ตระกูลเซียว
ข่าวแพร่กระจายออกไป มีผลดีไม่เป็นอันตรายต่อตระกูลเซียว เมื่อเห็นผู้คนมากมายมาอวยพร เซียวเจิ้นเที่ยนก็มีความสุขอยู่ในใจ ในที่สุดยังลบล้างภาวะซบเซาของก่อนหน้านี้ ตระกูลเซียวกำลังจะมีชื่อเสียงอยู่ในเขตของภาคซีหนานแล้ว!
เขาเอามือไพล่หลังแล้วเดินรอบๆห้องโถงสองรอบ แล้วจุดธูปไหว้บรรพบุรุษ
แต่ว่าสิ่งที่น่าแปลกคือ สองวันมานี้ ธูปที่จุดก็กลายเป็นสั้นสองยาวหนึ่ง เขาก็ไม่รู้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ว่ากันตามเหตุผล ตอนนี้ตระกูลเซียวถือได้ว่าขึ้นสูงมาหนึ่งระดับแล้ว บรรพบุรุษน่าจะมีความสุข ทำไมจุดธูปยังกลายเป็นสั้นสองยาวหนึ่งได้?
หรือว่าบรรพบุรุษยังมีตรงไหนที่ไม่มีพอใจเหรอ?
เขาก็ยากที่จะเข้าใจ และขี้เกียจจะไปสนใจ คิดในใจว่ารอผ่านวันเกิดของตัวเองแล้ว ค่อยหาเก่าเต๋าผู้มีชื่อเสียงมาดูในบ้านว่า เกิดปัญหาอะไรขึ้น ในฐานะผู้สืบทอดของตระกูลใหญ่ สำหรับในด้านของการบูชาของศักดิ์สิทธิ์ ยังคงพิถีพิถันเป็นอย่างมาก
เขาเอามือไพล่หลังเดินเล่นเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ต้อนรับคนไปสิบกว่าคน คิดในใจว่าน่าจะไม่มีคนมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงหันหลังเดินเข้าไปในคุกใต้ดินของบ้านตัวเอง
คุกใต้ดินนี้อยู่สวนลานหลังคฤหาสน์ของตระกูลเซียว ซึ่งเป็นห้องใต้ดิน ใช้มาเก็บสะสมของจิปาถะ แต่ว่าเซียวเจิ้นเที่ยนไม่ได้มีของจิปาถะอะไร ก็ทำให้ห้องนี้กลายเป็นคุกใต้ดิน ใช้มาลักพาตัวคนที่เป็นศัตรูกับตัวเอง
เขาเปิดประตูเหล็กที่นำไปสู่ห้องใต้ดิน เดินลงไป ข้างล่างถือได้ว่ามีแสงสว่างมาก แต่ว่าเนื่องจากเป็นห้องใต้ดิน ลงมาก็ได้กลิ่นเหม็นอับ เขามาถึงที่ตรงหน้าคุกใต้ดิน บอดี้การ์ดสองคนทยอยทักทายเขา
ไม่ช้า เขาก็ผ่านประตูเหล็กอีกบานหนึ่ง มาถึงที่ประตูห้องเล็กๆ ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นสถานที่กักขังผู้คน ห้องเล็กมีเจ็ดถึงแปดตารางเมตร ผนังทั้งสามนั้นทำด้วยเหล็กทั้งหมด และมีเพียงส่วนหน้าเท่านั้นที่ทำด้วยเหล็กเส้น
คนที่โดนคุมขังอยู่ข้างในนั้น แม้จะมีศิลปะการต่อสู้ที่ไม่มีใครเทียบ คงจะหลบหนีออกไปจากคุกแห่งนี้ได้ยากมาก
ฟางเหยียนนั่งอยู่บนเสื่อเย็นที่ง่ายๆหยาบๆ นั่งขัดสมาธิ หลับตาลง และมีโซ่เหล็กขนาดใหญ่ล่ามติดกับมือและเท้า
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคน เขาก็ลืมตาขึ้น แล้วพูดว่า: “มาแล้ว!”
