บทที่ 22 คืนนี้ นอนในห้อง
อีกด้าน เย่ชิงหยู่และฟางเหยียนกลับบ้านพร้อมกัน
หลังจากที่ได้นั่งลงบนโซฟาแล้ว จางเจียวเจียวถึงได้สบายใจขึ้นมาบ้าง
เธอตบหน้าอกของตัวเองอย่างโล่งอก “ตกใจแทบแย่ คิดว่าฟางเหยียนทำผิดกฎหมายอะไรจริงๆ ซะอีก?”
ฟางเหยียนส่ายหน้าอย่างไร้หนทาง “หากผมทำผิดกฎหมายจริงๆ คนพวกนั้นจับตัวผมไปตั้งนานแล้ว”
“ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายก็ดีแล้ว” จางเจียวเจียวลูปหน้าอกของตัวเอง พลางถอนหายใจอย่างโล่งอก
“แต่ก็น่าเสียดาย หากแกเป็นหัวหน้าของพวกเขาจริงๆ ขึ้นมา ต่อจากนี้ก็จะไม่มีใครรังแกเราได้อีก เราเองก็มีลูกเขยที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับเรา คงจะดีไม่น้อย”
“ถ้าเป็นแบบนี้ หากพ่อของชิงหยู่รับรู้ เขาก็คงจะดีใจมาก”
พูดจบจางเจียวเจียวแหงนหน้าขึ้น ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยคาบน้ำตา
“น้าจาง ท่านวางใจเถอะ ขอเพียงแค่มีผมอยู่ บนโลกนี้ก็จะไม่มีใครนังแกพวกคุณได้”
ประโยคของฟางเหยียน ทำให้เย่ชิงหยู่และจางเจียวเจียวปลื้มปีติอย่างมาก
สำหรับทั้งคู่ นี่เป็นความตั้งใจของฟางเหยียน แต่สำหรับฟางเหยียน กลับเป็นคำมั่นที่เขามุ่งมั่นยึดติด
ในเวลานี้เอง เสียงโทรศัพท์ของฟางเหยียนดังขึ้น
เป็นสายปริศนา ฟางเหยียนเดินไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียง
เมื่อเห็นฟางเหยียนเดินออกไป จางเจียวเจียวจึงหันไปเอ่ยกับเย่ชิงหยู่ “ชิงหยู่ ฉันรู้สึกว่าฟางเหยียนดีต่อเราสองแม่ลูก โดยเฉพาะกับเธอ เขาพยายามสุดความสามารถจริงๆ”
เย่ชิงหยู่จ้องมองแผ่นหลังของฟางเหยียน พลันพยักหน้าเล็กน้อย เธอรู้อยู่แล้วว่าฟางเหยียนดีต่อพวกเธอทั้งคู่มาก
จางเจียวเจียวกล่าวต่อ “แกลองคิดดูนะ เขาใช้ข้ออ้างเรื่องสัญญาในการทำข้อตกลงกับตาของแก ให้จัดงานวันเกิดให้กับแก แถมยังเชื้อเชิญคนมากมายมาในงานอีก หากเป็นพ่อของแกจัดการละก็ มีแต่พ่อของแกเท่านั้นแหละที่จะได้รับเกียรตินี้”
“ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเซอร์ไพรส์แกใหญ่โต ใช้ข้ออ้างการจับกุมตัวเซียวเหวินห่าวในการทำข้อตกลง ให้พวกเขาเรียกแกว่าคุณนาย ให้ของขวัญแก ต่อให้สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงข้ออ้าง แต่เห็นได้ชัดเลยว่าแกสำคัญมากสำหรับฟางเหยียน”
คำพูดของจางเจียวเจียว ทำให้เย่ชิงหยู่อบอุ่นหัวใจ เธอกัดริมฝีปาก พยักหน้ารับ
“ใช่สิ ชิงหยู่ แกชอบฟางเหยียนไหม?”
