บทที่ 27 ท่านผู้นำ แต่งงานกับหลานสาวผมเถอะ
“คุณปู่ ดูสิ ตระกูลจางยังไม่ได้เป็นของมัน ก็ย้อนสั่งสอนเราซะแล้ว”
“นั่นสิครับ นี่มันไม่สนใจใครเลย”
“เพี๊ยะ!” จางฉี่เหาตบเข้าบ้องหูของจางไห่เฟิงเต็มแรง จนจางไห่เฟิงรู้สึกวิงเวียน
“หุบปากซะ” จางฉี่เหาตวาดจางไห่เฟิงเสียงดัง
“แล้วก็แก จางซื่อตง แกสองพ่อลูก หากไม่อยากอยู่ในบ้านนี้ต่อไป ก็เก็บข้าวของไสหัวออกไปซะ!”
จางซื่อตงและจางไห่เฟิงไม่กล้าปริปาก เขาเพิ่งพาตระกูลจางในการกินอยู่ หากพวกเขาออกไป ก็เท่ากับไปเป็นขอทานน่ะสิ
จางฉี่เหาวางหนังสือสัญญาในมือลง พร้อมบ่นอุบอิบ “หนังสือสัญญานี่เป็นของจริง”
ได้เซ็นสัญญากับซีหนานกรุ๊ป จางฉี่เหาต้องดีใจอยู่แล้ว เพียงแต่หนามที่ตำคออยู่ เพราะหุ้นส่วนที่พวกเขาได้เพียงแค่ร้อยละ49เท่านั้น
จางซื่อข่ายไม่ถูกเอ็ด เขาเหลือบมองจางซื่อตงและจางไห่เฟิง ก่อนกล่าวถาม “ท่านพ่อ ในเมื่อหนังสือสัญญาที่เป็นของจริง นั่นก็หมายความว่าเราเริ่มลงทุนร่วมกับซีหนานกรุ๊ปแล้วใช่ไหม?”
จางฉี่เหาพยักหน้า
จางซื่อข่ายกล่าว “ท่านพ่อ ผมว่านะ ยังไงสัญญาก็เซ็นแล้ว เราก็ให้เงินไปกับเย่ชิงหยู่หน่อย แล้วไล่พวกเขาออกไป ยังไงครึ่งปีมานี้ เราให้พวกเธอกินฟรีอยู่ฟรี หุ้นส่วนร้อยละ51 เราจะไม่ยอมรับก็ได้”
“นั่นสิ ท่านพ่อ จางซื่อข่ายพูดถูก เราแค่ตอบตกลงแค่ปากเปล่า ไม่ได้เซ็นสัญญาสักหน่อย ยังไงซะหนังสือสัญญาของท่านหวงเราก็ได้มาแล้ว หากเราให้หุ้นส่วน51เปอร์เซ็นต์ไป วันหลังตระกูลจางก็จะกลายเป็นตระกูลเย่นะครับ”
“พวกแกคิดว่าฉันคิดไม่ได้หรือไง? แต่ว่า หนังสือสัญญาที่โหดร้ายมากกว่า! พวกแกดูเอาเอง” จางฉี่เหาถอนหายใจออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง
จางซื่อตงและจางซื่อข่ายต่างมุงดูหนังสือสัญญา
ในสัญญาได้ระบุเอาไว้อย่างชัดเจน จะยอมรับแค่บริษัทที่เย่ชิงหยู่มีหุ้นส่วนร้อยละ51เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปเท่านั้น หากเย่ชิงหยู่ไม่มีหุ้นส่วนร้อยละ51เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป พวกเขาก็จะยกเลิกสัญญา
นี่เป็นข้อตกลงที่ทำให้ตระกูลจางต้องสิ้นหวัง
ก่อนที่จางฉี่เหาจะเดินออกจากห้องประชุมไป เขาได้ประกาศอย่างเด็ดขาด “หลังจากนี้ ทุกคนต้องให้ความร่วมมือกับชิงหยู่ทำทุกอย่างในตงข่ายกรุ๊ป หากมีใครคิดต่อต้าน ฉันจะลงโทษสถานหนัก”
“จางไห่เฟิง รถแกถูกยึดแล้ว หลังจากวันพรุ่งนี้ ไปทำงานที่บริษัทซะ”
จบประโยค จางฉี่เหาหายไปจากการสายตาของทุกคน
“จบกัน! คราวนี้ตระกูลจางของเราจบเห่แน่” จางซื่อข่ายนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหดหู่
จางซื่อตงและจางไห่เฟิงมองหน้ากัน ก่อนที่จะละสายตา เดินออกจากห้องประชุมไป
“พ่อครับ เราจะปล่อยให้เย่ชิงหยู่ได้ใจอย่างนั้นหรือ?”
