หลินถงแสดงสีหน้าผิดหวังออกมา แล้วกล่าวอย่างท้อใจว่า “เสน่ห์แรงแล้วยังไง แม้แต่คุณยังไม่มองเลย!”
ฟางเหยียนบึนปาก แล้วกล่าว “คุณไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับแววตาของผม!”
หลินถงกล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “แววตาของคุณ สำหรับหลินถงแล้ว ค่อนข้างสำคัญเลยค่ะ!”
ฟางเหยียนไม่พูดอะไรต่อ เพียงแต่เงียบสงัดไป ฟางเหยียนไม่พูด หลินถงก็ไม่พูดอะไรต่อไปเช่นกัน
ผ่านไปหลายวินาที หลินถงกล่าว “คุณฟาง เพราะถังยู่ชอบคุณ ดังนั้นเหลียงเจิ้งนั่นจึงได้มาหาเรื่องคุณใช่มั้ยคะ?”
“อืม?” ฟางเหยียนหันไปมองหลินถง เขาไม่คาดคิดจริงๆว่าหลินถงที่สูงส่งจะถามคำถามที่แย่ขนาดนี้! นี่เป็นคำถามที่พวกเด็กสาวถามๆกันไม่ใช่เหรอ หรือหลินถงเองยังเป็นเด็กสาวอยู่
หลินถงเห็นฟางเหยียนท่าทางแปลกๆ จึงได้อธิบาย “เรื่องที่เหลียงเจิ้งชอบคุณหนูถังของเรา เป็นความลับที่หนานหลิงเป็นผู้เปิดเผย คนมากมายต่างรับรู้ รวมทั้งฉันด้วย คุณก็รู้ เหมือนพวกผู้หญิงอย่างเรา ไม่ฟังข่าวเม้าท์มอยแบบนี้ ชีวิตจะจืดชืดมาก ดังนั้น ข่าวสารที่หนานหลิงฉันจึงพอจะได้ยินมาบ้าง แต่ ฉันรู้ว่าถังยู่ไม่ชอบเขา ดังนั้นฉันจึงเดาว่าเป็นเพราะเธอชอบคุณหรือเปล่า เหลียงเจิ้งถึงได้จงใจหาเรื่องคุณ?”
ที่แท้การเม้าท์มอยคือนิสัยเฉพาะของผู้หญิง เดิมทีคิดว่าหลินถงผู้หญิงแบบนี้ไม่น่าจะหัวโบราณ แต่ใครจะรู้ว่าพอได้พูดคุยแล้ว เธอก็ยังมีความคิดแบบผู้หญิงทั่วๆไปคนหนึ่ง ฟางเหยียนส่ายหน้า มองเธอแล้วถาม “แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าถังยู่ชอบผมล่ะ?”
เขาเองยังไม่รู้เลยว่าถังยู่ชอบเขา ทั้งสองเพิ่งจะเจอกันเมื่อวาน อีกอย่าง ถังยู่น่าจะรังเกียจตนสิถึงจะถูก?ไม่พูดถึงรังเกียจหรือไม่ แต่จะมีความรู้สึกเร็วขนาดนั้นที่ไหนกัน!
เขาคบกับเย่ชิงหยู่ นั่นถือว่าเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งสองเติบโตมาด้วยกัน เริ่มรู้จักกันตั้งแต่ตอนที่เป็นเพื่อนเล่นกันโดยที่ไม่คิดอะไรแล้ว ถ้าชอบคนๆหนึ่งง่ายขนาดนั้น มันไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่นะ!
“ดูออก!” หลินถงตอบอย่างไม่คิด จากนั้นก็ถามย้อน “คุณฟางไม่รู้สึกว่าถังยู่ชอบคุณอยู่เหรอคะ?”
ฟางเหยียนนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นก็ส่ายหน้าถอนหายใจ “เป็นไปไม่ได้!คนที่เธอชอบน่าจะเป็นพี่เย่เฟยคนนั้นที่เธอมักจะพูดถึงบ่อยๆต่างหาก แล้วเธอจะชอบผมได้อย่างไรกัน”
ที่ได้พูดกับถังยู่มากขนาดนี้ ก็เป็นเพราะนิสัยของเธอ เธอเป็นหญิงสาวที่น่าสนใจ ได้พูดคุยกับเธอมันสนุกดี ทำให้ตัวเองรู้สึกสบาย ดังนั้นฟางเหยียนจึงได้พูดกับเธอมากขึ้นไปอีก ถ้ารุ่นนี้ พูดคุยกันมากขึ้นแล้วกลายเป็นการชอบพอกัน งั้นเพศตรงข้ามอย่าสื่อสารกันเลยจะดีกว่า!
หลินถงหัวเราะ ไม่พูดอะไร และก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี บางทีเวลาอาจจะเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุดก็ได้ หลินถงสังเกตปฏิกิริยาของคุณหนูถังเมื่อกี๊ทั้งหมด แล้วเธอจะไม่ชอบฟางเหยียนได้อย่างไรกัน!
อีกฝั่งเหลียนเจิ้ง จ้าวก่วง หยางซิง ทั้งสามคนที่ถูกลากออกมาจากตระกูลถังยืนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ของตระกูลถังอย่างอับอาย
เหลียงเจิ้งเกรี้ยวกราด ตะคอกไปที่รปภ.ด้วยความไม่พอใจอย่างมากว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะ!นึกไม่ถึงว่าจะกล้าลากกูออกมา แม่ง อย่าให้กูเจอมึงข้างนอกนะ ไม่งั้นกูจะฆ่ามึงไอ้เชี้ยแม่งเอ๊ย”
เหลียงซื่อกรุ๊ปเป็นกิจการใหญ่อันดับสองของเขตซีหนาน มีเงินมีอำนาจ กล้าพูดประโยคนี้ที่ตระกูลถังได้ ก็มีเพียงเหลียงเจิ้งผู้เดียวแล้วล่ะ ต่อให้ตระกูลถังจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน มากสุดก็แค่ตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งของหนานหลิง ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหน!
“เหี้ย!” หยางซิง?ก็ด่าอย่างไม่พอใจเป็นอย่างมากตามขึ้นมา “ลากกูออกมาก็ชั่ง นึกไม่ถึงว่าแม้แต่คุณชายเหลียงก็ยังไม่ไว้หน้า!ไอ้หลินถงนั่นมันจงใจทำ อยากวางอำนาจที่บ้านของตัวเอง?มันคิดว่าเป็นใคร!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหยางซิง เหลียงเจิ้งก็โมโหขึ้นไปอีก แน่นอน เขาไม่มีทางเอาความโกรธนี้ลงที่หลินถง เขาโทษฟางเหยียนไอ้ชาติหมานั่นมากกว่า
คนจำนวนไม่น้อยเห็นเหตุการณ์ที่คุณชายทั้งสามถูกลากออกมา ต่างก็อดไม่ได้ที่จะวิจารณ์ขึ้นมา!
“สามคนนี้ไม่ใช่ว่าเป็นคุณชายของเหลียงซื่อกรุ๊ป คุณชายของโรงแรมปั้นเต่า แล้วก็คุณชายของกิจการอะไรสักอย่างไม่ใช่เหรอ?ทำไมถูกรปภ.ลากออกมาจากด้านในได้ล่ะ?”
“ยังดูไม่ออกอีกเหรอ?จะต้องทำเรื่องอะไรเกินเลยข้างในนะสิ ดังนั้นจึงได้ถูกลากออกมา คุณชายพวกนี้ทำอะไรเชื่อมั่นในตัวเองจะตาย ไม่เห็นหัวคนอื่น นี่ตระกูลถังกำลังเชือดไก่ให้ลิงดู บอกคนที่มีอำนาจว่าเมื่อเข้ามาในตระกูลถังแล้วก็ต้องทำตามกฎ ถ้าไม่ทำตามกฎไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ก็ต้องถูกลากออกมาอยู่ดี”
“ถ้าเป็นตามที่คุณว่า ตระกูลถังก็ไม่ธรรมดาจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะเอาคุณชายของตระกูลเหลียงธุรกิจอันดับสองของเขตซีหนานมาเป็นตัวอย่าง!”
