ตอนแรกฟางเหยียนไม่ให้เทียนขุยอยู่โรงพยาบาลธรรมดา จึงได้สั่งซ่งฉาวอู่เป็นพิเศษว่าต้องไปที่โรงพยาบาลเขตให้ได้ ก็เพราะกลัวหมอของโรงพยาบาลธรรมดาไม่ฟังคำสั่ง จะทำเรื่องบ้าๆต่อเทียนขุย ไม่คาดคิดว่าโรงพยาบาลเขตนี้จะเป็นถึงขนาดนี้เป็นแพทย์สนามที่เคยได้รับการฝึกมาแล้วแท้ๆ เพื่อชื่อเสียงที่ตอนเกิดไม่ได้นำติดตัวมาตอนตายก็นำติดตัวไปไม่ได้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร
“ซ่งฉาวอู่ ฆ่ามัน!” ฟางเหยียนพูดออกมาหนึ่งคำอย่างนิ่งสงบ จากนั้นก็เดินเข้าไปในโรงพยาบาลเขต
ซ่งฉาวอู่ชะงัก จากนั้นก็ตะเบ๊ะ ตอบกลับอย่างงงๆ “รับทราบ!”
คำสั่งของเขา ซ่งฉาวอู่จะกล้าต่อต้านได้อย่างไรกัน ถ้าจะโทษก็โทษคณบดีของโรงพยาบาลนี้ที่ทำเรื่องบ้าบอสุดยอดแบบนี้ได้ เขาเตือนหลายครั้งแล้ว ว่าคนนี้เป็นคนที่พวกเขาแตะต้องไม่ได้ นึกไม่ถึงว่ายังจะไปหาเรื่องเขาอีก
ไม่นาน มีเสียงร้องคลั่งดังออกมาตากฝูงชน “แกจะฆ่าฉันไม่ได้ แกจะฆ่าฉันไม่ได้ แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร? แกจะฆ่าฉันได้ยังไง?!”
“ปัง!” หลังจากเสียงปืนดัง เสียงนั้นก็เงียบไปในราตรีที่แสนยาวนานนี้
ฟางเหยียนเดินเข้ามาถึงด้านในของโรงพยาบาล แสงไฟยังคงสว่างไสวดังเดิม ราวกับกลางวันแสกๆ
โรงพยาบาลอันว่างเปล่าเดิมทีก็เงียบสงัดอยู่แล้ว ขณะนี้ที่ไร้ซึ่งผู้คน ยิ่งดูวังเวงเข้าไปใหญ่
หลังจากที่เดินไปตามทางเดินหลายสายแล้ว ฟางเหยียนใช้ความโกรธที่แผดออกมาจากร่างกายของเทียนขุยหาเขาเจอ เป็นห้องพักฟื้นที่เต็มไปด้วยกลิ่นเลือดและยาสมุนไพร ในห้องพักฟื้นมีถังไม้ใหญ่ใบหนึ่ง ในถังไม้ใส่สมุนไพรไว้ บนพื้นมีศพที่แข็งตัวอยู่นานแล้วสามศพ ข้างๆศพยังมีเลือดเหลืออยู่ และเทียนขุยกำลังนั่งอยู่บนเตียง หันหลังให้ประตู หันหน้าไปที่กำแพง
แผ่นหลังที่กำยำล่ำสันนี่ก็คือเทียนขุย ฟางเหยียนยืนอยู่ที่ประตู ส่งเสียงเรียกผ่านแผ่นหลังไป “เทียนขุย!”
อีกฝ่ายไม่ได้โต้ตอบกลับ ยังคงหันหลังให้เขาอย่างเป็นไม่ขยับ ฟางเหยียนได้เรียกอีกครั้ง เทียนขุยก็ยังไงไม่โต้ตอบ ฟางเหยียนเริ่มสงสัย หรือว่าเกิดอะไรขึ้น? เมื่อนึกถึงองค์นั้นที่มีการเคลื่อนไหวที่หนานหลิงในช่วงเวลาอันใกล้นี้ ฟางเหยียนก็เคร่งเครียดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ถ้าพวกเขาจงใจทำเขา แล้วลงมือกับเทียนขุยก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลกอะไร
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ฟางเหยียนเดินไปที่เทียนขุย เขามาถึงด้านหลังของเทียนขุย เอื้อมมือไปวางที่หลังของเทียนขุย แล้วกล่าว “เทียนขุย คุณเป็นอะไร?”