สองคำ พูดได้เหมือนกับว่าเขาเป็นเจ้าของที่นี่ อยู่อย่างสบายอกสบายใจเหมือนรู้ว่าจะมีแขกมา
“ฮ่าๆ!” เซียวเจิ้นเที่ยนหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ แล้วพูดว่า: “แกกลับผ่อนคลายมากจริงๆ! ฉันยังคิดว่าเมื่อวานไม่ได้กินข้าวทั้งวัน แกคงจะหิวจนตายไปแล้ว”
ฟางเหยียนพูดอย่างระอาว่า: “ไม่ถึงขนาดนั้น แค่หิวเพิ่มไม่กี่วันไม่ใช่เหรอ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยหิวมาก่อน”
เมื่อก่อนตอนที่ทำสงครามอยู่ในสนาม ฟางเหยียนก็เคยมีประสบการณ์ในการไม่ทานอาหารเป็นเวลาห้าวันห้าคืน ตอนนั้นไม่เท่าตอนนี้ ตอนนี้แค่นั่งอยู่ สบายกว่ามาก ตอนนั้นกำลังทำสงคราม ใช้แรงจนเหนื่อยสายตัวแทบขาด ก็ยังต้องฆ่าคน และฆ่าคนด้วยความหิว
เซียวเจิ้นเที่ยนแสยะยิ้มแล้วพูดว่า: “ยังเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวจริงๆ แกไม่พูดแบบนั้น ฉันเกือบจะลืมไปว่าแกเป็นทหาร”
ฟางเหยียนไม่รู้ว่าจะพูดตอบรับต่อไปอย่างไร ก็ถามอย่างตรงประเด็นว่า: “ว่ามา มาหาฉันมีเรื่องอะไร? ฉันไม่เชื่อว่าแกแค่มาพูดคุยกับฉัน”
เซียวเจิ้นเที่ยนหัวเราะเสียงดังขึ้นมา แล้วพูดว่า: “เป็นคนที่กล้ามากพอจะเป็นศัตรูกับตระกูลเซียวของฉันจริงๆ ฉลาด”
ฟางเหยียนไม่ได้ตอบคำเหล่านี้ เพียงแค่รอคำพูดต่อมาของเซียวเจิ้นเที่ยนอย่างเงียบๆ
เซียวเจิ้นเที่ยนจ้องมองไปที่ฟางเหยียน แล้วถามว่า: “ฉันสงสัยมากว่าฐานะของแกเป็นใครกันแน่? ทำไมแกแม้แต่นายน้อยของตระกูลฟางก็กล้าทำให้ขุ่นเคือง ยิ่งแปลกไปกว่านั้นคือ เหลียงจงมหาเศรษฐีของในเขตภาคซีหนานกับนายน้อยของตระกูลเฉิงก็มาขอความเมตตาให้กับแก”
“หึ!”ฟางเหยียนแสยะยิ้ม เหลียงจงเข้ามาเพราะกิจการของครอบครัวตัวเองอยู่ในสภาพที่ปิดตัวลงไปแล้ว ถึงได้มาขอความเมตตาให้ตัวเอง ส่วนนายน้อยของตระกูลเฉิง เย่ชิงหยู่คงจะโทรหาเขาอย่างแน่นอน
“แกหัวเราะอะไร?” เซียวเจิ้นเที่ยนหรี่ตาแล้วถาม
ฟางเหยียดฉีกปากเผยให้เห็นยิ้มเยาะเย้ย แล้วพูดว่า: “ความจริงทำให้คนขุ่นเคืองก็แบ่งแยกเป็นสถานการณ์ มีสถานการณ์หนึ่งที่ทำให้ขุ่นเคืองตรงๆ เช่นถ้าฉันต่อยตีแก ด่าว่าแก นี่ก็เป็นการทำให้ขุ่นเคืองตรงๆ ยังมีอีกหนึ่งเรียกว่าคุกคามทำให้ขุ่นเคือง เช่นธุรกิจลุงเย่ของฉันเติบโตขึ้น คุกคามถึงตำแหน่งของแก แต่ว่าเขาไม่รู้ว่าตัวเองทำให้แกขุ่นเคือง ในความคิดของแก เขาก็คือทำให้แกเคือง นี่ก็เป็นการทำให้ขุ่นเคืองอย่างหนึ่ง ดังนั้นแกรู้สึกว่า เขาก็คือทำให้แกขุ่นเคือง ฉันต่อยตีนายน้อยของตระกูลฟางเหรอ? หรือว่าคุกคามถึงนายน้อยของตระกูลเหรอ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเจิ้นเที่ยนก็แข็งทื่อทันที เขาหรี่ตาจ้องมองไปที่ฟางเหยียน หมอนี่พูดจาได้อย่างรอบคอบมาก แน่นอนว่าเขาไม่มีทางลงมือไปต่อยตีนายน้อยของตระกูลฟาง อย่างที่หนึ่งเป็นคนไม่มีความสามารถ อย่างที่สองไม่มีโอกาสนั้น หรือว่าจะเป็นอย่างที่สอง ตำแหน่งของเขาคุกคามถึงนายน้อยของตระกูลฟางเหรอ? ดังนั้นนายน้อยตระกูลฟางถึงได้จัดการเขาเหรอ?