จางซื่อตงตวาดด้วยความโกรธ “ไม่อย่างนั้นจะทำยังไงได้? ทางที่ดีช่วงนี้แกอย่าก่อเรื่อง หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นละก็ ฉันเอาแกตายแน่”
“ถ้างั้น พรุ่งนี้ผมต้องไปทำงานจริงเหรอ?”
“แกว่าไงล่ะ?” จางซื่อตงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “หากแกไม่ไป ก็มีแต่จะต้องไสหัวออกไปอยู่ข้างนอก”
จางไห่เฟิงกัดฟันแน่น เขาไม่มีทางปล่อยเย่ชิงหยู่ไปง่ายๆ แน่
เย่ชิงหยู่และฟางเหยียนที่กลับมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว
เย่ชิงหยู่อดไม่ได้ที่จะกล่าวถาม “ฟางเหยียน นายว่าทำไมประธานหยางนั่นถึงได้เกรงอกเกรงใจเราถึงขนาดนั้นล่ะ ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูก ทำไมพวกเขาถึงได้เกรงกลัวฉันนักล่ะ? ฉันน่ากลัวตรงไหนกัน?”
“ไม่สิไม่สิ คนที่เขากลัวต้องเป็นนายถึงจะถูก”
ฟางเหยียนหัวเราะออกมา “บางทีนี่อาจจะเกี่ยวข้องกับท่านหวงก็ได้ ได้ข่าวว่าท่านหวงคนนี้เป็นคนที่ขี้เกรงใจ ในเมื่อเขาต้องการร่วมงานกับบริษัทของเรา ก็ต้องแสดงให้เราเห็นถึงความจริงใจอยู่แล้วสิ ไม่ใช่ว่าพวกเขากลัวเรา เพียงแค่กลัวว่าจะทำงานให้ท่านหวงไม่ดีพอ”
เย่ชิงหยู่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “นายพูดถูก”
ฟางเหยียนเอ่ยความหนักแน่น “ชิงหยู่ ต่อจากนี้เธอจะเป็นเจ้าของตงข่ายกรุ๊ปแล้ว”
เย่ชิงหยู่จ้องตาฟางเหยียน พยักหน้าเล็กน้อย “ของคุณมากนะ หากวันนี้ไม่มีนาย ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี!”
“ไม่เป็นไร ใครใช้ให้คุณเป็นภรรยาของผมล่ะ”
พวงแก้มของเย่ชิงหยู่แดงก่ำขึ้นมาทันที เธอก้มหน้ากล่าวอย่างแผ่วเบา “โอเค ฉันจะไปเปลี่ยนชุด”
เธอเอ่ยพลางเดินเข้าไปในห้อง
ช่วงบ่าย เทียนขุยต่อสายหาฟางเหยียน
“จอมพลโผ้จวิน หวงหยวนฉาวต้องการนัดพบคุณ พรุ่งนี้เขาจะต้องกลับหนานหลิงแล้ว”
“โอเค คืนนี้ ที่ร้านจุ้ยเซียน”
ตกดึก ร้านจุ้ยเซียน
หวงหยวนฉาวไขว้แขนเอาไว้ที่ด้านหลัง เดินไปเดินมาอยู่ที่หน้าประตูด้วยความร้อนใจ พร้อมเหลือบไปมองทางร้านจุ้ยเซียนทุกฝีก้าว
หวงหานเยว่เท้าคาง จ้องมองคุณปู่ของเธอวกไปวนมา ก่อนที่กล่าวอย่างไร้หนทาง “คุณปู่ ปู่เดินเป็นรอบที่สองร้อยยี่สิบเอ็ดรอบแล้วนะคะ ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ?”
หวงหยวนฉาวหัวเราะเสียงดัง “แกไม่เข้าใจหรอก”
“คุณปู่ ก็แค่คนคนเดียวเอง คุณปู่จำเป็นที่จะต้องตื่นเต้นขนาดนี้ไหม?”