เพิ่งพูดจบ จู่ๆเทียนขุยได้ปล่อยพลังอันแข็งแกร่งออกมา ดูเหมือนจะเอามือของฟางเหยียนออก แต่ขณะเดียวกันนี้เอง มือที่มีพลังมหาศาลได้สะบัดมือของฟางเหยียนออก จากนั้นเทียนขุยค่อยๆหันหน้ามา
นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยเลือด มีพลังด้านมืดอย่างไร้ขีดจำกัดอยู่ด้วย เหมือนกับปีศาจเพิ่งตื่นภวังค์ที่อยู่ในนรก
เมื่อสบตากัน แม้แต่ฟางเหยียนก็ต้องตกใจกับสภาพของเทียนขุย
นี่คือแม่ทัพของเขาที่จงรักภักดีอย่างมาก ไม่พูดว่าตัวเองเป็นคนปั้นมากับมือ แต่ถือว่ามีความผูกพันกับตน
“โอว!” จู่ๆ เขาอ้าปากคำรามออกมา เหมือนกับสัตว์อย่างไรอย่างนั้น คำรามอย่างบ้าคลั่ง! มีพลังที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าออกจากปากของเขา
เมื่อพลังนี้ถูกเปล่งออกมา พัดกระทบหน้าของฟางเหยียนจนเจ็บแสบ!
จากนั้น เทียนขุยได้แสดงพฤติกรรมที่ทำให้ฟางเหยียนประหลาดใจ เขายกมือขึ้น ตบไปที่ฟางเหยียนอย่างรุนแรง ฟางเหยียนยกมือขึ้นแล้วจับมือข้างนั้นของเทียนขุยเอาไว้
ทั้งสองคนทำแบบนี้ คนหนึ่งจับแขนของอีกคน สบตากัน
ฟางเหยียนเห็นแววตาคู่นั้นมันไม่ใช่ของเทียนขุย นั่นเป็นแววตาราวกับของสัตว์ชนิดหนึ่งก็มิปราณ ไร้ซึ่งความรู้สึก ไร้ซึ่งความร้อน นี่มันเสียสติไปแล้ว ราวกับเทียนขุยนินจาระดับสูงกลายเป็นระดับต้าชี่ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากยาภายนอก รบกวนความคิดความอ่านของเขา เพิ่มความสามารถของตัวเอง เดิมทีอยู่ในช่วงการพัฒนา ต้องอดทนกับความเจ็บปวดที่คนทั่วไปทนไม่ไหว บวกกับผลของการใช้ยาภายนอกและการเจาะเลือด จึงทำให้เขาเสียสติ และเป็นช่วงที่ความเจ็บปวดได้เพิ่มมากขึ้นพอดี จึงทำให้เขาทนต่อความเจ็บปวดไม่ไหว แล้วทรุดลงในที่สุด
ลองคิดดูสักหน่อย ทำไมยอดฝีมือของประเทศหวามีน้อย ก็เพราะคนธรรมดารับกับความเจ็บปวดในการเชื่อนขั้นระดับนี้ไม่ไหว ตอนเลื่อนขั้นมีคนจำนวนมาก เนื่องจากไม่ได้ควบคุมสมรรถภาพทางกายของตนให้ดี จึงได้เสียชีวิตไป หรือบ้าไปเลย
ยิ่งเลื่อนขั้นระดับสูงมากเท่าไหร่ ความเจ็บปวดที่ต้องรับก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นไปด้วย จากระดับสูงกลายเป็นระดับต้าชี่ เป็นขั้นตอนที่เจ็บปวดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้อย่างหนึ่ง แม้แต่เทียนขุยที่มีการควบคุมตัวเองที่แข็งแกร่งยังยากที่จะควบคุมได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นคนทั่วไปละ
ตอนนั้นฟางเหยียนก็ทนทุกข์ทรมานอย่างจับผลัดจับพลู จนกระทั่งตอนนี้เขายังไม่รู้เลยเสียด้วยซ้ำว่าตัวเองทนมาได้อย่างไร
เห็นเทียนขุยที่เจ็บปวดอย่างทนไม่ไหว ฟางเหยียนก็กังวลแทนเขา แต่ดีที่เขาไม่ตาย!