ตำแหน่งเหรอ? ตำแหน่งของเขาสามารถคุกคามถึงนายน้อยของตระกูลฟาง นี่ต้องเป็นตำแหน่งที่ใหญ่แค่ไหนถึงจะพอ!
หลังจากที่เงียบไปนาน เขาก็หรี่ตาและพูดว่า: “ฉันไม่สนใจหรอกว่าฐานะของแกจะเป็นอะไร ตั้งแต่วินาทีที่แกโดนจับ ชาตินี้ของแกถึงวาระที่จะจบลงแล้ว เด็กเวร จะโทษก็โทษที่แกกวนโมโหฉันเซียวเจิ้นเที่ยน”
“ฮ่าๆ!” ฟางเหยียนส่ายหัวแล้วพูดว่า: “ท่านเซียว แกค่อนข้างมั่นใจมากเกินไปแล้ว! แกคิดว่าอย่างแกก็สามารถจับตัวของฉันได้เหรอ? แกพูดมาเองดีกว่าว่า ก่อนหน้านั้นแกเริ่มส่งคนมาแอบลอบสังหารฉันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ใบหน้าชราของเซียวเจิ้นเที่ยนตกตะลึงอีกครั้ง แต่ว่าเขาส่งเสียงเย็นชา แล้วพูดว่า: “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้แกก็โดนฉันจับตัวแล้วไม่ใช่เหรอ? บอกที่อยู่ของเซียวห้านให้ฉัน บางทีฉันอาจจะขอความเมตตากับคุณชายฟาง ยกโทษให้แกไม่ต้องตาย”
“ยกโทษให้ฉันไม่ต้องตายเหรอ!” ฟางเหยียนพูดหลายคำนี้ซ้ำอีกครั้ง ในใจก็รู้สึกตลกมาก ลองถามดู โลกใบนี้ มีคนกล้าพูดจาแบบนี้กับเขาเหรอ? เทพแห่งสงครามของประเทศหวา เทพสังหารที่มีชื่อเสียงมากของโลก ฉายาที่ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน จอมพลโผ้จวิน!
คนแบบนี้ จำเป็นต้องให้คนยกโทษให้ไม่ต้องตายด้วยเหรอ? ตลกสิ้นดี นี่อาจเป็นเรื่องที่ตลกที่สุดในยุคนี้
ฟางเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า: “ท่านเซียว มีเรื่องราวหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับตระกูลเซียว หรือว่าแกก็ไม่กลัวว่าตระกูลเซียวของพวกแกจะล่มสลายเหรอ? มีการสืบทอดคำพูดคนสมัยโบราณว่า ถ้าหากจุดธูปติดต่อกันสามวันก็เป็นสั้นสองยาวหนึ่ง จะต้องเผชิญกับหายนะของการสูญเสีย!”
