บทที่ 30 Supreme Black Card ชนิดพันล้าน
เมื่อเห็นว่าจางเจียวเจียวออกไปแล้ว
เย่ชิงหยู่จึงกล่าวกับฟางเหยียน “ไปกันเถอะ!”
“โอเค!” ฟางเหยียนพยักหน้า
ทั้งคู่ขี่จักรยานไฟฟ้าออกเดินทาง ฟางเหยียนเอ่ยถามเสียงเรียบ “คุณตื่นเต้นไหม?”
เย่ชิงหยู่ส่ายหน้า “ไม่รู้ว่าทำไม มีนายอยู่ ฉันก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นแล้ว”
“ไม่เป็นไร! นี่เป็นสิ่งที่เธอต้องเผชิญไม่ช้าก็เร็ว ตงข่ายกรุ๊ป เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น” แม้ว่าฟางเหยียนจะพูดมันออกมา แต่เย่ชิงหยู่ไม่ได้ยิน เพราะลมที่แรงเกินไป
ไม่นาน เย่ชิงหยู่รู้สึกผิดปกติ เธอจึงกล่าวถาม “ฟางเหยียน เราจะไปที่บริษัทไม่ใช่หรือไง? ทำไมถึงได้มาที่นี่ล่ะ?”
“ก่อนที่จะไปที่บริษัท ต้องซื้อรถก่อน ยังไงซะคุณก็เป็นถึงประธานใหญ่เชียวนะ จะเสียหน้าไม่ได้” จบคำ เขาก็เข้ามาที่โชว์รูมทันที
หลังจากที่จอดรถเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ฟางเหยียนก็จูงมือเย่ชิงหยู่เข้ามาในร้านทันที
เมื่อเข้าไปในร้าน เย่ชิงหยู่รั้งแขนของฟางเหยียนเอาไว้ “ฟางเหยียน เราไปกันเถอะ นี่เป็นโชว์รูมของเบนซ์เชียวนะ ฉันมีเงินซะที่ไหน?”
ฟางเหยียนกล่าวอย่างราบเรียบ “ไม่เป็นไร ผมซื้อให้คุณเอง”
ประโยคของฟางเหยียน เย่ชิงหยู่ไม่เชื่อ
ฟางเหยียนเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟ หากมีเงินซื้อเบนซ์ ก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้
ในเวลานี้หญิงสาวร่างสูง สวมถุงน่องสีดำสุดเซ็กซี่เดินเข้ามา
“ทั้งสองท่านดูรถหรือคะ? คุณผู้ชายขับ? หรือคุณผู้หญิงค่ะ?”
“ภรรยาผมครับ! ช่วยแนะนำคันที่เหมาะสมทีสิ” ฟางเหยียนกล่าว
พนักงานสาวพิจารณาฟางเหยียนและเย่ชิงหยู่ ดูยังไงทั้งคู่ก็ไม่เหมือนกับคนที่เงินทอง แถมยังขี่จักรยานไฟฟ้ามาอีก พวกเขาบอกจะซื้อรถ คงจะไม่ได้คิดซื้อจริงๆ หรอก
เพราะงั้นเธอจึงชี้ไปที่เบนซ์ระดับAอย่างขอไปที “รุ่นนี้เหมาะกับคุณผู้หญิง ตัวรถค่อนข้างเล็ก ตอนนี้มีโปรโมชั่น ดาวน์เพียงแค่แปดหมื่น ก็ขับรถออกไปได้เลย”
แปดหมื่น! ในบัตรATMของเย่ชิงหยู่ไม่มีแม้สักหมื่นเดียว เธอจะไปเอาแปดหมื่นมาจากไหน
“ไม่ รุ่นนี้ไม่คู่ควรกับภรรยาของผม เล็กเกินไป” ฟางเหยียนส่ายหน้าปฏิเสธ
พนักงานสาวขมวดคิ้วแน่น พลางคิดในใจไม่มีปัญญาซื้อก็บอกมาสิ จะสร้างภาพอะไรนักหนา
สมัยนี้ คนที่ชอบสร้างภาพมากมายเหลือเกิน
ฟางเหยียนเดินไปที่เบนซ์ระดับS “รุ่นนี้ใช้ได้ รู้สึกพอได้”
พนักงานสาวนิ่งไป ดูเหมือนว่าคงไม่เข้าใจเรื่องรถ
พนักงานสาวกลัวคนที่ไม่ถามราคาก็ซื้อเลยที่สุด เธอจึงหัวเราะออกมา “คุณผู้ชาย รถคันนี้ อย่างน้อย5ล้านขึ้น ต่อให้คุณจะดาวน์ อย่างต่ำก็ต้องสองล้านขึ้น หากคุณผ่อน3ล้าน3ปี เดือนหนึ่งคุณต้องผ่อนสองหมื่นกว่าเกือบสามหมื่น หากคุณมีเงิน2ล้านนี้ ไปดูระดับAไม่ดีกว่าเหรอ”
รถราคาห้าล้านกว่า เย่ชิงหยู่ตกใจจนไม่กล้าหายใจแรง
ฟางเหยียนทำอะไรใช้ไม่ได้การเอาเสียเลย อยากให้ตนมีหน้ามีตา ก็ต้องดูสถานการณ์ที่เหมาะสมหน่อยสิ!
