หรือว่า ?
เขานึกถึงการตายของหวังฮุ่ยที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือว่าสั้นสองยาวหนึ่งจะเกี่ยวข้องกับการตายของหวังฮุ่ย? ใช่แล้ว ไม่ผิดแน่ การตายของหวังฮุ่ยต้องทำให้บรรพบุรุษของเขาไม่สงบแน่ ๆ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นที่ห้องโถงป้ายวิญญาณ คนในตระกูลเขาเสียชีวิต การวางไว้แบบนี้ใครเห็นก็คงไม่มีความสุข
เห็นดังนั้นเซียวเจิ้นเทียนจึงรีบหันไปพูดกับตำแหน่งกระถางธูปของบรรพบุรุษว่า “ขอโทษเหล่าบรรพบุรุษ ฉันนี่มันช่างไร้ประโยชน์! มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับตระกูลเซียวของฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เซียวเจิ้นเทียน ตระกูลเซียวก็จะไม่เกิดเรื่อง!”
“แต่ในวันนี้ ฉัน เซียวเจิ้นเทียน จับผู้ที่ทำผิดต่อตระกูลเรามาได้ ข้าจะล้างแค้นให้กับตระกูลของฉัน”
พูดจบ เขาก็มองไปทางฟางเหยียน แล้วตะโกน “วันนี้ฉันจะตัดขาทั้งสองข้างของนาย แล้วก็จะให้นายคุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าบรรพบุรุษของฉัน”
ดูเหมือนว่า เซียวเจิ้นเทียนจะเกลียดตนเองจนเข้ากระดูก ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ตัวเองทำผิดหลายอย่างขนาดนั้น ทำไมเขาถึงจะไม่เกลียด
แต่เขาต้องการให้ฟางเหยียนคุกเข่า นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร? คุกเข่าให้ฟ้าดินให้พ่อแม่ ใต้เข่าลูกผู้ชายมีทองคำ
เทพแห่งสงครามผู้สง่างาม ถ้าในวันนี้เขายอมคุกเข่า ต้องพลิกแม่น้ำพลิกกลับทะเล กล้าแกร่งดั่งเสือห้าวมังกรหาญ
ตระกูลเซียวรับการคุกเข่าแบบนี้ไม่ได้จริง ๆ !
ในตอนที่เขาตัดสินใจเตรียมจะลงมือ ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอก เขาคือพ่อบ้านประจำตระกูลเซียว หลังจากที่เขาเข้ามาก็พูดด้วยความตื่นตระหนก “คุณท่าน มีคนมาหาคุณที่ด้านนอก”
สีหน้าของเซียวเหอเปลี่ยนไปแล้วหันไปตะคอก “ไม่เห็นหรือไงว่าพวกเรากำลังยุ่งอยู่?”
พ่อบ้านพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณท่าน คนๆนี้ท่านไม่ไปพบไม่ได้ เขาคือเหลียงจงแห่งหนานหลิง”
“เหลียงจง?” เซียวเจิ้นเทียนพูดทวนชื่อ
เมื่อไม่กี่วันก่อนเหลียงจงมาที่เมืองจินโจวแล้วบอกว่าต้องการลงทุนทำธุรกิจในเมืองจินโจว เมื่อเจอเรื่องดี ๆ แบบนี้ เซียวเจิ้นเทียนแน่นอนว่านัดหมายกับเหลียงจงไปรอบหนึ่ง แต่กลับถูกเหลียงจงปฏิเสธ คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะมาหาเขาด้วยตัวเองในวันนี้
อีกฝ่ายต้องมาเจรจาธุรกิจกับเขากับอย่างไม่ต้องสงสัย
แน่นอนความแค้นของตระกูลเซียวต้องได้รับการแก้แค้น แต่เนื่องจากการมีอยู่ของนายน้อยตระกูลฟาง เขาจึงไม่สามารถฆ่าฟางเหยียนได้
ในตอนนี้ฟางเหยียนถูกเขามัดไว้ เขาจะทำอย่างไรกับอีกฝ่ายเวลาไหนก็ได้ เขาจะไปพบกับเหลียงจงก่อนเพื่อทำสัญญา
จะพูดอย่างไร เหลียงจงก็เป็นมหาเศรษฐีหมื่นล้าน มีการลงทุนของอีกฝ่ายก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับตระกูลเซียว
หลังจากที่คิดถึงเรื่องนี้ เซียวเจิ้นเทียนก็พูดว่า “พาเขาลงไปก่อน เดี๋ยวฉันค่อยจัดการกับเขา เซียวเหอ ไปพบเหลียงจงกับฉัน บางที เขาอาจจะสร้างความประหลาดใจให้กับตระกูลเซียวของพวกเราก็เป็นได้”
ปัจจุบันตระกูลเซียวยังคงเป็นหุ้นส่วนที่แข็งแกร่ง ด้วยชื่อเสียงและทรัพย์สินของเหลียงจงพวกเขาสามารถร่วมมือกันและมีความสุขได้
“แต่ว่า คุณพ่อ พวกเราต้องไปจัดการกับเขาก่อน ตัดขาของเขาก่อนค่อยว่ากัน นี่ผมรอมานานเกินไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววเรื่องที่เซียวห้านหายตัวไปเลย” เซียวเหอ ชี้ไปทางฟางเหยียนแล้วพูดด้วยความไม่พอใจ
เซียวเจิ้นเทียนถอนหายใจหนึ่งเฮือกแล้วบอกว่า “อีกไม่นานมันก็ต้องตายอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง? มันอยู่ในมือของพวกเราแล้ว แกคิดว่ามันจะหนีไปได้อีกเหรอ? ยังไม่สายที่จะจัดการกับมันหรอก ไปหาเหลียงจงก่อนเถอะ”
เซียวเหอก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงลดปืนในมือลงแล้วพูดว่า “ก็ได้ ไปกันเถอะพ่อ!”
เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินออกไป ฟางเหยียน ก็แสยะยิ้มรอยยิ้มที่น่ากลัวออก เขาไม่คิดเลยว่าเหลียงจงจะโผล่มาในเวลาที่เหมาะสมเช่นนี้
เหลียงจงยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าวิลล่าของตระกูลเซียวเดินไปเดินมาด้วยสีหน้าเศร้าเสียใจ ตอนนี้ บริษัทของเขาหยุดชะงักไปแล้ว มีเพียงการช่วยชีวิตฟางเหยียน เท่านั้น บริษัทถึงจะฟื้นกลับมาได้ การมาที่บ้านของตระกูลเซียวเป็นหนทางเดียวของเขา
“ประธานเหลียง!” ในไม่ช้า เสียงของเซียวเจิ้นเทียนก็ดังออกมาจากด้านใน
เหลียงจงเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่จากตะวันตกเฉียงใต้ ถึงแม้ว่าสถานะของบริษัทเขาจะปิดตัวลง แต่ก็ยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ดังนั้นต่อหน้าคนอื่นภาพพจน์ของเขาก็ยังเป็นผู้ยิ่งใหญ่ดังเดิม
“ประธานเหลียง ผมไม่รู้มาก่อนว่าคุณจะมาหวังว่าจะไม่กล่าวโทษ” เซียวเจิ้นเทียนโบกมือทักทายและเดินไปหาเหลียงจงด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
เหลียงจงโบกมือกลับ แล้วพูดว่า “ท่านเซียว ไม่เจอกันนาน ยังแข็งแรงดีนะ”
“ประธานเหลียงขอบคุณสำหรับคำอวยพร ผมยังแข็งแรงดีอยู่” เซียวเจิ้นเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ประธานเหลียง”เซียวเหอเองก็เริ่มกล่าวทักทายเหลียงจง
เหลียงจง พยักหน้าตอบรับ เนื่องจากอยู่ในธุรกิจสายนี้ กระบวนการที่ควรจะปฏิบัติตามก็ต้องปฏิบัติตาม ถ้าหากตรงไปตรงมากจนเกินไปก็จะทำให้เกิดความไม่พอใจจากอีกฝ่าย แม้ว่าภายในใจของเหลียงจงจะเป็นกังวลอย่างถึงที่สุด แต่เขากลับยังมีสติเป็นอย่างดี
เหลียงจงยิ้มอย่างอดกลั้นแล้วกล่าวว่า “ได้ยินมาว่าช่วงนี้ท่านเซียวกำลังเจอกับเรื่องแย่ ๆ อยู่ใช่ไหม?”
เรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลเซียว เหลียงจงเองก็ได้ยินมาไม่น้อย
เซียวเจิ้นเทียนถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ประธานเหลียง เชิญเข้าไปด้านในก่อน พวกเราค่อยเข้าไปคุยกันด้านใน”
เหลียงจงเดินตามเซียวเจิ้นเทียนเข้าไปด้านในห้องโถง หลังจากที่เข้ามานั่งดื่มชา เขาก็พูดว่า “อันที่จริงฉันมาที่เมืองจินโจวในครั้งนี้ ก็เพื่อเตรียมตัวลงทุนในบางบริษัท ธุรกิจของตระกูลเซียวก็ใหญ่โต ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะลำบากไปบ้าง แต่มันก็ยากที่จะทำให้ฉันหมดความเชื่อมั่นในตระกูลเซียว ฉันเตรียมที่จะทำโครงการใหญ่ร่วมกับตระกูลเซียว ไม่รู้ว่าท่านเซียวจะสนใจหรือไม่?”
เหลียงจงนึกถึงการนัดหมายของเซียวเจิ้นเทียนเมื่อสองวันก่อน เดาได้ว่าต้องเป็นเรื่องนี้
เซียวเจิ้นเทียนรู้สึกดีใจกับเรื่องที่คาดไม่ถึงเป็นอย่างยิ่ง เขาพูดว่า “ประธานเหลียงเป็นชายหนุ่มที่กล้าหาญจริง ๆ ได้ร่วมมือกับประธานเหลียงนับเป็นเกียรติสำหรับผมจริง ๆ”
เหลียงจงพยักหน้า แล้ววกกลับมาที่หัวข้อเดิม “ใช่สิ ผมได้ยินมาว่าท่านเซียวจับคนมาหนึ่งคน ใช่ไหม?”
คำถามนี้ทำให้เซียวเจิ้นเทียนผงะไปครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เขาจับคนในร้านอาหาร จับอย่างโจ่งแจ้ง มีคนเห็นก็ไม่น่าใช่เรื่องแปลกอะไร เขาจึงหัวเราะและตอบว่า “ใช่ นั่นเป็นคนที่ไม่รู้จักความเป็นความตาย ประธานเหลียงถามทำไมหรือ?”
ประธานเหลียงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ส่งเขาให้ผมได้ไหม?”
สีหน้าของเซียวเจิ้นเทียนเปลี่ยนไปในทันที เขาหรี่ตามองเหลียงจงและถาม “ประธานเหลียงพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”
“ความหมายของฉันก็คือ ให้ท่านเซียวปล่อยเขาไป! ฉันเป็นหนี้บุญคุณน้องเล็กคนนี้ หวังว่าผู้เฒ่าจะเห็นแก่หน้าฉัน ปล่อยเขาไปเถอะ แบบนี้ ก็จะถือว่าฉันเป็นหนี้บุญคุณท่านเซียว เมื่อถึงเวลาที่ต้องร่วมมือกัน พวกเราก็คุยกันได้ ” เหลียงจงพูดเข้าประเด็นอย่างชัดเจน
เซียวเจิ้นเทียนแสดงสีหน้าอึดอัดใจและเงียบไปครู่หนึ่ง นี่เหลียงจงหมายความว่าอย่างไรกัน? ทำไมถึงได้วิ่งโร่มาอ้อนวอนขอชีวิตฟางเหยียน เขาเป็นถึงมหาเศรษฐีอันดับสองแห่งภาคซีหนาน ไม่มีเหตุผลที่จะมาบรรจบกับฟางเหยียนได้
นี่ เป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง
อย่างไรก็ตาม เซียวเจิ้นเทียนไม่สามารถมอบฟางเหยียนให้กับเหลียงจงได้ และไม่สามารถปฏิเสธอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมาได้ เขาจึงถอนหายใจและกล่าวว่า “คนที่ฉันจับมา ฉันไม่ได้จับมาด้วยตัวเอง คนๆนี้ใจกล้ามาก คิดไม่ถึงเลยว่าจะล่วงเกินนายน้อยของตระกูลฟาง ฉันจับเขาแทนนายน้อยตระกูลฟาง ตอนนี้เขาเพิ่งถูกส่งตัวไปให้นายน้อยตระกูลฟาง เพิ่งจะไปเมื่อครู่นี้”
“อะไรนะ?” เหลียงจงลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้และถามว่า “เขาถูกพาตัวไปแล้วจริง ๆ หรือ?”
เซียวเจิ้นเทียนถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ทำไมประธานเหลียงถามอย่างนั้น ผมจะหลอกคุณทำไม?”