เซียวเจิ้นเที่ยนย่อมรู้สืบทอดคำพูดสมัยโบราณนี้เป็นธรรมดา แต่ว่าคำพูดออกมาจากปากของฟางเหยียน ทำให้เขาตกใจจนหน้าเขียว แต่ก็ในทันใดนั้น เขาก็ฟื้นคืนกลับมา ตอนนี้เขาเป็นใหญ่!
เขาส่งเสียเย็นชา และพูดด้วยหน้าบอกบุญไม่รับ: “อย่าพูดจาไร้สาระกับฉันมากนัก บอกฉันมา ที่อยู่ของเซียวห้าน!”
ฟางเหยียนเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่ได้ตอบคำถามนี้ ต่อจากนั้นพูดว่า: “ท่านเซียว มีคำถามหนึ่งที่ฉันอยากจะถามท่าน”
สีหน้าของเซียวเจิ้นเที่ยนถอดสีเล็กน้อย แล้วตะโกนว่า: “อย่ามาพูดจาไม่ตรงประเด็นกับฉัน บอกที่อยู่ของเซียวห้านให้ฉัน”
เซียวห้านเป็นหลานสาวของตัวเอง ก็เป็นความหวังเดียวของลูกชายตัวเอง แม้ว่าจะเป็นหลานสาว เขาก็ไม่หวังว่าลูกชายของตัวเองจะไม่มีทายาท ลูกชายคนโตก็กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปคนหนึ่งแล้ว โดนคนฟันขาทั้งสองขาด ลูกคนที่สามจนถึงตอนนี้ไม่มีทายาท ดังนั้นสำหรับเซียวห้านเขาค่อนข้างให้ความสำคัญมาก เด็กคนนี้จะกลายเป็นความหวังในอนาคตของตระกูล
“ท่านตอบคำถามนี้ของฉันมาก่อน ตอบฉันแล้วบางทีฉันอาจจะบอกที่อยู่ของเซียวห้าน” ฟางเหยียนลุกขึ้นจากบนพื้น จ้องมองเซียวเจิ้นเที่ยนด้วยดวงตาที่บูดบึ้งไม่ยิ้มแย้มแล้วถาม: “บอกฉันมา ใครที่เบื้องหลังบงการให้แกทำลายตระกูลเย่?”
####บทที่ 225 ผู้มีพระคุณ ตอบแทนด้วยชีวิต
เซียวเจิ้นเที่ยนสบตากับฟางเหยียน เมื่อตอนที่ได้ยินคำถามนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาทั้งตัว ใบหน้าชราก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที ขมวดคิ้วจนกลายเป็นตัวอักษร“ฉวน”(ฉวนในที่นี้แปลว่าแม่น้ำลักษณะตัวอักษรคล้ายกับการเครียดจนกลายรอยย่นที่อยู่ตรงระหว่างคิ้ว)
สายตาของฟางเหยียนเฉียบคม ก็เหมือนราวกับดาบคมเล่มหนึ่งที่แทงทะลุหัวใจของเซียวเจิ้นเที่ยน
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงได้กลายเป็นโดนเขาถามอย่างกดดัน? เดิมทีตัวเองมาถามที่อยู่ของเซียวห้านอย่างกดดัน ซึ่งทั้งหมดนี้กลับกันโดยสิ้นเชิง ไม่ๆๆๆ นี่ไม่ใช่ผลที่เซียวเจิ้นเที่ยนต้องการ
เซียวเจิ้นเที่ยนละสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาทั้งสองนั้นมีมาร หมอนี่เป็นใครกันแน่?
“เซียวเจิ้นเที่ยน แกยังตั้งใจจะไม่บอกฉันมั้ย? หรือว่าแกจะมองดูตระกูลเซียวของพวกแกโดนทำลายเหรอ?” ฟางเหยียนถามอย่างบีบคั้น เทพแห่งสงคราม ไม่เคยโดนกระตุ้นมาก่อน แม้ว่าจะโดนขังอยู่ในคุกใต้ดิน ยังคงเป็นราชาอยู่
สีหน้าของเซียวเจิ้นเที่ยนหน้าถอดสี เขากัดฟัน กล้ามเนื้อแก้มของเขากระตุกขึ้นมา หลังจากที่กำหมัดแน่น แล้วพูดว่า: “แกคิดว่าตัวเองเป็นห่าอะไร อย่างแก ก็ข่มขู่ฉันเซียวเจิ้นเที่ยนได้เหรอ?”