“ผมบอกไปแล้ว รถพวกนั้นไม่คู่ควรกับภรรยาของผม เอาคันนี้แหละ แม้ว่าจะยังแย่ไปหน่อย แต่ก็พอใช้ได้สักระยะ” ฟางเหยียนเอ่ยอย่างเด็ดขาด
“อะไรนะ?” เย่ชิงหยู่รั้งแขนของฟางเหยียน “ฟางเหยียน ตอนนี้เราไม่มีเงินนะ”
เมื่อพนักงานสาวเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า เธออดนึกขำไม่ได้ “คุณผู้ชาย คุณแน่ใจเหรอคะว่าจะเอาคันนี้?”
ฟางเหยียนพยักหน้า “ใช่!”
“โอเค คุณผู้ชาย ถ้างั้นคุณจ่ายเงินมัดจำก่อนห้าแสน!” พนักงานสาวจ้องมองฟางเหยียนอย่างเยาะเย้ย คนแบบนี้ พาผู้หญิงมาสร้างภาพ เธอแค่ต้องการไล่ให้เขาออกไปซะ
“ไม่ต้องมัดจำ ผมจะขับไปเลยตอนนี้! ผมรีบ คุณไปรูดบัตรเถอะ รหัส950223 วันเกิดของภรรยาผม” พูดจบฟางเหยียนยื่นการ์ดสีดำไปให้กับหญิงสาว
เมื่อหญิงสาวเห็นการ์ดสีดำ ใบหน้าเธอขาวซีดขึ้นมาทันที
การ์ดแบบนี้ ไม่เหมือนกับการ์ดทั่วไป เห็นบอกว่านี่เป็นบัตรธนาคารที่แสดงถึงสถานะบางอย่าง
เธอลังเลไปครู่หนึ่ง ยื่นมืออันสั่นเทาไปรับBlack Cardมาไว้
ก่อนที่จะวิ่งไปที่หน้าเคาน์เตอร์ “พระเจ้า ฉันได้เจอลูกค้ารายใหญ่ด้วยล่ะ”
เมื่อเห็นBlack Card หญิงสาวคนนั้นเบิกตากว้างทันที “Black Card! พระเจ้า Black Cardอันนี้แตกต่างมากเลยนะ”
หญิงสาวคนนั้นพิจารณา “ครั้งก่อนมีลูกค้าบอกกับฉันว่า Black Cardอันนี้ชื่อSupreme Black Card อย่างน้อยต้องเป็นลูกค้าที่มีเงินเป็นพันล้านเท่านั้นถึงจะมีได้”
“พันล้าน!” หญิงสาวทั้งสองหัวใจเต้นรัว
พันล้าน ไม่ใช่คนธรรมดาแน่
“เร็วเข้า ไปดูสิว่าเขามีแฟนไหม” หญิงสาวดีอกดีใจ
พนักงานสาวกล่าว “มีแล้ว ต่อให้ไม่มีก็ตกไม่ถึงหล่อนหรอก เขาจะซื้อเบนซ์ระดับSให้กับภรรยาเขา ปกต้องรูดก่อน ฉันยังไม่แน่ใจว่าในนี้มีเงินไหม เขาดูไม่เหมือนกับคนมีเงินเลย”
เมื่อหญิงสาวรูด ตือตือ เสร็จสิ้นการชำระ
พนักงานสาวอ้าปากค้างอีกครั้ง มีเงินจริงๆ ด้วย
“บางคน ไม่ใช่การแต่งงานที่จะวัดค่าเขาได้” หญิงสาวที่รูดบัตรกล่าว
“ฟางเหยียน แพงเกินไปแล้ว ช่างเถอะ” เย่ชิงหยู่บอกกับฟางเหยียนอย่างควบคุมไม่ได้
ฟางเหยียนส่ายหน้า “บัตรรูดไปแล้ว เธอจะไม่เอาหรือไง?”