คำถามนี้เข้าไปในใจของเย่ชิงหยู่ เธอยกแก้วน้ำชาขึ้นปิดปาก “พอได้แล้ว แม่ ท่านรีบพักผ่อนเถอะ”
จางเจียวเจียวถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย “ทำไมถึงไล่ให้ฉันไปพักผ่อนซะล่ะ? แกตอบคำถามฉันมาสิ ฟางเหยียนชอบแกแน่ๆ ไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงทำทุกอย่างเพื่อแก แต่ที่สำคัญคือแกชอบเขาไหม”
“แม่คะ เราแยกกันนานมาก หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน” เย่ชิงหยู่ตอบคำถามด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ เพียงแต่เธอยังไม่แน่ใจเท่านั้น
“ไม่รู้อย่างนั้นเหรอ ก็แสดงว่าชอบ หากต่างฝ่ายต่างมีใจให้กัน ก็ถึงเวลาที่จะมีลูกได้แล้ว พ่อแกที่อยู่บนสวรรค์ จะได้หมดห่วงเสียที”
“แม่” เย่ชิงหยู่ประหม่า นี่มาถึงขึ้นมีลูกแล้วหรือ
เธอเหลือบไปทางฟางเหยียนที่อยู่ตรงระเบียงอย่างระแวดระวัง ด้วยอารมณ์ที่สดใส
“ฟางเหยียน นั่นใช่แกไหม?”
น้ำเสียงที่แล่นออกมาจากปลายคือคุณปู่ของเขาฟางจินหยวน ผู้นำของตระกูลที่เป็นอันดับหนึ่งของเจียงตู
“มีธุระอะไรครับ?” ฟางเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ที่ปนไปด้วยความอาฆาต
หลังจากที่ฟางจินหยวนได้ยินเสียงตอบรับของฟางหยวน เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าไร้เรี่ยวแรง “ฟางเหยียน ปู่รู้ดีว่าแกยังโกรธเกลียดปู่เรื่องในตอนนั้น หลายปีมานี้ปู่เองก็เสียใจที่ปู่ทำเรื่องแบบนั้นลงไป”
“ขอโทษ ฟางเหยียน เป็นความผิดของปู่เอง แกจะกลับบ้านได้ไหม?”
“ฉัน แค่อยากมอบตำแหน่งผู้นำของตระกูลให้กับแกดูแล ฉันถึงจะสบายใจ”
ฟางเหยียนสูดหายใจเข้า ก่อนกล่าวอย่างนึกขัน “ฟางจินหยวน ผมรู้ว่าคุณต้องการอำนาจของผม! ตอนนี้ คุณคิดว่าผมสนใจในสถานะผู้นำตระกูลของคุณอย่างนั้นเหรอ?”
“ฟางเหยียน แกจะพูดว่าไม่สนใจได้ยังไง? ต่อให้ไม่สนใจยังไง ที่นี่ก็เป็นบ้านของแก นี่เป็นความจริงที่เปลี่ยนไม่ได้”
“ขอโทษครับ ตอนนี้ผมเป็นคนของตระกูลเย่ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลฟางเลยแม้แต่น้อย”
ฟางเหยียนหลับตาลง เรื่องราวในอดีตค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาในหัวเป็นฉากๆ
ภาพที่บิดาและมารดาของเขาถูกบีบบังคับจนสิ้นลม เขาไม่มีวันลืมภาพนั้นได้
“แต่ยังไงแกก็เป็นคนของตระกูลหาง เลือดของตระกูลฟางไหลเวียนอยู่ในตัวแก ตระกูลเย่ย่อยยับไปแล้ว แกจะใช้นามสกุลเย่ยังไง”
“มีผมอยู่ ผมจะสร้างตระกูลเย่อีกเป็นร้อยก็ย่อมได้”
“ผมจะขอเตือนอีกเพียงแค่ครั้งเดียว หากคุณยังมารบกวนผมอีก ผมจะทำลายตระกูลฟางซะ”
จบคำ ฟางเหยียนตัดสายทิ้งไปทันที ส่วนโทรศัพท์ ถูกเขาบีบจนแหลกละเอียด
เขาแหงนหน้าขึ้นถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพื่อคลายความโมโห หลายปีมานี้ เขาจะลบเลือนอะไรก็ได้ นอกเสียจากการตายของบิดาและมารดาผู้ให้กำเนิด
ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะเย่เทียนรับเลี้ยงเขา บางทีเขาอาจจะถูกตระกูลฟางฆ่าตายไปแล้ว!