“หานเยว่ แกต้องจำเอาไว้ให้ดี เมืองที่รุ่งอร่ามในตอนนี้ หากไม่มีท่านผู้นำ เราไม่มีทางได้ใช้ชีวิตที่สงบสุขแบบนี้หรอก อะไรที่เรียกว่ามนุษย์ คนแบบนี้ต่างหากถึงจะเรียกว่ามนุษย์ที่แท้จริง”
หวงหานเยว่พยักหน้าอย่างไม่เข้าใจ
ในที่สุด เงาร่างของคนคนหนึ่งมุ่งมาทางพวกเขา สายตาของหวงหยวนฉาวเกิดความเคารพขึ้นมา
เขา ในที่สุดก็ได้พบกับจอมพลโผ้จวินที่ชื่นชมนับถือมานาน
เพียงแต่โผ้จวินคนนี้มีความแตกต่างจากที่เขาคิดเอาไว้อยู่บ้าง หากไม่มีเทียนขุยที่เดินตามมาด้วยข้างหลัง เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเขาคือโผ้จวินในตำนาน
ฟางเหยียนค่อนข้างผอมแห้ง ผิวขาวซีด ดูกระสับกระส่ายไร้เรี่ยวแรงเมื่อก้าวเดิน
เพราะงั้นไม่ว่าจะดูยังไง เขาก็ไม่เหมือนกับว่าเป็นผู้นำเลยแม้แต่น้อย
แต่หวงหยวนฉาวมีชีวิตมากว่าหลายสิบปี เขาเข้าใจความหมายที่ว่าคนเราไม่ควรจะดูที่ภายนอกเป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ประหลาดในประเทศหวานั้นไม่น้อยเลย เขาจ้องมองฟางเหยียนด้วยความชื่นชม ในใจเขาเกิดความเคารพขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“ท่านนี้คงจะเป็น คงจะเป็นท่านผู้นำจอมพลโผ้จวินสินะครับ? ยังหนุ่มแน่นหล่อเหลาเอาการ” หวงหยวนฉาวลุกขึ้นต้อนรับ จากที่ไกลๆ
“เชิญครับ เชิญด้านใน!” หวงหยวนฉาวแสดงทีท่าเคารพ
ฟางเหยียนกล่าวตอบอย่างมีมารยาท “ท่านหวงเชิญครับ”
หลังจากที่นั่งลงกับที่ หวงหานเยว่พิจารณาฟางเหยียนอย่างตั้งใจ เธอคิดว่าจอมพลโผ้จวินที่ปู่ของเธอว่าจะเป็นตาแก่เอาแต่ใจเสียอีก ไม่คิดเลยว่าจะอายุน้อยขนาดนี้ แม้ว่าหน้าตาพอใช้ได้ แต่ก็ต่างจากที่เธอคิดเอาไว้มาก
ผู้ชายคนนี้ไม่ต่างดูเหมือนไอ้หน้าละอ่อนไม่ผิดเพี้ยน แถมยังดูขี้โรคอีกต่างหาก
คนแบบนี้เป็นผู้นำงั้นเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลย
หลังจากที่หวงหยวนฉาวนั่งลง ก็ชื่นชมฟางเหยียนไม่หยุด บอกว่าอายุน้อยแต่ความสามารถมาก เป็นความหวังของประเทศหวา
ฟางเหยียนเพียงแค่ตอบรับเล็กน้อย เขาไม่รู้สึกอะไรต่อคำชื่นชมพวกนี้ตั้งนานแล้ว
“ท่านหวง อันที่จริงผมต่างหากที่ต้องขอบคุณท่าน” ฟางเหยียนกล่าว
หวงหยวนฉาวสะบัดมือ “อะไรกันท่านโผว้จวินอย่าพูดแบบนั้นเลย ไม่ขนาดนั้นหรอก!”
บทสนทนาของทั้งคู่ทำให้หวงหานเยว่ไม่สามารถทนอยู่ได้ เธอจึงกระแอมเบาๆ “คุณปู่ หนูปวดท้อง ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
จบคำเธอลุกขึ้นวิ่งออกไปทันที
หวงหยวนฉาวตะโกนไล่ตามหลัง พร้อมส่ายหน้า “หลานสาวของผม เธอค่อนข้างดื้อซน ท่านผู้นำ อย่าได้ถือสาเธอเลย”
ฟางเหยียนสะบัดมือ “พูดอะไรอย่างนั้น”
ขณะที่ทั้งคู่คุยกัน หวงหยวนเอ่ยขึ้นกะทันหัน “ท่านผู้นำยังหนุ่มขนาดนี้ ผมจะถามอะไรท่านสักอย่างได้หรือไม่?”
“ท่านหวงว่ามาเลย”
“ท่าน แต่งงานหรือยัง?”
คำถามนี้ทำให้หางเหยียนถึงกับผงะ นายหวงหยวนฉาวนี่จะจับคู่เขาให้ได้เลยสิท่า?
ฟางเหยียนไม่พูดอะไร หวงหยวนฉาวจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านผู้นำอย่าได้ถือสา ผมแค่คิดว่า หากท่านผู้นำไม่รังเกียจหลานสาวกระผม ผมยอมที่จะเป็นทองแผ่นเดียวกับท่าน”