เธอขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างค่อนข้างโมโหว่า “คุณ คุณจะทำอะไร?”
เธอพูดว่าคุณทำอะไร แต่ไม่หลบแต่อย่างใด แต่ให้ฟางเหยียนจับหน้าเธอได้อย่างตามใจ
ฟางเหยียนใช้มือลูบผ่านหน้าเธอไปเบาๆ แล้วถาม “เมื่อวาน จุดที่ผมลูบคือตรงนี้ใช่มั้ย?”
นี่เป็นการเยาะเย้ยตนในช่วงกลางวันแสกๆเลยนะเนี่ย ฟางเหยียนนี่ยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้ว เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าว หลบมือของฟางเหยียน มือของฟางเหยียนยังคงลอยอยู่ในอากาศ เหมือนกับการหลบไปอย่างคาดไม่ถึงโดยฉับพลัน
ถังยู่กล่าวอย่างเกลียดชังว่า “คุณไอ้บ้า นึกไม่ถึงว่าจะกล้าลูบฉัน ที่บ้านของฉันอีกด้วย รู้มั้ยว่าหน้าของฉันไม่ใช่ใครจะลูบก็ได้นะ คุณ คุณ คุณเชื่อมั้ยว่าฉันจะเรียกคนมาเหยียบมือคุณได้นะ!”
ครั้งที่สองแล้ว นึกไม่ถึงว่าเขาจะลูบหน้าของเธออย่างหน้าด้านเป็นครั้งที่สองแล้ว
ฟางเหยียนดึงมือที่ลอยอยู่ในอากาศกลับมา แล้วยิ้ม “คุณไม่มีทางทำแบบนั้น ถ้าคิดจะทำ เมื่อวานก็ทำไปนานแล้ว ดังนั้น ผมเชื่อ ว่าคุณไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน”
เมื่อถังยู่ได้ยินคำพูดนี้ของฟางเหยียน ก็มีความรู้สึกอยากยิ้มแต่ก็ยิ้มไม่ออก จากนั้นก็ส่งเสียงเหอะ แล้วกล่าว “คุณอย่าได้คืบจะเอาศอกนะ วันนี้เป็นวันเกิดของคุณปู่ของฉัน ฉันไม่อยากทำอะไรใคร! พวกไก่อ่อนที่ไร้ยางอายอย่างคุณ จะต้องถูกจัดการในเร็ววันนี้”
“ไก่อ่อน!” ฟางเหยียนพูดออกมาอย่างพึมพำกับตัวเอง
บนโลกนี้ ยังไม่มีใครเคยว่าตนว่าเป็นไก่อ่อนเลย หญิงสาวคนนี้เป็นแรก
ฟางเหยียนไม่พูดใดๆ ถังยู่เงียบไป เหลือบไปมองแล้วถาม “นี่ ฉันถามอะไรคุณหน่อยสิ คุณตอบฉันมาดีๆ ตอบแบบตั้งใจ ได้มั้ย?”
ฟางเหยียนจ้องตาของถังยู่ แล้วถามย้อน “นี่คุณกำลังขอร้องผมอยู่?”
ถังยู่เชิดหน้าขึ้นทันใด สีหน้าเปลี่ยนไปทันใด จากนั้นก็กล่าวอย่างตั้งใจว่า “ใคร ใครขอร้องคุณ นี่เป็นบ้านของฉัน ฉันกำลังสั่งคุณอยู่นะ! สั่งให้คุณต้องตอบคำถามของฉัน”
ฟางเหยียนพยักหน้า แสดงความหมายว่าถามมาเถอะ
ถังยู่พยักหน้าอืม แล้วถาม “คุณคบกับนังจิ้งจอกนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ฟางเหยีนชะงักไปทันใด จากนั้นย้อนถามไปว่า “ทำไมคุณถึงมั่นใจขนาดนั้น ว่าผมมีความสัมพันธ์กับหลินถงล่ะ?”