“ข่มขู่เหรอ? หรือว่าท่านคิดว่าทุกสิ่งที่ตระกูลเซียวของพวกท่านประสบในช่วงนี้เป็นเรื่องบังเอิญเหรอ? บอกฉันมา องค์กรนั้นเป็นใคร? ใครให้แกทำลายตระกูลเย่?”ฟางเหยียนยังคงจ้องเซียวเจิ้นเที่ยนด้วยดวงตาแดงเข้มทั้งสองแล้วถาม
เซียวเจิ้นเที่ยนก็เปลี่ยนการแสดงออกอย่างกะทันหัน หัวเราะเสียงดัง แล้วพูดว่า: “แกคิดว่าทำลายตระกูลเย่ มีความจำเป็นต้องมีคนบงการด้วยเหรอ? ตระกูลเย่ไม่ปฏิบัติตามกฎของฉัน ก็ต้องโดนฉันลงโทษ นี่เป็นเพียงแค่กฎของเมืองจินโจว เย่เทียนไม่เข้าใจ ก็ต้องโดนลบชื่อ หรือว่าเหตุผลที่เรียบง่ายขนาดนี้ แกก็ไม่เข้าใจเหรอ?”
“เหอะๆ!” ฟางเหยียนยิ้มเยาะพูดว่า: “แกคิดว่าฉันจะเชื่อมั้ย? แกคิดว่าอย่างแกก็สามารถพอที่จะทำลายตระกูลเย่ได้เหรอ? ตระกูลเซียวมีกิจการขั้นพื้นฐานใหญ่แค่ไหน ฉันรู้ แต่ว่าตระกูลเย่ไม่ได้เลวร้ายกว่าพวกแก แกต้องการทำลายตระกูลแบบนี้ ไม่มีเวลาหนึ่งถึงสองปี แกไม่สามารถทำลายได้! บอกฉันมา องค์กรที่สนับสนุนแกอยู่เบื้องหลังเป็นใคร?”
“หนึ่งถึงสองปี!” เซียวเจิ้นเที่ยนพูดอย่างมั่นใจมากว่า: “แกก็ให้ความสำคัญกับตระกูลเย่เกินไปแล้ว? ฉันต้องการจะทำลายพวกเขา เพียงแค่เรื่องไม่กี่วินาทีก็สำเร็จ แกคิดว่าฉันยังต้องให้เกียรติตระกูลเย่มั้ย? การทำลายของเขา เพียงแค่การคัดเลือกตามธรรมชาติ!”
“ช่างเป็นการคัดเลือกตามธรรมชาติที่ดี!” ฟางเหยียนกลับไปถึงตำแหน่งที่นั่งขัดสมาธิ นั่งลงอย่างเยือกเย็น ดูท่าทางของเซียวเจิ้นเที่ยนไม่มีทางที่จะเอ่ยปากบอกตัวเอง กองกำลังที่อยู่เบื้องหลังเคยตักเตือนเขาอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นฟางเหยียนกลับไปแล้ว เซียวเจิ้นเที่ยนถึงได้มีความรู้สึกโล่งใจ น่าแปลก ทำไมเมื่อกี้นี้ถึงได้มีความรู้สึกโดนคนกดขี่? ก็เหมือนกับภูเขาลูกใหญ่กดทับตัวเอง กดจนตัวเองขยับไม่ได้!
ทั้งๆที่ตัวเองยึดครองตำแหน่งที่มีอำนาจ ฟางเหยียนคนนี้มีความแข็งแกร่งขนาดนั้นจริงๆเหรอ?
เซียวเจิ้นเที่ยนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า: “แกยังไม่ได้บอกฉันว่า เซียวห้านอยู่ที่ไหน?”
ฟางเหยียนพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นว่า: “ตอนที่เธอควรมาหาแก เธอจะมาเอง แกอย่ารีบร้อน!”
