ใช่ มีเพียงคนที่ถูกเรียกว่าจอมพลโผ้จวินเท่านั้นที่จะมีฝีมือขนาดนี้ มีพลังแบบนี้ นินจาท่านหนึ่งเคยบอกเขาเกี่ยวกับถึงคนๆนี้เอาไว้ ว่ากันว่าตอนนั้นในกองทัพชายแดนภาคเหนือ กองทัพประเทศหวาถูกจับกุม กองทัพวีรบุรุษถูกโจมตี และสังหารหมู่เข้าอย่างรุนแรง มองทหารที่กำลังตายไป และชายแดนที่กำลังจะเสียฐานทัพ ตอนนั้นนายทหารระดับสูงที่นำทัพได้เตรียมสู้จนตัวตายไว้แล้ว
แต่ในขณะเดียวกันนี้เอง จู่ๆวัยรุ่นคนหนึ่งได้ปรากฏกายขึ้น ใช้พลังของตัวเองต่อสู้กับกองทัพของแปดประเทศ จัดการพลตรีของแปดประเทศ เขาคนเดียวฆ่าทหารต่างชาติไปนับไม่ถ้วน ทำให้ทหารแปดแสนนายของอีกฝ่ายต้องถอยทัพไป
หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้น แปดประเทศก็ไม่กล้ารุกล้ำเข้ามาที่ประเทศหวาอีกต่อไป ทหารกล้าแปดแสนนายดูกล้าหาญชาญชัยต่อคนที่ปรากฏกายขึ้นกะทันหัน แต่ความจริงเคร่งเครียดเสียกระไร ประเทศเล็กๆบางประเทศไม่พอใจ คิดจะเข้ามารุกล้ำเขตแดน แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อเข้ามาในเขตของประเทศหวาแล้วจะถูกฆ่าตายทั้งหมด นานเข้า ผู้ที่ฆ่าพลทหารฝ่ายตรงข้ามจะกลายเป็นฝันร้ายของทหารต่างชาติไปเลย ไม่มีใครกล้าเข้ามารุกล้ำประเทศหวาอีกต่อไป
ตอนนั้นเขายโสโอหัง ไม่สนใจใด คิดว่าก็แค่นี้!
แต่กลับไม่คาดคิดว่าวันนี้ตนจะเจอเข้าแล้ว และยังใช้ท่าเดียว เขาก็ชนะตนแล้ว ตอนนี้เขารับรู้แล้วว่าทำไมทหารต่างชาติถึงได้หวาดกลัวได้ขนาดนี้ เพราะสิ่งที่เขาเผชิญนั้นไม่ใช่คน แต่เป็นเทวดา เทวดาไล่ฆ่า เทวดาไล่ฆ่าในโลกปัจจุบัน!
เขาไร้เดียงสาเกินไป คิดว่าตัวเองจะทำให้เขารู้ได้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า แต่กลับไม่คาดคิดว่าตัวเองจะพบจุดจบแบบนี้ โศกเศร้า ช่างโศกเศร้าเสียจริงๆ!
เซียวเจิ้นเที่ยนงงเป็นไก่ตาแตก เขาไม่รู้ว่าอะไรคือจอมพลโผ้จวิน แต่เขารู้สายเลือดอันได้รับความชอบธรรม ที่ประเทศหวาสายเลือดอันได้รับความชอบธรรมมากมาย แต่แยกระดับไม่เหมือนกัน สายเลือดอันได้รับความชอบธรรมที่อีเหมยพูดถึงนี่ เขาไม่รู้แน่ชัดว่าหมายถึงอะไร
แต่เมื่อเห็นหน้าตาหวาดกลัวของอีเหมย ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดาคนหนึ่ง
หรือ…หรือ…เซียวเจิ้นเที่ยนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในงานวันเกิดของเย่ชิงหยู่ รองผู้นำทั้งหกคนนั้น แยกเป็นรองผู้นำในแต่ละเขตแดนของประเทศหวา พวกเขาล้วนเรียกเขาว่าจอมพลโผ้จวิน คนพวกนั้นล้วนเป็นแม่ทัพระดับสี่ดาวทั้งนั้น แต่ล่ะคนต่างพากันคุ้มกัน หรือเขาคือแม่ทัพระดับห้าดาวเพียงคนเดียวของประเทศหวา และเป็นสายเลือดอันได้รับความชอบธรรมเพียงคนเดียว?