สิ่งที่เขามีต่อตระกูลฟาง มีเพียงแค่ความแค้น! แค้นเข้ากระดูกดำ
เขาเหม่อลอยอยู่นาน ก่อนที่จะได้สติกลับคืนมาอย่างช้าๆ เมื่อหมุนตัวกลับ ก็ได้พบกับร่างของเย่ชิงหยู่ยืนอยู่ที่ข้างหลังของเธอ
เย่ชิงหยู่เบิกตากว้าง จับฟางเหยียนนิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ เมื่อสักครู่เธอเห็นภาพที่ฟางเหยียนบีบโทรศัพท์จนแตก
เมื่อเธอเห็นสีหน้าของฟางเหยียน คลื่นแห่งความกลัวแล่นเข้ามาในหัว
“นาย เป็นอะไรไป?” เย่ชิงหยู่เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง พร้อมกับเหลือบมองโทรศัพท์ในมือที่แตกละเอียด
ฟางเหยียนตอบรับเสียงเรียบ “ไม่เป็นไร โทรศัพท์ตกแตกเท่านั้นเอง”
ตกแตก?
เย่ชิงหยู่เห็นกับตาว่าเขาเป็นคนบีบจนแตก จะตกแตกไปได้ยังไง
“ใช่สิ ผมมีของขวัญจะให้คุณ” เขากล่าว พลางหยิบอัญมณีเลือดทองที่ได้มาจากหลิวเหอฉางออกมา
เย่ชิงหยู่นิ่งไป ก่อนที่จะหันมองหน้าฟางเหยียน เขาในตอนนี้ราวกับคนละคนกับเมื่อสักครู่ไม่ผิดเพี้ยน
ผู้ชายคนนี้ มักจะปกปิดตัวเองเสมอ
ต่อหน้าเธอเขามักจะมีทีท่าราวกับผู้ชนะเสมอ
“สุขสันต์วันเกิด!” เย่ชิงหยู่รับอัญมณีเลือดทองมาไว้
เย่ชิงหยู่เปิดกล่องออกช้าๆ ภายในกล่องปรากฏอัญมณีที่ส่องแสงทอประกายสีแดงวับวาว
“ว้าว อัญมณีสีทอง! แถมยังมีสีแดงด้วย” เย่ชิงหยู่ไม่อยากจะเชื่อ
เธอไม่อยากจะเชื่อ ว่าของปลอมสมัยนี้ ทำไมถึงได้เหมือนจริงขนาดนี้นะ
การงานของฟางเหยียน ไม่มีทางที่จะซื้ออัญมณีของแท้แบบนี้ได้หรอก
เย่ชิงหยู่เห็นอัญมณีสีทองมาเยอะ แต่สีแดงเลือดนี่เธอเคยเห็นเป็นครั้งแรก
เห็นได้ชัดเลย ว่าฟางเหยียนไม่มีความรู้ทางด้านอัญมณี ซื้อของปลอมมา แถมยังเป็นสีแดงเลือดอีกต่างหาก
“ชอบไหม?” เมื่อเห็นความสับสนของเธอบนใบหน้า ฟางเหยียนจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เย่ชิงหยู่พยักหน้า “ชอบสิ”
“ถ้างั้นก็ดีแล้ว!” ฟางเหยียนพยักหน้ารับเบาๆ
เย่ชิงหยู่พิจารณาอัญมณีที่อยู่ในมือ เธอเอาออกมาลูปคลำ อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงในการทำของเลียนแบบในสมัยนี้ที่ทำได้ดีเยี่ยม
ตกดึก เย่ชิงหยู่นั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา
จางเจียวเจียวรู้สึกว่าเธอนั่งอยู่ตรงนี้คงไม่เหมาะนัก จึงเดินเข้าไปในห้อง
“ชิงหยู่ แกอย่าลืมเรียกฟังเหยียนเข้าไปนอนในก้องนะ” จางเจียวเจียวไม่ลืมที่จะกำชับ
เย่ชิงหยู่ใบหน้าแดงก่ำ ฟางเหยียนหันขวับไปตั้งคำถาม
“คืนนี้ ผมเข้าไปนอนในห้องได้งั้นหรือ”