เย่ชิงหยู่เองก็เคยคิดว่าจะซื้อรถ แต่ไม่เคยคิดว่าจะแพงขนาดนี้
เมื่อเห็นทีท่าหนักอกหนักใจของเย่ชิงหยู่ ฟางเหยียนจึงปลอบใจ “วางใจเถอะ สถานะของคุณ ขนาดรถคันนี้ยังไม่คู่ควรกับคุณเลย”
ฟางเหยียนพูดความจริง เย่ชิงหยู่เป็นถึงภรรยาของผู้นำ รถคันนี้ต่ำเกินไป ไม่คู่ควรกับสถานะของเธอเลยสักนิด
เย่ชิงหยู่กล่าวอย่างร้อนใจ “ไม่สิ นายเป็นพนักงานเสิร์ฟ ไปเอาเงินตั้งมากมายมาจากไหน?”
“พนักงานเสิร์ฟ?” ฟางเหยียนจ้องมองเย่ชิงหยู่ด้วยความประหลาดใจ “ผมไปเป็นพนักงานเสิร์ฟตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“นาย นายไม่ได้เป็นพนักงานเสิร์ฟที่ตึกว่านฉงหรอกหรือ? ฉันเห็นหมดแล้ว” เย่ชิงหยู่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เขาฟัง
แบบนี้นี่เอง ที่แท้เย่ชิงหยู่คิดว่าฟางเหยียนไปเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ตึกว่านฉงมาโดยตลอด
เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ใครบอกว่าผมทำงานที่นั่น ผมแค่ไปทำธุระเท่านั้น”
ในเวลานี้ พนักงานสาวมุ่งมายังฟางเหยียน มอบBlack Cardคืนให้กับฟางเหยียนอย่างเคารพ ก่อนที่จะมอบกุญแจให้กับเขา “คุณผู้ชาย ต้องการให้เราช่วยขึ้นป้ายทะเบียนรถไหม?”
“ไม่ต้อง ผมรีบ!” เขารับกุญแจมาไว้ ก่อนที่จะส่งให้กับเย่ชิงหยู่ “ไปประชุมกันเถอะ!”
เย่ชิงหยู่นิ่งอยู่นาน ถึงได้รับกุญแจมาไว้
พนักงานสาวจ้องมองฟางเหยียน สลับกับเย่ชิงหยู่ “พี่สาว อิจฉาจังเลยที่พี่มีสามีที่รวยขนาดนี้”
ประโยคนี้ทำให้เย่ชิงหยู่อึ้งไป
เมื่อเธอขับรถออกจากร้าน เธออดไม่ได้ที่จะถาม “ฟางเหยียน เงินนั่น นายเอามาจากไหน?”
“ของเพื่อนคนหนึ่ง” ฟางเหยียนตอบสั้นๆ
เงินนั่น บัตรนั่น คนอื่นให้ฟางเหยียนมาจริงๆ
“นี่จะไม่แปลกไปหน่อยเหรอ? นายมีอะไรอีกบ้าง ที่ฉันยังไม่รู้?”
“สิ่งที่ควรรู้คุณก็รู้หมดแล้วนี่ สิ่งที่คุณไม่ควรรู้ อีกหน่อยเดี๋ยวคุณก็รู้เอง ไปเถอะ จะสายแล้ว”
“ก็ได้!” แม้ว่าเธอจะตอบไปอย่างนั้น แต่เธอก็ยังคงสงสัย
ไม่นาน ทั้งคู่ก็ขับรถหรูมาถึงหน้าบริษัทจนได้
จางไห่เฟิงเดินมาถึงที่หน้าบริษัทพอดี เมื่อได้พบกับรถเบนซ์หรูที่ยังไม่ขึ้นทะเบียน สายตาของเขาส่องประกาย “ว้าว แขกผู้มีเกียรติคนไหนมาที่บริษัทกัน?”
เขาเดินเข้าไปดูทันที เมื่อได้เห็นฟางเหยียนที่เดินลงมาจากรถพร้อมกับเย่ชิงหยู่ ชายหนุ่มเบิกตาโตจนแทบถลนออกมา
“ทำไมถึงเป็นพวกมันไปได้?” จางไห่เฟิงกัดฟันแน่น อุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ก่อนที่คิ้วทั้งสองข้างจะค่อยๆ คลายออก พยักหน้ารัว “นางเย่ชิงหยู่ ยังไม่ทันเปิดการประชุม หุ้นส่วนใหญ่ยังไม่ได้ตกเป็นของแก แกกลับยักยอกเงินของบริษัท คอยดูว่าฉันจะจัดการกับแกยังไง”
เมื่อนึกขึ้นได้ จางไห่เฟิงแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย