หลังจากที่ขึ้นมาบนรถของหลินถง ฟางเหยียนไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยหนานหลิง แต่ถูกพามายังเขตคฤหาสน์หุบดอกพีชแทน
พอหลินถงถาม ฟางเหยียนกลับไม่ได้ย้ายเข้ามาพัก ก็พาฟางเหยียนมาถึงยังที่นี่เอง
ตลอดทางที่มา ดุจดั่งชื่อของหุบดอกพีช เป็นต้นพีชทั้งหมด!นี่ไม่ใช่ฤดูกาลที่ดอกพีชจะเบ่งบาน ดังนั้นจึงไม่ได้เห็นดอกพีช แต่จุดนี้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อวิวทิวทัศน์งดงามที่อยู่บริเวณโดยรอบ รอบด้านก็มีคนที่มาเที่ยวเล่นจำนวนไม่น้อย เขตคฤหาสน์หุบดอกพีชอยู่ที่เชิงเขารูปแผ่นหิน สาเหตุที่เรียกว่าภูเขาที่มีรูปแผ่นหิน ก็เพราะว่าเขาลูกนี้ก็เหมือนถูกผ่าแยกครึ่งจากตรงกลางยังไงอย่างงั้น แผ่นหินขนาดนั้นโน้มตรงลงมาจากบนลงล่าง
หลินถงตามฟางเหยียนมาถึงยังภายในคฤหาสน์ด้วยกัน นี่คือคฤหาสน์ที่ใหญ่ที่สุด กว้างขวางที่สุดของทั้งหุบดอกพีช ออกนอกประตูก็คือสนามหญ้าสีเขียวทั้งแถบ หน้าประตูยังมีสนามบาสเกตบอล สวนดอกไม้เล็กๆ สระว่ายน้ำ ด้านข้างของสระว่ายน้ำก็คือผืนป่าที่หนาแน่น
ที่จริงแล้วลักษณะการจัดรูปแบบฮวงจุ้ยของสถานที่แห่งนี้ยังถือว่าใช้ได้ แม้ว่าเทียบไม่ได้กับรีสอร์ทหยูฉวนที่ฝีมือประณีตเหนือธรรมชาติแบบนั้น แต่ก็ถือว่าเป็นฮวงจุ้ยเขตที่พักอาศัยที่ระดับสูงสุดแล้ว เทียบกับตึกว่านฉงนั่นที่เมืองจินโจวแล้วมีแต่นำหน้าไม่มีทางเทียบไม่ได้!
ภายในคฤหาสน์กว้างขวางมาก ห้องโถงใหญ่สามารถรองรับหลายพันคน ชั้นสองคือห้องหลัก ห้องรับแขกมีหนึ่งร้อยกว่าตารางเมตร ทุกห้องต่างก็มีหลายสิบตารางเมตร อีกทั้งภายในห้องทั้งหมดกองเฟอร์นิเจอร์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว
หลินถงเอ่ยพึมพำกับตัวเองว่า “ผู้นำตระกูลบอกเอาไว้แล้วว่า คุณฟางต้องการอะไร บอกหลินถงได้เต็มที่”
“ขอบคุณครับ!” ฟางเหยียนนั่งไปที่บนโซฟา หลินถงยกกาน้ำชาที่ต้มเสร็จแล้วเดินเข้ามา
เธอนั่งลงที่ด้านข้างของฟางเหยียน รินน้ำชาให้กับฟางเหยียนหนึ่งถ้วย ตัวเองก็รินอีกหนึ่งถ้วย
“ไม่ทราบว่าคุณฟางจะอยู่ที่หนานหลิงนานแค่ไหนคะ?” หลินถงมือถือน้ำชา ดื่มไปด้วยถามไปด้วย
ฟางเหยียนรับถ้วยชาถ้วยนั้นจากที่มือของหลินถง เอ่ยว่า “ยังไม่ทราบครับ ทำธุระหน่อย ทำเสร็จค่อยว่ากันก็แล้วกัน!”