เมื่อสรุปออกมาเป็นแบบนี้ เซียวเจิ้นเที่ยนก็ชะงัก ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆล่ะก็ งั้นการกดขี่ของตระกูลฟางจะมีค่าอะไรอีก?
เขาทำผิดต่อคนนี้ ซึ่งเป็นคนที่แค่ออกคำสั่งเพียงคำเดียวก็สามารถทำให้ตนหายไปได้แล้ว
เซียวเจิ้นเที่ยนเริ่มสั่น สั่นไปทั้งตัว เขากำลังหวาดกลัว กำลังกลัว!
ฟางเหยียนมองอีเหมยอย่างเยือกเย็น แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ใช่ ฉันก็คือจอมพลโผ้จวินของสำนักเจ็ดพิฆาต!”
อีเหมยยกตัวขึ้นมา คุกเข่ากับพื้น แล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงใจ “ขอโทษครับ ผมมีตาแต่หามีแววไม่! ที่ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสท่านเป็นนินจาระดับปรมาจารย์ แล้วยังนำความสุขมาให้ประเทศหวาอีกด้วย ผู้อาวุโส ขอท่านได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย”
ผู้อาวุโส?!
คำเรียกนี้เป็นคำเรียกที่อีเหมยเรียกฟางเหยียน และฟางเหยียนกับอีเหมย อย่างน้อยอีเหมยกว่าอายุประมาณแปดสิบปี แต่เขากลับคุกเข่าต่อหน้าเค้าวัยรุ่นที่อายุยี่สิบกว่าปีคนหนึ่งแล้วยังเรียกเค้าว่าผู้อาวุโสอีก เหตุการณ์นี้มันช่างเสียดสีเสียเหลือเกิน
เซียวติ่งงง งงอย่างที่สุด ในหัวของเขาเกิดเป็นคำถามขึ้นมากมาย!
นี่เป็นความจริงใช่มั้ย?
ฉันเป็นใคร?
ฉันอยู่ที่ไหน?
ฉันไม่ได้ฝันอยู่ใช่มั้ย?
อาจารย์ที่ทำได้ทุกอย่าง เป็นดั่งเทพองค์หนึ่งในใจเขา นึกไม่ถึงว่าจะคุกเข่าลง! คุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าวัยรุ่นคนหนึ่ง ตอนนี้อาจารย์ทิ้งศักดิ์ศรีไปแล้ว เสียชีพไม่ยอมเสียสัตย์ไม่เหลืออีกแล้ว
เห็นอีเหมยเป็นแบบนี้ ทัศนคติชีวิตของเซียวติ้งพังทลายลง!
ต่อให้คุกเข่าอ้อนวอนกับพื้น แต่ฟางเหยียนกลับไม่ไว้หน้าอีเหมย กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ถ้าอ้อนวอนแล้วมีประโยชน์ แล้วโอกาสที่ฉันให้ไปจะมีความหมายอะไรล่ะ? ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกจัดการตัวเองซะ ต้องการหรือไม่ต้องการแกเลือกเองก็แล้วกัน?”
ให้โอกาสจัดการตัวเอง ก็ไม่ใช่ว่าต้องตายหรอกเหรอ?
อีเหมยหน้าเคร่งเครียด ไม่มีทางเลือกอีกต่อไปแล้ว ตนต้องตายสถานเดียว!
ยังไงก็ต้องตาย แล้วทำไมไม่สู้ล่ะ?
ถ้าสู้บางทีอาจจะมีโอกาสรอดชีวิตก็เป็นได้ แต่ถ้ายอมแพ้จริงๆ งั้นก็ต้องจัดการตัวเองแล้ว กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ไม่ง่ายเลย ต้องเลื่อนขั้นเป็นแดนปรมาจารย์ให้ได้ ตนจะตายแบบนั้นไม่ได้นะ!
สู้ก็สู้เขาไม่ได้ แต่หนีได้หนิ!
“อาจารย์!” เซียวติ่งตะคอกใส่อีเหมย “อาจารย์ อาจารย์จะไม่ฆ่าตัวตายจริงๆใช่มั้ย?”
อีเหมยมองเซียวติ่งอย่างเยือกเย็น แล้วกล่าวอย่างไร้ทางออก “โชคชะตาฟ้าลิขิต อาจารย์ขอตัวก่อนแล้วกัน!”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ จู่ๆอีเหมยก็ขยับตัว เขาไม่รู้ว่ามือข้างไหนของเขาที่ถือลูกประคำไว้ เขาขว้างไปอย่างรุนแรง เห็นเพียงลูกประคำลอยไป ใกล้กับฟางเหยียน!
อีเหมยเห็นฟางเหยียนไม่ขยับตัว ก็หันหลังแล้ววิ่งออกไปด้านนอก เห็นอีเหมยหันหลังกลับ ฟางเหยียนก็ยิ้มอย่างปีศาจออกมา จากนั้น เห็นเพียงร่างกายของเขาเป็นประกาย เหมือนกับตัวละครในเกมที่ประกายอย่างไรอย่างนั้น ไปที่ประตูโดยตรง แต่อีเหมย กลับชนเข้ากับฟางเหยียนเข้าอย่างจัง
เขาหยุดลง เงยหน้ามองขึ้นไป อย่างช้าๆ ช้าๆ และแล้วเขาก็มองไปที่หน้าของเขา เมื่อมอง ก็เห็นใบหน้าอันนิ่งสงบ
ฟางเหยียนไม่รอให้เขาเอ่ยปากแต่อย่างใด คว้าไปที่คอหอยของเขาทันที อีเหมยอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่มีวิธีที่จะพูดออกมาได้แล้ว ทำได้เพียงส่งเสียงฮือฮือฮือ มือใหญ่คู่นั้นเหมือนกับกรงเล็บเหล็ก จับไปที่คอหายของเขาอย่างแน่น
ฟางเหยียนมองไปยังเซียวเจิ้นเที่ยน แล้วกล่าวอย่างเลือดเย็นว่า “เซียวเจิ้นเที่ยน ตระกูลเซียวล่มแล้ว!”
เมื่อพูดจบ เขาค่อยๆเดินไป มาถึงด้านหน้าของทุกคนของตระกูลเซียว แล้วหักคอของอีเหมยต่อหน้าพวกเขา “แคร็ก!” ได้ยินเพียงเสียงแคร็กดังขึ้น หัวของอีเหมยเอียงไปทางอื่น ร่างเมื่อกี๊ที่ยังขยับได้ ในขณะนี้สูญเสียการเคลื่อนไหวแล้ว ตายแล้ว อีเหมยตายแล้วจริงๆ
คนขอตระกูลเซียวสิ้นหวัง ต่อสู้กับคนนี้มันช่างรนหาที่ตายจริงๆ!
“ฟางเหยียน!” จู่ๆ เสียงของผู้หญิงดังขึ้นจากด้านนอก
หญิงสาวสีหน้าขาวซีด ดวงตาที่กลมโตทั้งสองเปลี่ยนเป็นไม่คาดคิด กำลังใช้สายตาสงสัยมองไปที่ฟางเหยียน เธอสงสัยว่าตัวเองกำลังมองผิดไปหรือเปล่า ฟางเหยียนฆ่าคนแล้ว และคนนั้นยังอยู่ในมือเขาอีกด้วย มีเลือดไหลออกมาจากปากของคนนั้น เป็นความจริง ฟางเหยียนฆ่าคน แล้วยังฆ่าคนต่อหน้าทุกคนของตระกูลเซียวอีกด้วย
เย่ชิงหยู่เพิ่งเดินมาถึงที่นี่ก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่อกสั่นขวัญหายแบบนี้แล้ว ทำให้เธออ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก
เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ฟางเหยียนถูกคนของตระกูลเซียวจับตัวไปไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมต้องฆ่าคน?
เมื่อฟางเหยียนเห็นเย่ชิงหยู่ในแว็บนั้น ก็ชะงักทันที ถ้าจะหาจุดอ่อนของฟางเหยียน เย่ชิงหยู่ก็คือจุดอ่อนของเขา