เมื่อได้ยินคำพูดของฟางเหยียน เซียวเจิ้นเที่ยนก็สรุปว่าเซียวห้านก็คือโดนเขาลักพาตัวไป
เขายังเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง เสียงของเซียวเหอดังมาจากข้างนอก: “พ่อ หลิวเหอฉางเถ้าแก่ของร้านหยกตี้เซิ่งหยวนมาหาพ่อ!”
“หลิวเหอฉางเหรอ?” เซียวเจิ้นเที่ยนขมวดคิ้ว ชายชราคนนี้ไม่ได้ติดต่อกับตัวเองมาหลายปีแล้ว ก็บอกว่าเขาเกษียณแล้ว ไม่เข้าร่วมกิจกรรมใดๆ งานวันเกิดก่อนหน้านี้ของตัวเอง เขาก็ไม่เคยมา ตอนนี้มาอย่างกะทันหัน หรือว่าจะเป็น…..
คงจะรู้ข่าวที่ตัวเองได้ร่วมงานกับตระกูลฟางอย่างแน่นอน มาอวยพรถึงที่ บางคนปากบอกว่าเกษียณแล้ว แต่ในความเป็นจริงตอนที่รู้สึกว่ามีโอกาส ยังจะออกมา หลิวเหอฉางคนนี้ก็เป็นคนธรรมดาแบบนี้
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เซียวเจิ้นเที่ยนพูดกับฟางเหยียนว่า: “แกได้เจอดีแน่!”
ก็เดินออกไป
หลังจากที่เขาเดินออกไป เซียวเหอก็เดินเข้ามา นี่ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่เซียวเหอมา ทันทีที่เข้ามา ก็ชี้ไปที่ฟางเหยียนอย่างโกรธจัดแล้วด่าว่า: “แกนี่มันสารเลว ฉันจะลงมือฆ่าแกด้วยตัวเอง เพื่อล้างแค้นให้ลูกชายของฉัน”
ฟางเหยียนไม่ตอบเขาสักคำเหมือนเช่นเคย ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ตาม เขาด่าอย่างไร ยั่วให้ฟางเหยียนเกิดโทสะอย่างไร ฟางเหยียนก็ทำเป็นไม่เห็น เซียวเหอ ยังไม่มีสิทธิ์พูดคุยกับเขา รอตอนที่ตัวเองพูดกับเขา ก็เป็นวันตายของเขา
“แกล้งเป็นใบ้เหรอ? ฉันจะบอกแกให้ ตราบใดที่แกอยู่ในมือของฉัน ฉันมีหนึ่งร้อยวิธีที่จะทำให้แกตายทั้งเป็น รู้มั้ยว่าคนก่อนที่ทำให้ตระกูลเซียวพวกเราขุ่นเคืองมีจุดจบอย่างไร? แกรู้จักหวงหู่มั้ย? แกรู้มั้ยเขาตายได้อย่างไร”เซียวเหอยังขู่ฟางเหยียนต่อไป
หวงหู่คนนี้เมื่อก่อนเป็นราชาแห่งโลกใต้ดินในเมืองจินโจว เพราะไม่เชื่อฟังคำสั่งของตระกูลเซียว ก็โดนขังไว้ในคุกใต้ดินนี้ เขาโดนตระกูลเซียวทรมานหนึ่งเดือนเต็มๆ สุดท้ายขอร้องให้ตระกูลเซียวฆ่าเขา
หลังจากพูดคุยกันสิบนาทีเต็มๆ เมื่อเห็นฟางเหยียนยังคงหลีกเลี่ยงไม่สนใจ เขาก็เดินออกไปอย่างน่าเบื่อ
ทันทีที่เซียวเจิ้นเที่ยนมาถึงที่ห้องโถง ก็เห็นหลิวเหอฉางที่เดินไปเดินมาในห้องโถง เมื่อหลิวเหอฉางเห็นเซียวเจิ้นเที่ยน ก็คารวะแล้วพูดว่า: “ท่านเซียว สวัสดี!”