ถังยู่กล่าวอย่างมั่นใจว่า “ฉันเห็นแววตาที่เธอมองคุณ นึกไม่ถึงว่าเธอจะยิ้มให้คุณ! แล้วคุณยังบอกอีกเหรอว่าพวกคุณทั้งสองไม่มีอะไรกัน? ข้างนอกหลินถงมีฉายานามว่าแม่หม้ายเย็นชา ไม่มีทางยิ้มกับผู้ชายคนไหนง่ายๆ แต่เธอยิ้มให้คุณ!”
ฟางเหยียนรับไม่ค่อยได้กับคำตอบแบบนี้ แค่หลินถงยิ้มให้ตัวเองก็ถือว่าตนถูกเลี้ยงดูโดยเธอแล้วงั้นเหรอ? ตนต้องยินยอมก่อนสิถึงจะใช่ แต่มีจุดหนึ่งที่ถังยู่พูดถูก หลินถงนี้ส่งสัญญาณให้ตัวเองแล้วหลายครั้ง
“จะบอกให้นะ หลินถงผู้หญิงคนนี้ อย่าว่าแต่ข้างนอกเลย ต่อหน้าคนในครอบครัวของเราเอง เธอยังทำหน้าทำตาตลอดเลย เหมือนกับพวกเราเป็นหนี้เธอหลายล้านอย่างไรอย่างนั้น! ยิ้มให้คุณขนาดนั้น แล้วยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอว่าไม่มีอะไรกัน ให้ฉันเดานะ คุณจะต้องได้รับเธอเลี้ยงดูจากเธอแน่นอน”
ฟางเหยียนถอนหายใจ เดินไปที่ถังยู่ แสยะยิ้มออกมา แล้วกล่าว “ผมเองก็ไม่ได้ยิ้มง่ายๆกับใครนะ ผมยิ้มให้คุณ ก็หมายถึงผมชอบคุณเหมือนกันใช่มั้ย?”
ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก ไม่ถึงสิบเซนติเมตร และแววตาทั้งสองข้างของฟางเหยียนยังจ้องมองไปที่ถังยู่อย่างไม่ละสายตาอีกด้วย ทั้งคู่สบตากัน
ถังยู่เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง เมื่อได้ยินคำพูดที่แทะโลมแบบนี้ของฟางเหยียน หน้าของเธอค่อยๆแดงขึ้น แล้วแดงก่ำขึ้นเหมือนแอปเปิลในทันใด เธอเอามือไปผลักฟางเหยียนออก แล้วกล่าว “คุณไอบ้า! พูดอะไรส่งเดช”
“จะบอกให้นะ ฉันมีพี่เย่เทียนอยู่แล้ว กับคุณนะไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว อย่าแม้แต่จะคิด”
ใช่ คนที่เธอชอบคือพี่เย่เทียน เธอไม่มีทางชอบฟางเหยียนคนที่เย่อหยิ่งแบบนี้ได้ เธอหันหลังให้ฟางเหยียน ใบหน้ายิ่งอยู่ยิ่งร้อนผ่าวๆขึ้น อารมณ์เริ่มซับซ้อนวุ่นวายมากขึ้นไปอีก
แต่ฟางเหยียนกลับสบายๆ เขากล่าวอย่างไม่สนใจว่า “ในเมื่อคุณก็รู้แล้วว่าเป็นการพูดส่งเดช แล้วทำไมยังต้องเชื่ออีกล่ะ น้องสาว เหมือนคุณจะไม่ชอบพี่สะใภ้ใหญ่คนนี้ของคุณมากเลยนะ ใช่มั้ย?”
“ใช่!” ถังยู่กล่าวโดยไม่คิด “ฉันไม่ชอบที่เธอเสแสร้ง ชอบแสดงให้เห็นว่าตัวเองสูงส่งต่อหน้าผู้คน ความจริงก็แค่อาศัยบารมีของตระกูลถังของเราก็เท่านั้น เมื่อก่อนเธอเป็นคนยังไง ไม่ใช่พวกเราไม่รู้ ก็แค่หญิงสาวที่ยากจนไม่ใช่เหรอ หลังจากที่ยกระดับฐานะแล้วก็ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแล้ว”
ฟางเหยียนหันไปมองด้านหลังของถังยู่ แล้วถาม “คุณอิจฉาที่เธอสวยกว่าคุณ?”