“คุณพูดเบาๆหน่อย คุณชายของตระกูลเหลียงแค้นฝังหุ่น ถ้าเขาได้ยินเข้า เดี๋ยวจะมาจัดการคุณได้นะ”
ตอนที่เหลียงเจิ้งโกรธจนยับยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่ จ้าวก่วงเหมือนจะนึกอะไรออก แล้วกล่าว “คุณชายเหลียงอย่าเพิ่งใจร้อน ถ้าจะโทษก็ต้องโทษไอ้นั่น ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้นั่น พวกเราก็ไม่ถึงขั้นต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ คุณบอกว่ามันไม่ได้พาการ์ดมันมาด้วยไม่ใช่เหรอ?”
“หมายความว่าไง?” เหลียงเจิ้งหันไปมองจ้าวก่วงด้วยสีหน้าบูดบึ้งแล้วถาม
จ้าวก่วงกล่าวอย่างหัวเราะ “ผมรู้จักผู้ปกครองโลกใต้ดินของหนานหลิงของเรา แมวป่าทางเหนือ เสือดาวดำทางใต้! ”
แมวป่าทางเหนือ เสือดาวดำทางใต้ เป็นราชาทั้งสองของโลกใต้ดินของหนานหลิงจริงๆ สำหรับโลกใต้ดินของหนานหลิงชื่อเสียงของพวกเขา โด่งดังไปทั่ว เมื่อคนหมู่มากได้ยินชื่อของทั้งสองคนนี้ ก็ล้วนเคารพกันตั้งแต่ไกล
แน่นอน พวกเขาเคยได้ยินเรื่องที่คุณชายตระกูลหม่าไปปฏิบัติภารกิจข้างนอก ใครๆก็รู้เรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อประมาณหนึ่งเดือนก่อน คุณชายตระกูลหม่าได้เสียชีวิตแล้ว ตอนนั้นโลกใต้ดินของหนานหลิงสั่นสะเทือน แต่สองคนนี้ใช้อำนาจที่มีในมือ คือเหล่าพรรคพวกจำนวนมาก ไม่นานก็ควบคุมสถานการณ์อยู่ ตอนนี้พวกเขา ก็ยังคงเป็นราชาเหมือนเดิม ว่ากันว่าทั้งสองคน คนหนึ่งมีพรรคพวกกว่าห้าหกพันคน
คนของโลกใต้ดิน จะวัดกันที่ใครมีพรรคพวกมากกว่า อีกอย่างก็คือพวกเขาเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจ คนหนึ่งสามารถจัดการได้เป็นสิบๆคน ดังนั้นชื่อเสียงเรียงนามกว้างไกลไปถึงโลกใต้ดินของหนานหลิง
จ้าวก่วงเห็นเหลียงเจิ้งที่เงียบสงัด เขากล่าวอย่างเบาๆว่า “งานเลี้ยงวันเกิดย่อมมีวันเลิกลา ด้านในมีหลินถงคุ้มกะลามันอยู่ รอให้ออกมา ผมจะดูว่ายังมีใครกล้าคุ้มกะลาหัวมันอีก!คุณชายเหลียง ที่ผมพูด คุณน่าจะเข้าใจใช่มั้ยครับ?!”
จ้าวก่วงยิ้มอย่างใจเย็น ดูออกชัดเจนว่ามีท่าทางที่ได้พิจารณาอย่างถีถ้วนแล้ว
เหลียงเจิ้งเข้าใจแน่นอน เขามองจ้าวก่วงแล้วกล่าว “เรียกพวกมันมา ไม่ว่าต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ก็ตาม วันนี้ฉันจะฆ่ามันให้ได้!”
“ครับ!ผมจะโทรหาให้พวกเขาพาพรรคพวกมาสักพันคน” จ้าวก่วงหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดโทรออก
เหลียงเจิ้งเงยหน้าขึ้น จู่ๆก็มั่นใจขึ้นมา แล้วลูบหมัดของเขา พูดกับตัวเองว่า “ไอ้เปรต ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่มึงทำผิดต่อกู!วันนี้กูไม่สับมึงให้แหลก อย่ามาเรียกกูว่าเหลียงเจิ้ง”