เซียวเจิ้นเที่ยนหัวเราะแล้วคารวะพูดว่า: “ที่แท้เป็นเถ้าแก่ของร้านหยกตี้เซิ่งหยวนนี่เอง หลิวเหอฉางนะหลิวเหอฉาง ขออภัยที่ไม่ได้ให้การต้อนรับ ขออภัยที่ไม่ได้ให้การต้อนรับ ได้ยินมานานว่าหลิวเหอฉางไม่ก้าวก่ายเรื่องธุรกิจแล้ว วันนี้คิดอย่างไรถึงได้วิ่งมาที่ฉันได้ล่ะ?”
ความจริงในหัวของเขาคิดเรื่องที่หลิวเหอฉางจะมาอวยพรให้กับเขาไว้แล้ว ก็ทำใจเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว
แต่ทว่า หลิวเหอฉางไม่ได้ทำตามความคิดของเขา แต่พูดเข้าประเด็นว่า: “ท่านเซียว วันนี้ที่ฉันมาหาท่าน มีเรื่องที่อยากจะถามท่าน”
“หืม?” เซียวเจิ้นเที่ยนยกมือขึ้นให้ส่งสัญญาณ ให้สัญญาณหลิวเหอฉางพูดเรื่อง
หลิวเหอฉางพูดว่า: “ท่านเซียว ฉันได้ยินมาว่าท่านจับตัวคนมาหนึ่งคน ไม่ทราบว่ามีเรื่องอย่างนั้นหรือเปล่า?”
เซียวเจิ้นเที่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย มาถึงก็พูดเรื่องนี้ หรือว่าฟางเหยียนก็ทำให้หลิวเหอฉางขุ่นเคืองเหรอ? ไม่ๆๆๆ ไม่ได้ทำให้หลิวเหอฉางขุ่นเคืองอย่างแน่นอน บางทีหลิวเหอฉางก็มาเพื่อขอความเมตตาให้ฟางเหยียน
เมื่อเห็นเซียวเจิ้นเที่ยนไม่ได้ตอบ หลิวเหอฉางก็ถามอีก: “ท่านเซียว มีเรื่องอย่างนั้นหรือเปล่า?”
เซียวเจิ้นเที่ยนดึงสติกลับมา แล้วพูดว่า: “ใช่ ฉันกลับจับตัวคนมาหนึ่งคน”
นี่ไม่ใช่ความลับ ภายใต้สาธารณชน จับในร้านอาหารที่โล่ง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ผู้คนจะรู้
“คนคนนี้เป็นลูกเขยของตระกูลเย่ ก็คือลูกเขยของเย่เทียน ขอถามหลิวเหอฉาง มาเพื่อเรื่องนี้หรือเปล่า?”
หลิวเหอฉางพูดว่า: “ใช่ ท่านเซียว ฉันไม่รู้ว่าเขาทำอะไรให้ท่านขุ่นเคือง ยังหวังว่าท่านจะสามารถพูดออกมาได้ ถ้าฉันสามารถชดใช้แทนเขาได้ จะมอบให้อย่างแน่นอน แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตของฉัน”
“อะไรนะ?” เซียวเจิ้นเที่ยนถามอย่างแปลกใจ: “คำพูดของท่านหมายความว่าอย่างไร?”
หลิวเหอฉางพูดอย่างจริงจังว่า: “ฉันหมายความว่า หวังว่าท่านจะสามารถปล่อยตัวเขาไป แม้ว่าท่านจะต้องการชีวิตของฉัน ฉันก็สามารถให้ท่านได้ แน่นอนว่า ต้องการเงิน ปัญหาก็จะง่ายกว่า”
มาถึงก็ทุ่มเทกำลังทั้งหมดทันที นี่เป็นหลิวเหอฉางของตระกูลร่ำรวยมีอำนาจนะ!
เซียวเจิ้นเที่ยนถามว่า: “ทำไมคุณต้องทำกับเขาอย่างนั้นด้วยเหรอ?”
เขาหวังอย่างยิ่งว่าจะมีอะไรบางอย่างหลุดปากออกมาของหลิวเหอฉาง
“ผู้มีพระคุณ! ตอบแทนด้วยชีวิต”