“ไปให้พ้น!” ถังยู่หันกลับมา มองบน แล้วกล่าว “ฉันจะอิจฉาที่เธอสวยกว่าฉันได้ไงกัน ตาของคุณน่าจะมีปัญหาแล้วล่ะ ฉันสวยกว่าเธอแท้ๆ พูดให้ดีๆ”
ตอนที่พูดกัน ทั้งสองสบตากัน แววตาอันเร่าร้อนของฟางเหยียนมองไปที่ถังยู่จนต้องก้มหน้าโดยไม่รู้ตัว
เธอถามเสียงเบาว่า “ทำไมคุณชอบใช้สายตาลามกมองฉันเนี่ย?”
สายตาลามก? ฟางเหยียนมึนงงทันใด สายตาของตัวเองลามกเหรอ?
ที่ผ่านมา เขายังไม่รู้เลยว่าตัวเองมีสายตาแบบนี้?
เขาดูแคลน แล้วกล่าว “อาจเพราะคุณค่อนข้างสวยมั้ง!”
“อย่าพูดมั่วๆนะ!” ถังยู่กล่าวพึมพำ จากนั้นเธอถามว่า “เวลาคุณเจอใครก็พูดแบบนั้นตลอดเลยใช่มั้ย?!”
ไอ้นี่ คำพูดที่พูดออกมาช่างทำให้คนเบื่อหน่ายจริงๆ
ฟางเหยียนมองถังยู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วกล่าว “เปล่า แค่พูดกับคุณคนเดียว”
ประโยคเดียว ทำให้หัวใจของถังยู่สั่นระรัวอย่างวุ่นวาย นี่ถือเป็นการสารภาพมั้ย?
ความคิดของหญิงสาวล้วนเป็นแบบนี้ทั้งนั้น แล้วคำพูดนี้ของฟางเหยียนก็เหมือนกับกำลังสารภาพรักอยู่
เห็นถังยู่ที่ไม่พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว ฟางเหยียนจึงได้หัวเราะออกมา เข้าใกล้เธอเข้าไปอีก เอื้อมมือไปจับบนบ่าของเธอ การกระทำนี้ทำเอาถังยู่ทำอะไรไม่ถูกเลย จะพัฒนาความสัมพันธ์เร็วขนาดนั้นเลยงั้นหรือ? จะจูบตน? หรือจะกอดตน?
ทำไมตนไม่ต่อต้านล่ะ? ตนควรจะผลักไอ้หน้าด้านคนนี้ออกไม่ใช่เหรอ?
ไม่ไม่ไม่ ให้เขาทำต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเขาจูบตนจะทำยังไง?
ถังยู่ทนกับหน้าแดง แล้วกล่าวอย่างติดๆขัดๆว่า “คุณ คุณจะจูบฉันไม่ได้นะ”
“อืม?” ฟางเหยียนสงสัย จึงถาม “คุณว่าอะไรนะ?”
ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก ถังยู่ก้มหน้าลง หลบสายตาอันเร่าร้อนของฟางเหยียน แล้วกล่าว “ไม่ ไม่มีอะไร!”
ฟางเหยียนหัวเราะเหอะๆ ปล่อยมือที่จับบนบ่าของเธอลง แล้วกล่าว “พอล่ะ ผมยังต้องไปอวยพรคุณปู่ของคุณอีก”
ฟางเหยียนพูดพลาง ก็เดินผ่านถังยู่ไป เดินออกจากศาลาไปอย่างเร็ว หลังจากที่ใจของถังยู่เต้นไม่เป็นจังหวะอยู่สักพักใหญ่ และหลังจากที่ฟางเหยียนจากไปแล้ว เธอถึงจะควบคุมสติได้