดก็ต้องได้รับการลงโทษ ใครก็ไม่ยกเว้น นายคิดว่าตระกูลเซียวทำเรื่องผิด ก็ไม่มีใครกล้าลงโทษพวกนายหรือ?”
น้ำเสียงของฟางเหยียนเรียบนิ่ง ราวกับว่าตอนนี้ไม่ใช่เขาที่ถูกลักพาตัวมา แต่เป็นเซียวเจิ้นเทียนที่ถูกลักพาตัวมา
เซียวเจิ้นเทียนโมโหมากยิ่งขึ้นแล้ว โมโหจนแทบจะกระอักเลือด ตอนนี้เป็นเขาที่ลักพาตัวฟางเหยียนมานะ ไอ้หมอนี่มันออกจะบ้าดีเดือดเกินไปหน่อยแล้วมั้ง! เขาชี้ไปที่ฟางเหยียน โมโหจนนิ้วสั่นเทา ค้างอยู่ชั่วครู่หนึ่ง เขาตะโกนอย่างดุร้ายว่า “คุกเข่าลง!”
คำนี้ ลั่นฟ้าสะเทือนดิน ราวกับเสียงของสิงโตที่โมโหเช่นนั้น! เห็นลักษณะท่าทางของเขาราวกับอยากจะกลืนฟางเหยียนทั้งเป็น
และก็เป็นในตอนที่คำนี้พ่นออกมานั้น พอดีกับที่เซียวเหอเดินเข้ามาจากด้านนอกประตู แล้วยังมีเซียวฮั่ว
ทั้งสองคนต่างมองฟางเหยียนอย่างเคียดแค้น ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะการดำรงอยู่ของเซียวเจิ้นเทียน บางทีพวกเขาก็อยากจะลงมือฆ่าฟางเหยียนด้วยตนเองแล้ว ถ้าสายตาสามารถฆ่าคนได้ สายตาของตระกูลเซียวทั้งสามคนนี้คงจะฆ่าฟางเหยียนให้ตายได้เป็นพันครั้งแล้ว
“เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ?” ฟางเหยียนเงยหน้าขึ้นมองเซียวเจิ้นเทียนอย่างสงสัยเอ่ยถาม
เซียวเจิ้นเทียนลังเลใจเล็กน้อย เอ่ยว่า “ฉันให้นายคุกเข่าลง!”
“คุกเข่า?” ดวงตาทั้งคู่ของฟางเหยียนสาดประกายแสงคมกริบออกมา ดูสีหน้าที่เขียวคล้ำของเซียวเจิ้นเทียนอย่างละเอียดถี่ถ้วน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขัน ในโลกนี้ ถึงกับยังมีคนกล้าให้เขาคุกเข่า?!
เขาเป็นใคร? เทพแห่งสงครามของประเทศหวา กำแพงเหล็กที่ปกป้องประเทศหวา ไม่มีเขา ความมั่นคงปลอดภัยของประเทศหวาจะมาจากที่ไหน ความสงบสุขของประเทศหวาจะมาจากไหน ในสนามรบ เขาทำให้ศัตรูภายนอกตกใจหวาดกลัวจนสูญเสียความกล้าหาญ ถึงผู้บัญชาการสงครามของศัตรูภายนอกมาแล้ว ก็ไม่กล้าให้เขาคุกเข่า
ตระกูลเล็กๆในเมืองจินโจวเล็กๆนี้ ถึงกลับกล้าให้เทพแห่งสงครามคุกเข่าลง!
นี่เป็นเรื่องตลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ถ่ายทอดออกไปเกรงว่าตระกูลเซียวจะต้องกลายเป็นนักโทษเหม็นโฉ่หมื่นปี
เขาหัวเราะแล้ว หัวเราะเสียงดัง! หัวเราะอย่างเกินจริงออกมา! “ฮ่าๆๆ!”
เสียงหัวเราะนี้กังวานไปทั่วทั้งห้องโถงตระกูลเซียว ใบหน้าแก่ๆของเซียวเจิ้นเทียนจากสั่นเทาเปลี่ยนไปอย่างแปลกประหลาด เขาหรี่ตามองสำรวจฟางเหยียนเล็กน้อย ถามว่า “นายหัวเราะทำไม? หรือว่าตระกูลเซียวของฉันให้นายคุกเข่า มันน่าขำขนาดนั้นหรือไง?”