จู่ๆ ขาของเทียนขุยยกขึ้นมาจากพื้น ท่ามหาวินาศเตะมาที่ฟางเหยียน ฟางเหยียนยกขามาขว้างขาข้างนั้นของเขาไว้ พลังของเท้ากำลังซัดเข้ามา กำแพงถูกเตะจนพังพินาศแล้ว!
รูม่านตาของเทียนขุยใหญ่ขึ้น เขาดิ้นรนที่จะโจมตีฟางเหยียย แต่ถูกฟางเหยียนควบคุมเอาไว้ได้อย่างอยู่หมัด เขาขยับไม่ได้แม้แต่น้อย
ฟางเหยียนหุบมือที่ถูกเขาจับไว้มา จากนั้นตบไปที่หัวของเทียนขุยอย่างรุนแรงหนึ่งฉาด ตอนตบไปที่หัวของเทียนขุย เหมือนกับได้ตบเข้ากับแผ่นเหล็ก แข็งมาก
จู่ๆ เทียนขุยก็คำรามออกมา “โอว!”
เหมือนกับสัตว์ดุร้ายตัวหนึ่ง ลมปากอันคลุ้มคลั่งพัดไปที่หน้าของฟางเหยียน ร้ายกาจอย่างหาที่เปรียบมิได้
ทันใดนั้น จู่ๆเทียนขุยได้ตบไปที่หน้าอกของฟางเหยียน หนึ่งฉาด ฟางเหยียนถอยหลังไปหลายก้าวอย่างควบคุมไม่ได้ จากนั้นก็กระอักเลือดออกมา
ฟางเหยียนชันเข่ากับพื้น เขาขมวดคิ้ว แล้วเงยหน้ามองเทียนขุย เทียนขุยในขณะนี้กำลังจ้องมองเขาอย่างโหดเหี้ยม ไอ้นี่มันเสียสติไปแล้ว เมื่อกี๊เขาไม่ได้ตั้งตัวที่จะทำร้ายเทียนขุย จึงได้ถูกตบมาหนึ่งฉาด
ไม่คาดคิดว่าเทียนขุยจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ ตบแค่ฉาดเดียวก็ทำให้เขากระอักเลือดออกมาได้!
นี่เทียนขุยกำลังบีบให้เขาลงมืออยู่ ฟางเหยียนรู้ดี ถ้าตนยังไม่ลงมือ คนที่จะเกิดเรื่องก็คือเทียนขุย เขาต้องอยู่ในสภาพนี้ไปตลอดชีวิต กลายเป็นสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง! สถานการณ์ในตอนนี้ของเขาคือต้องการใครสักคนที่จะชนะเขาได้ ไม่งั้นเขาจะถูกสัตว์ร้ายตัวนี้ครอบงำจิตใจ จนกลายเป็นผีดิบ
เทียนขุยในขณะนี้กำลังเตรียมตัวจะจู่โจมอีกครั้ง สองมือสองเท้าวางไว้บนพื้น ตั้งท่าสัตว์ร้ายโจมตี
เขาหมุนอยู่กับที่หนึ่งรอบ จากนั้นก็เงยหน้าคำรามออกมาหนึ่งครั้ง เหมือนกับลิงกอริลลา หมัดทั้งสองชกพื้นอย่างรุนแรง จนรู้สึกว่าห้องกำลังสั่นสะเทือน จากนั้นมีกลิ่นอายของต้าชี่โจมตีมาที่ตน
ฟางเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ เพ่งไปยังเทียนขุยที่โหดเหี้ยมแล้วกล่าว “เทียนขุย ขอโทษนะ!”
เมื่อพูดจบ ฟางเหยียนยืนขึ้นจากพื้น แบมือทั้งสองข้างออก ตรงฝ่ามือที่เปลวไฟสีแดงปรากฏขึ้น หมัดทั้งสองของเทียนขุยก็มีเปลวไฟเช่นกัน เขาจู่โจมมาที่ฟางเหยียน ด้วยพลังมหาศาล!
ฟางเหยียนหลับตา แล้วตะโกนว่า “เคล็ดเผาฟ้า!”