ฟางเหยียนมองดูหลินถงอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉีกริมฝีปากหัวเราะขึ้นเล็กน้อย โบกไม้โบกมือพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ไม่จำเป็นครับ แต่สามารถดูออกได้ คุณนายถังยังคงทำให้ท่านถังวางใจเป็นอย่างมาก”
“เฮ้อ!” หลินถงถอนหายใจออกมา ดึงเสื้อผ้ากลับ เอ่ยว่า “คุณนึกว่าฉันอยากจะเป็นเช่นนี้หรอคะ? เช่นนี้ต้องเจอกับการมองบนของทั่วทั้งบ้าน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาคิดยังไงกับฉัน!หรือคิดว่า ฉันใช้วิธีการที่ต่ำช้ากระมัง!”
ฟางเหยียนมองดูดวงตาที่สวยงามนั้นของหลินถง เอ่ยถามขึ้นว่า “หรือว่าคุณไม่อยากเป็นเช่นนี้?”
หลินถงกระพริบตาปริบๆ เอ่ยขึ้น “แน่นอนว่าไม่อยากค่ะ ฉันเป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง สนใจมากมายขนาดนั้นไปทำไม!แต่หากฉันไม่สนใจ พวกเขาก็จะพูดว่าฉันอะไรก็ไม่ทำ ไล่ให้ฉันออกจากตระกูลถัง ฉันผู้หญิงคนหนึ่ง ออกจากตระกูลถังไปไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนเป็นสภาพไหนจริงๆ”
ฟางเหยียนไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่นิ่งเงียบลงมา หลินถงพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง
หลินถงเองก็เงียบลงมาเช่นเดียวกัน เธอไม่พูด ฟางเหยียนก็ไม่พูด ภายในรถเงียบลงในชั่วขณะ
ผ่านไปอีกหลายวินาที หลินถงเอ่ยขึ้นเบาๆว่า “คุณฟาง คุณรู้ไหมคะว่าทำแบบนั้นเมื่อสักครู่นี้ ได้เท่ากับแสดงให้เห็นแล้วว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับถังยู่ บางทีคุณอาจจะคิดว่านี่ไม่มีอะไร แต่คนที่มาถึงตระกูลถังต่างก็เป็นบุคคลที่มีหน้ามีตา ในแวดวงของพวกเขา จะต้องแพร่สะพัดไปแล้วอย่างแน่นอน ทุกคนจะต้องกำหนดชัดเจนแล้วว่า คุณก็คือแฟนหนุ่มของถังยู่ แม้แต่ผู้นำตระกูลของเรา!ก็ต้องคิดว่าคุณก็คือแฟนหนุ่มของเสี่ยวยู่”
ฟางเหยียนฉีกปากยิ้มพร้อมเอ่ยขึ้นว่า “มือสะอาดไม่จำเป็นต้องล้าง พวกเขาชอบจะคิดยังไง นั่นก็คือเรื่องของพวกเขา!ผมได้แต่งงานไปแล้ว”
พูดจบในสมองของฟางเหยียนก็ปรากฏเงาร่างที่คุ้นเคยนั้นขึ้นอีกครั้ง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เย่ชิงหยู่เป็นยังไงบ้าง
หลิงถงเห็นท่าทางท่ีจริงจังนั่นของฟางเหยียน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มก็แข็งทื่อลงมา
หลินถงเคยตรวจสอบฟางเหยียน รู้เรื่องที่เขาได้แต่งงานแล้วจริงๆ ไม่ใช่แค่แต่งงานแล้ว เขายังคงเป็นลูกเขยแต่งเข้า คนแบบนี้เป็นลูกเขยแต่งเข้า ไม่รู้จริงๆว่าเขาเป็นเพราะว่าอะไร? ภรรยาของเขาหน้าตาเป็นยังไงกันแน่นะ?
หลิงถงส่ายศีรษะอย่างไม่เข้าใจ ถามขึ้นว่า “เทพหมอฟาง รักภรรยาของคุณมากเลยหรอคะ?”
ฟางเหยียนไม่ได้ตอบ สายตาเปลี่ยนเป็นอึมครึมลงมา
ด้านหนึ่ง บนเครื่องบิน
นี่คือเครื่องบินขนาดเล็กลำหนึ่ง ดูก็รู้ว่าคือเครื่องบินส่วนตัว นั่งได้สิบสองคนเท่านั้น!
บนเครื่องบินนั่งด้วยหนุ่มใหญ่ชุดทหารที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยว บนใบหน้าของทุกคนต่างก็แนบไปด้วยความหวาดหวั่นเล็กน้อย
เย่เฟยนั่งอยู่บนเครื่องบิน ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ใบหน้ามืดมนถึงขีดสุด!
ทั้งห้องโดยสารเปลี่ยนเป็นเงียบสงบอย่างหาใดเปรียบ นอกจากเสียงหวึ่งๆๆของการเดินเครื่องแล้ว ก็ไม่มีเสียงของคนอีก
ทันใดนั้น เขาก็ยกมือขึ้นมาดูรอยดำแดงแถวนั้นที่อยู่บนแขนของตัวเองหนึ่งที คนๆนั้นคิดไม่ถึงว่าจะใช้ตะเกียบเพียงแค่แท่งเดียวโยนออกมา ก็สามารถปล่อยพลังอานุภาพแบบนั้นออกมาได้ ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
ในขณะที่เย่เฟยคิด ในสมองก็ทวนสภาพเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้อีกครั้ง หากไม่ใช่ตัวเองหลบได้ มือข้างนี้จะถูกทะลวงได้จริงๆ ขอเพียงแค่มือข้างนี้ถูกทะลวง งั้นมือข้างนี้ของตัวเองก็มีความเป็นไปได้มากว่าจะใช้การไม่ได้อีก
เขาคือสถานะอะไรกันแน่? อาศัยอะไรถึงสามารถมีความสามารถที่โดดเด่นเหนือธรรมชาติเช่นนี้ได้? สถานะธรรมดาไม่มีทางมีความสามารถเช่นนี้โดยเด็ดขาด เป็นเพียงแค่หมอคนหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นเทพหมอก็ตาม ก็ไม่แข็งแกร่งขนาดนั้น?!
งั้นเขาเป็นใครกันแน่?
คือแฟนหนุ่มของถังยู่จริงๆหรอ?
ทำไมถังยู่ในตอนที่ทุกข์ยากอันตรายที่สุดถึงได้เรียกชื่อเขาออกมา ถึงได้ร้องขอความช่วยเหลือจากเขา?!
ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ สรุปก็คือแค้นนี้ได้ผูกเอาไว้แล้ว เขาไม่มีทางปล่อยคนๆนั้นไปง่ายๆ เขายังจะต้องกลับมาหาคนๆนั้น แล้วก็ฆ่ามันอย่างแน่นอน!
“ราชานักล่า พวกเราได้ออกจากอาณาเขตของประเทศหวาแล้วครับ!” ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่ผิวดำมืดคนนั้นประชิดเข้าหาเย่เฟยพร้อมกับเอ่ยขึ้น
คำพูดนี้ออกมา ทุกคนภายในห้องโดยสารต่างก็โล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก ถือว่าผ่านพ้นภัยพิบัติที่ยิ่งกว่าภัยพิบัติฉากนี้มาได้แล้ว
เย่เฟยไม่ได้ตอบกลับ ถึงขั้นไม่ได้มองออกไปทางด้านนอก สายตาของเขาจ้องอยู่ที่บาดแผลแถวนั้นที่อยู่บนแขนของตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ชายหน้าบากเอ่ยขึ้นว่า “ราชานักล่า ลูกผู้ชายสิบปีล้างแค้นไม่สาย!จะช้าจะเร็วต้องมีสักวัน พวกเราจะต้องสังหารกลับมาอีก บาดแผลแถวนี้ไม่เป็นไร อีกสองวันก็หายดีแล้วครับ!”
คิ้วของเย่เฟยขมวดขึ้น มุมริมฝีปากของเขาขยับเบาๆทีหนึ่ง เอ่ยขึ้นด้วยสายตาที่แหลมคม “เอามีดให้ฉันเล่มหนึ่ง!”
“อะไรนะครับ?” ชายหนุ่มตะลึงงันเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด
เย่เฟยซ้ำคำพูดเมื่อสักครู่นี้อีกครั้งหนึ่ง หนุ่มใหญ่หน้าบากเอ่ยว่า “ราชานักล่า ท่านอย่าคิดไม่ตกนะครับ!ยังมีพี่น้องอีกมากมายตามท่านอยู่ ไม่ใช่แค่เสียเปรียบไปครั้งเดียวหรอกหรอ? พวกเรายังสามารถคืนกลับมาได้อีกนะครับ!”
“ราชานักล่าโปรดคิดทบทวนก่อน!”
“ราชานักล่าโปรดคิดทบทวนก่อน!”
ภายในเครื่องบินเสียงร้องดังขึ้นกันอย่างพร้อมเพรียง
เย่เฟยเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่จนปัญญา “ฉันไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตาย แค้นแน่นอนว่าฉันต้องชำระ!แต่ ฉันรอไม่ไหวสิบปี”
“มีด ให้ฉัน!” คำพูดของเย่เฟยเยือกเย็นลงมา
คราวนี้ชายหนุ่มไม่ได้ลังเลอีกต่อไป หยิบมีดพกทหารเล่มหนึ่งจากช่วงเอวออกมา ส่งให้กับเย่เฟยในทันที
เย่เฟยรับมีดเล่มนั้นมา ถือมองดูอยู่ในมือ จากนั้นกรีดไปบนผิวของตัวเองทีหนึ่ง
ฟึ่บ เห็นผลทันที เลือดไหลตามบาดแผลลงมา
ชายหนุ่มเห็นท่า เบิกตาโพลงร้องขึ้น “ราชานักล่า นี่ท่านทำอะไรครับ? เมื่อครู่นี้ท่านไม่ได้รับปากพวกเราแล้วหรอกหรือ?!ความล้มเหลวคือมารดาของความสำเร็จ คนขอเพียงแค่ไม่ตายสุดท้ายก็จะโดดเด่น ท่านอายุยังน้อย อย่า…”
เย่เฟยสบถหึออกมาขัดจังหวะคำพูดของชายหน้าบาก จากนั้นใช้มีดเล่มนั้นแทงเข้าไปในแขนที่ดำแดงจากแผลที่ถูกฟางเหยียนใช้ตะเกียบทำร้ายแถวนั้น เขาใช้มีดกรีดแขนไปด้วย เอ่ยขึ้นด้วยสายตาที่แดงก่ำไปด้วยว่า “ฉันตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยคิดจะฆ่าตัวตาย ฉันเพียงแค่อยากจะตักเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลา ว่าบาดแผลนี้คือคนๆนั้นเป็นคนทำขึ้นมาให้กับฉัน ฉันกลัวว่ารอยนี่ผ่านไปสองสามวันก็จะหายไป ฉันไม่มีทางให้มันหายไป!ฉันจะให้มันหลงเหลืออยู่บนแขนของฉันตลอดไป ฉันจะจดจำวินาทีนั้น จำหน้าคนๆนั้นไว้ตลอดเวลา จำไม่ได้ ฉันก็จะเอาแขนมาดู”
พูดจบ เขาออกแรงกรีดเต็มที่ บาดแผลที่มีหนึ่งเซนติเมตรเต็มๆแถวนั้นเผยขึ้นบนแขนของเขา เลือดกำลังหยดลงมาจากในบาดแผลไม่หยุด สีหน้าของเย่เฟยไม่ได้เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่เหงื่อหยดหนึ่งร่วงลงมาจากบนใบหน้า เขากัดฟันแน่น สาบานว่าจะไม่มีทางปล่อยคนๆนั้น คนๆนั้นจะต้องจ่ายค่าตอบแทนต่อการกระทำทั้งหมดของตัวเองอย่างแน่นอน!
นี่ก็คือความมุ่งมั่นตั้งใจและการตัดสินใจของเย่เฟย คนๆนั้นยั่วโมโหเขาโดยสมบูรณ์แบบ!ทำลายเรื่องดีของเขาโดยสมบูรณ์แบบ แผนการทั้งหมดของเขา ต่างก็ถูกคนๆนั้นทำลายจนหมดสิ้น!
“ราชานักล่า หรือว่าท่านไม่สงสัยว่ามันคือคนในสำนักเจ็ดพิฆาตหรอครับ?” หนุ่มร่างใหญ่คนนั้นมองดูเย่เฟยพร้อมกับเอ่ยถาม
เย่เฟยขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เอ่ยย้อนกลับว่า “สามารถดูออกได้อย่างไร?”
ชายหนุ่มเอ่ย “มันบอกว่าท่านยังมีเวลาอีกสามนาที สุดท้ายหลังจากนั้นสามนาที กองกำลังนั้นก็มาแล้ว หรือว่าท่านไม่กังวลว่านั่นคือการส่งสัญญาณของมันหรอกหรอครับ? คนๆนั้นไม่ธรรมดาเลย!”
เย่เฟยกัดฟัน เอ่ยขึ้นอย่างเด็ดขาดว่า “ต่อให้มันคือคนของเจ็ดพิฆาต ฉันก็จะต้องฆ่ามัน!แน่นอน”