รอยยิ้มของฟางเหยียนชั่วขณะนั้นแข็งตัวลง อุณหภูมิของทั้งห้องโถงตระกูลเซียวก็เป็นในชั่วขณะนี้ ราวกับว่าจะลดลงหลายองศา ตัวเซียวเจิ้นเทียนเองต่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ฟางเหยียนเงยหน้าขึ้นไปมองป้ายวิญญาณของตระกูลเซียว แล้วก็เอาสายตามาหยุดไว้ที่ใบหน้าของเซียวเจิ้นเทียน พูดทีละคำทีละประโยค “การคุกเข่าของฉันครั้งนี้ นายคิดว่าบรรพบุรุษตระกูลเซียวของพวกนายจะรับไหวหรือ?”
ใช่แล้ว การคุกเข่าของเทพแห่งสงคราม ตระกูลต่ำต้อยเช่นนี้จะสามารถรับไหวได้อย่างไรกัน?! เซียวเจิ้นเทียนกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว
ได้ยินคำพูดนี้ กล้ามเนื้อบนหน้าของเซียวเจิ้นเทียนเปลี่ยนเป็นกระตุกไม่หยุด สั่นสะท้าน เป็นการสั่นจากความโกรธ!
ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ ตอนนี้ไอ้หมอนี่นั้นถูกคนในตระกูลตนเองมันไว้อยู่นะ เขาถึงกับยังโอหังได้ขนาดนี้ เป็นการรังแกคนที่เกินไปแล้วจริงๆ รังแกคนในตระกูลเซียวว่าไม่มีคนแล้วหรือ?
เซียวเจิ้นเทียนทนได้ เซียวเหอนั้นทนไม่ไหวแล้ว เขาเดินขึ้นมาหน้ามาทันที ตำหนิอย่างดุร้ายว่า “แกไอ้บ้านี่ ถึงกับกำเริบเสิบสานถึงขั้นนี้! วันนี้ถ้าฉันไม่ฆ่าแก ฉันก็ไม่ใช่แซ่เซียว!”
ตะโกนเสร็จ เซียวเหอก็หยิบปืนกระบอกเมื่อครู่ออกมา นี่เป็นสิ่งที่เขาเตรียมไว้ดีแล้ว เขาอยากจะฆ่าไอ้หมอนี่มานานแล้ว
“คุณพ่อ ฆ่าเขา ฆ่าเขา!” เซียวฮั่วอยู่อีกด้านกัดฟัน ดวงตาแดงก่ำตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว เขาเขย่ารถเข็นตัวเองอย่างพลุ่งพล่าน แค้นใจจนอยากจะฆ่าศัตรูด้วยตนเอง เรื่องที่ถูกตัดเท้าทั้งสองจนขาด ค่อยๆปรากฏชัดเจนขึ้นมา
เซียวฮั่วยังไม่ทันได้เหนี่ยวไกปืนเซียวเจิ้นเทียนก็ตะคอกด้วยความโกรธ “หยุดมือ!”
เซียวเจิ้นเทียนอยากฆ่าฟางเหยียนเสียยิ่งกว่าทุกคนในนี้ แต่ว่าเขาไม่อาจฆ่าได้ เพราะว่านี่คือคนที่นายน้อยตระกูลฟางให้เขาจับมา ถ้าเกิดไม่มีนายน้อยตระกูลฟางจัดการวางแผนเหล่าคนเบื้องหลังของเขา เขาก็ไม่มีทางจับตัวไอ้หมอนี่ได้ง่ายดายขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้นนายน้อยตระกูลฟางยังไม่ได้พบคนผู้นี้ ถ้าเกิดยั่วโมโหให้นายน้อยตระกูลฟางไม่พอใจขึ้นมา เขานั้นไม่อาจแบกรับความรับผิดชอบได้
“คุณพ่อ!” เซียวเหอเอ่ยอย่างพลุ่งพล่าน “เขายอมรับถึงทุกอย่างที่เขาทำกับตระกูลของพวกเราแล้ว เมื่อครู่ยังทำเรื่องแบบนั้นออกมาในห้องโถงป้ายวิญญาณอีก พวกเรายังจะปล่อยเขาไว้ทำอะไร? ถ้าตอนนี้ไม่ฆ่าเขา ต่อไปคนภายนอกจะมองพวกเราตระกูลเซียวอย่างไร?”
“คุณพ่อ พวกเราเป็นตระกูลอันดับหนึ่งนะ ถ้าเสียหน้าแล้ว ต่อไปคนอื่นยังจะยอมรับสถานะของพวกเราได้อย่างไร? ฟางเหยียนตัวเล็กๆคนหนึ่ง มีอะไรให้ฆ่าไม่ได้กัน ตอนนี้ฉันจะฆ่าเขา!”
พูดจบ เซียวเหอขยับไกปืน ใบหน้าแก่ๆสั่นสะท้านแทบไม่ไหว ฟันของเขาตอนนี้ขบกันแน่นแค่ไหน ก็สามารถสะท้อนให้เห็นว่าเขาเกลียดฟางเหยียนมากเท่าใด ปืนนั้นเดิมทีก็หันมาทางด้านข้างหัวของเขา ตอนนี้หันตรงไปที่หัวเขาพอดี
ดวงตาทั้งคู่ของฟางเหยียนจ้องมองตรงไปที่เซียวเหอ เอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “มาสิ ยิงปืนดูสิ! เพียงแค่ยิงนัดเดียว นายก็สามารถฆ่าฉันได้แล้ว”
ท่าทางของเขา ก็เหมือนกับกำลังดูปืนของเล่น รู้ว่าในปืนไม่มีกระสุน
“แกคิดว่าฉันไม่กล้าหรือ?” เซียวเหอพูดจบก็จะลั่นไกปืน
แต่ว่าเซียวเจิ้นเทียนรีบร้อนตะโกนว่า “หยุดมือ! หรือว่าแม้แต่คำพูดของฉันก็ไม่ฟังแล้วใช่ไหม?”
ความน่าเกรงขามของตระกูลนั้นยังต้องการอยู่ เซียวเจิ้นเทียนก็คือความน่าเกรงขามของตระกูลเซียวนี้ คำพูดของเขานั้นเทียบเท่ากับพระราชโองการของกษัตริย์ของสมัยโบราณ
เซียวเหอไม่กล้าไม่ฟัง แต่ว่าเขายังไม่ยินยอม “คุณพ่อ ทำไมกัน? ให้ฉันลงมือฆ่าเขา คืนความยุติธรรมให้กับคนตระกูลเซียวของเรา เขาโอหังเกินไปแล้ว ให้ฉันฆ่าเขาเถอะ!”
สีหน้าของเซียวเจิ้นเทียนเงียบขรึมลงอย่างชิ้นเชิง เอ่ยว่า “นี่คือคนที่นายน้อยฟางขอให้จับกุม เก็บไว้ให้นายน้อยฟางจัดการลงโทษ! ตอนนี้ พวกเรายังไม่รู้ร่องรอยของห้านเอ๋อ ที่สำคัญที่สุดก็คือตามหาห้านเอ๋อ”
“พูดให้หนักหน่อย อยู่ต้องเจอคน ตายต้องเจอศพ!”
เซียวเจิ้นเทียนคนนี้นับว่าฉลาดอยู่มาก เร็วขนาดนี้ก็รู้เรื่องการตายของเซียวห้านแล้ว!
“ห้านเอ๋อของฉันล่ะ? นายเอาห้านเอ๋อของฉันไปไว้ที่ไหนแล้ว?” เซียวเจิ้นเทียนจัดการอารมณ์ความรู้สึกเล็กน้อย มองไปที่ฟางเหยียนแล้วเอ่ยถาม
ฟางเหยียนเอาสายตาที่มองเซียวเหอขยับมามองบนหน้าเซียวเจิ้นเทียน เอ่ยว่า “เธอไม่ควรมาหาเรื่องภรรยาของฉัน ถ้าเกิดไม่ว่าเรื่องอะไรเธอก็พุ่งมาที่ฉัน เธอก็ไม่มีทางตกอยู่ในจุดจบเช่นนี้