หลินถงตอบอ้อ เอ่ยขึ้นว่า “โฉนดของบ้านหลังนี้ดำเนินการโดยชื่อของคุณ รอคุณออกจากหนานหลิงแล้ว สามารถขาย และก็สามารถทิ้งเอาไว้ที่นี่ คุณกลับมาที่หนานหลิงเมื่อไร ก็อยู่ต่อได้เมื่อนั้น!”
ฟางเหยียนยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร ที่จริงแล้วร้อยสองร้อยล้านนี้สำหรับฟางเหยียนแล้วก็คือเสี้ยวหนึ่งของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น เงิน เป็นเพียงแค่ตัวเลข นี่คือสิ่งที่พวกเขายืนกรานจะขอบคุณตนเอง ตนเองไม่รับก็ไม่มีทางเลือก
หลังจากที่ชาถ้วยหนึ่งดื่มเสร็จ ฟางเหยียนวางถ้วยชาลง เอ่ยถามขึ้นว่า “คุณหลินถง ผมขอถามคุณหน่อยได้ไหมครับว่าคราวก่อนที่คุณไปเมืองจินโจวเข้าร่วมกิจกรรมของตระกูลตระกูลเซียว คือได้รับคำเชิญจากตระกูลเซียว หรือว่าได้รับคำเชิญจากตระกูลเฉิงหรอครับ?”
ฟางเหยียนนึกถึงครั้งแรกที่พบกับหลินถงที่เมืองจินโจวขึ้นมาได้ นั่นคืองานเลี้ยงที่ตระกูลเซียวและตระกูลเฉิงร่วมมือกันเปิดเป็นครั้งแรก หลินถงคนที่มีตำแหน่งสถานะแบบนี้ จะต้องถูกเชิญไปอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงอยากจะรู้ว่าเป็นใครที่เชิญ
หลินถงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จ้องตาของฟางเหยียนพร้อมเอ่ยถามว่า “เมื่อครู่นี้คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ?”
ฟางเหยียนชะงักเล็กน้อย เอ่ยขึ้น “คุณหลินถง!”
“ฮ่าๆ!” หลินถงหัวเราะขึ้นมา จากนั้นเอ่ย “ในที่สุดคุณก็ไม่เรียกฉันว่าคุณนายถังอีกต่อไปแล้ว!”
ในขณะที่พูด มือของหลินถงก็เริ่มวางลงบนแขนของฟางเหยียนอย่างไม่เป็นสุขอีกครั้ง ตัวเองก็จงใจเข้าใกล้ฟางเหยียนเล็กน้อย นี่เป็นการท้าทายขีดจำกัดของฟางเหยียนอย่างเปิดเผยจริงๆ ฟางเหยียนจะพูดอย่างไรก็เป็นผู้ชาย หลินถงก็หน้าตางดงามเช่นนี้อีก หากจะบอกว่าไม่มีความรู้สึกใดๆแม้แต่น้อย นั่นก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพียงแต่การควบคุมความปรารถนาของเขาแข็งแกร่งกว่า ดังนั้นถูกระงับลงไปได้
“คุณฟางคะ ต่อไปฉันต่างก็หวังว่าคุณจะเรียกฉันหลินถงแบบนั้น!”
“ท่ีจริงแล้ว…” หลินถงกัดริมฝีปาก ใช้ศีรษะแนบชิดเข้าไปใกล้ฟางเหยียนอย่างเงียบๆ เอ่ยขึ้นว่า “ฉันยังคงบริสุทธิ์อยู่ค่ะ ในตอนแรกแม้ว่าฉันจะแต่งงานกับถังเจิ้งเหา แต่ว่าเขาไม่เคยสัมผัสฉันมาก่อน เพราะว่า เขาร่างกายอ่อนแอ!ตัวเขาเองก็มีโรค”
“ไม่รู้ว่าทำไม ตอนที่ฉันเห็นคุณ ก็มีความรู้สึกที่พิเศษมากแบบหนึ่ง หรือบางทีอาจเป็นเพราะเหตุผลที่คุณช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ดังนั้น แม้ว่าคุณจะเพียงแค่เห็นฉันเป็นคู่แบบนั้น ฉันก็ยินยอมด้วยความเต็มใจ!”
ฟางเหยียนคว้ามือข้างนั้นที่กำลังอยู่ไม่สุขของหลินถงเอาไว้อย่างกะทันหัน เอ่ยว่า “คุณสามารถตอบคำถามเมื่อสักครู่นี้ของผมก่อนได้หรือเปล่าครับ?”
หลินถงดึงมือข้างนั้นของตนองที่ถูกคว้าเอาไว้กลับ ตอบว่า “ที่เชิญไม่ใช่ฉัน แต่เป็นผู้นำตระกูลของเรา ฉันคือคนที่ถูกผู้นำตระกูลส่งไป ฉันบอกแล้วว่า หากฉันอยู่ที่ตระกูลถังไม่ทำอะไรเลย ก็จะถูกไล่ออกจากบ้าน คุณคิดว่าฉันมีความสามารถมากจริงๆหรอคะ? หากไม่ใช่ฉันมีเปลือกนอกร่างกายนี้ ใครจะมาใส่ใจกับความสามารถของฉันอีก?”
หลินถงยกเท้าขึ้นมาพาดไว้บนร่างกายของฟางเหยียนตรงๆ คนทั้งคนต่างก็เอียงอยู่บนร่างกายของเขา
เห็นฟางเหยียนกลับไม่ได้ปฏิเสธ หลินถงก็คิดว่านี่คือการได้รับการบอกเป็นนัยว่ายินยอมพร้อมใจแล้ว ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็นรุกมากยิ่งขึ้น
ผู้หญิงแบบเธอนี้อยู่ด้านนอกสามารถครอบครองผู้ชายจำนวนนับไม่ถ้วน ต้องการแบบไหนต่างก็มีหมด แต่อย่างฟางเหยียนแบบนี้ เธอก็ยิ่งเพิ่มความอยากจะได้มา เพราะว่านี่คือผู้ชายที่ปฏิเสธเธอหลายต่อหลายครั้ง
ที่ฟางเหยียนไม่ปฏิเสธ ก็เป็นเพราะว่าเขาก็อยากจะลองดูว่าหลินถงคนนี้จะเล่นอะไรกันแน่? เขามีความสงสัยต่อสถานะของหลินถงมาตั้งนานแล้ว ให้เธอเข้าใกล้ตนเอง ก็เพื่อทำความเข้าใจสถานะที่แท้จริงของเธอให้ชัดเจน
ในสายตาของฟางเหยียน ผู้หญิงคนหนึ่งไม่อาจจะรุกถึงขั้นนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่สวยมากๆคนหนึ่ง นี่คือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด!เขาปล่อยเธอตามอำเภอใจอย่างนิ่งเฉยขนาดนั้น ทั้งหมดคืออยากจะรู้ว่าเธอจะมาไม้ไหนกันแน่!
แต่ว่า ดูเหมือนฟางเหยียนจะคำนวณผิดแล้ว เพราะว่าหลินถงยิ่งทำให้คนไม่อาจจะเข้าใจได้!
ฟางเหยียนขมวดคิ้วขึ้นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ในที่สุด เขาก็เริ่มควบคุมไม่อยู่แล้ว!รีบยกมือขึ้นคว้ามือของหลินถงเอาไว้ในทันที
การเคลื่อนไหวของทั้งสองคนหยุดลงอย่างกะทันหัน หลินถงเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าที่แดงก่ำว่า “เป็นอะไรไปคะ?”
ฟางเหยียนชะงักเล็กน้อย ทันใดนั้นอยู่ๆโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา ไม่ใช่โทรศัพท์มือถือของฟางเหยียน แต่เป็ของหลินถง ฟางเหยียนสะอึกทีหนึ่ง เอ่ยว่า “โทรศัพท์มือถือของคุณ!”
หลินถงยกมือขึ้นเสยผมเล็กน้อย จากนั้นยืดตัวขึ้นไปรับโทรศัพท์มา สายฝั่งนั้นส่งเสียงของเหล่าเห้อดังออกมา “คุณนาย คุณท่านฟื้นแล้ว!ท่านอยากจะพบคุณครับ!”