เมื่อพูดจบ ในห้องก็มีเสียงเดินเท้าดังป็อกๆขึ้น จากนั้นชายกำยำสวมชุดดำจำนวนมากออกมา ล้อมฟางเหยียนไว้ ในตอนที่ฟางเหยียนกำลังอยู่ข้างหน้า มีชายวัยกลางคนที่อายุยี่สิบกว่าปีคนหนึ่งเดินมา
ชายวัยกลางคนแต่งตัวไม่เหมือนกับการ์ดเหล่านี้ ในมือเขาถือพัดเอาไว้ เขาใส่ชุดคอจีน สูงพอประมาณ หัวแบน หน้าตอบ กล้ามเนื้อแก้มสั่นสะเทือนไม่หยุด หลับตาทั้งสองข้างลง แต่กลับเต็มไปด้วยความแค้น ลักษณะของเขาคล้ายๆกับหยูหรงกวงตอนวัยรุ่น รูปร่างต่างกันมาก
“แกคือฟางเหยียนที่ออกมาจากกองทัพคนนั้น?” ผู้ชายจ้องไปที่ฟางเหยียนอย่างไม่ละสายตาแล้วถาม
ฟางเหยียนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วถาม “แกพาคนมาแค่เนี่ย?”
เดาได้ไม่ยาก ว่าคนนี้มีความสัมพันธ์กับหม่าซวี่ซง ผู้คนที่ล้อมตัวเองไว้ล้วนเป็นนักบู๊ แต่ล่ะคนล้วนมีฝีมือที่สามารถจัดการสิบคนได้ตามลำพัง นอกจากตระกูลหม่า แล้วใครจะเรียกคนที่เป็นนักบู๊ได้มากขนาดนั้นได้อีก
หม่ากวางชาวเงยหน้ามองฟางเหยียนแล้วถาม “แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร?”
ฟางเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าว “ฉันไม่จำเป็นต้องรู้ และไม่อยากรู้ด้วย ฉันให้เวลาแกสามวินาที พาคน แล้วไสหัวไปซะ!หลังจากสามวินาที พวกแกจะออกไปไม่ได้อีกแล้ว”
“บังอาจ!” กล้ามเนื้อหน้าของหม่ากวางชาวกระตุกอย่างโมโหมากขึ้น ไอ้นี่มันฆ่าคนของตระกูลหม่า ตบหน้าตระกูลหม่า แล้วยังกล้าพูดจาโอหังแบบนี้อีก ที่นี่มีแค่มันคนเดียวเท่านั้น มาจากกองทัพแล้วยังไง ไม่มีกองกำลัง ไม่มีการ์ด มันก็เป็นแค่ไอ้สวะเท่านั้น!หม่ากวางชาวไม่เชื่อว่าคนนี้จะเก่งกาจอย่างที่พ่อของเขาพูดไว้ ว่าอย่าไปยั่วโมโหมันบ้างล่ะ ไร้สาระทั้งนั้น เขาจะต้องทำให้มันรู้ถึงความเก่งกาจของตระกูลหม่าให้ได้
ตั้งแต่ฟางเหยียนมาหนานหลิงเป็นครั้งที่สอง หม่ากวางชาวก็ได้เฝ้ามองเขาไว้แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงได้ส่งคนสะกดรอยเขา เดิมทีอยากรู้ว่าเขามีฝีมือขนาดไหน แต่สะกดรอยมาตั้งหลายวัน เขากลับไม่ทำร้ายใครเลย เห็นเหมือนจะออกโรงหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็มีคนเข้ามาจัดการให้เขา
หม่ากวางชาวคิดว่าไอ้นี่มันก็แค่งั้นๆ พึ่งการ์ดหรือกองทัพก็เท่านั้น ตอนที่อยู่ในกองทัพไม่ใช่ว่าเป็นที่ปรึกษาทางด้านการทหารเสนาธิการอะไรนั่นเหรอ มันต้องเป็นแค่ที่ปรึกษาทางด้านการทหารเสนาธิการแค่นั้นแน่นอน ดูรูปร่างของมัน ก็ไม่เหมือนนักรบแต่อย่างใด!เมื่อมีความคิดแบบนี้ หม่ากวางชาวจึงคิดว่าท่านหม่าเป็นคนให้ความสำคัญกับตำแหน่ง กลัวคนที่มีตำแหน่งมาก แต่ตนไม่กลัวหนิ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจมาสั่งสอนไอ้นี่เสีย ให้มันได้รู้ถึงความเก่งกาจของตระกูลหม่า ในขณะเดียวกันก็ให้คนของตระกูลหม่าได้รับรู้ว่าไอ้นี่ไม่สวะมากขนาดไหน
“ไอ้เหี้ย แกรู้ป่ะวะว่าแกไม่ควรจะมายุ่งกับคนของตระกูลหม่าของฉัน!แตะต้องคนของตระกูลหม่าของฉัน เท่ากับรนหาที่ตาย ต่อให้แกจะเก่งขนาดไหน ตระกูลหม่าของฉันก็จะจัดการแกให้สิ้นซาก!” หม่ากวางชาวมองฟางเหยียนอย่างโกรธแค้น
ฟางเหยียนจ้องหม่ากวางชาว เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่หันหลังไป ที่ประตูใหญ่
เมื่อเห็นดังนี้ หม่ากวางชาวจึงตะคอกออกมาทันใด “ขวางมันไว้ อย่าให้มันออกไปได้!”
ฟางเหยียนหันไปมองเขา แล้วกล่าว “ฉันไม่เคยคิดจะออกไปเลยนะ!แต่สามวินาทีได้ผ่านไปแล้ว!พวกแกไม่มีโอกาสได้ออกไปแล้วนะจ๊ะ” เมื่อพูดจบ ฟางเหยียนค่อยๆปิดประตู
เหตุการณ์นี้ทำให้หม่ากวางชาวโมโหจนหน้าเขียวหน้าแดง เขาเป็นคุณชายรองของตระกูลหม่า ตอนนี้จนมีนักบู๊กว่าสิบคนรุมเขาแค่คนเดียว นึกไม่ถึงว่าเขาจะยังโอหังได้ขนาดนี้ นี่มันไม่ให้เกียรติตระกูลหม่าเลยจริงๆนะเนี่ย
ด้วยเหตุนี้เขาจึงกัดฟัน แล้วตะคอก “ลงมือ สับมันให้แหลก!”
หลังจากที่คนเหล่านั้นได้รับคำสั่งแล้ว ทั้งหมดก็เอามีดพร้าที่เตรียมไว้ออกมา ผู้คนต่างพากันเข้าไปหาฟางเหยียนอย่างรวดเร็ว ฟางเหยียนเห็นผู้คนเข้ามา ก็แสดงสีหน้าสบายใจออกมา
หม่ากวางชาวเกลียดเป็นอย่างมาก ช่วงหลายวันมานี้ ตระกูลหม่าหยุดการกระทำทุกอย่าง ตั้งแต่วันนั้นที่ท่านหม่าออกจากตระกูลไปก็ไม่กลับมาอีกเลย ไม่มีการสั่งการของท่านหม่า ในช่วงหนึ่งเดือนมานี้ พวกเขาขาดทุนไปแล้วอย่างน้อยหลายร้อยล้าน แม้หลายร้อยล้านไม่สำคัญอะไรกับตระกูลหม่า แต่หม่ากวางชาวรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ!
คนภายนอกล้วนพูดกันว่าตระกูลหม่าของพวกเขานั้นขี้ขลาด ครั้งนี้เหยียบเข้ากับต่อเข้าให้แล้ว! คนอื่นฟังคำพูดแบบนี้ได้ แต่เขาทนฟังไม่ได้!ถ้าตระกูลหม่าเหยียบเข้ากับตอที่หนานหลิง งั้นก็จัดการเขาเสียสิ!
ผู้คนเหล่านั้นกำลังจะเข้าไปฆ่าฟางเหยียน มีดพร้าที่อยู่ในมือของพวกเขากำลังฟันไปที่หัวของฟางเหยียน เป็นการกระทำของการเอาชีวิต แต่ฟางเหยียนยังคงนิ่งเฉย มองไปที่หม่ากวางชาวอย่างสงบ
ในขณะที่มีดพร้าของผู้คนเหล่านั้นกำลังจะฟันไปบนหัวของฟางเหยียน จู่ๆก็มีคนหนึ่งมาจากนอกประตูด้วยความอาฆาต คนนั้นลอยผ่านวงล้อมเข้ามา แล้วเขาก็ตะคอกว่า “คนที่ทำร้ายจอมพลโผ้จวิน ตาย!”
เมื่อพูดจบ เขาก็ได้ปรากฏต่อหน้าของฟางเหยียน กำหมัดแล้วต่อยไปยังคนที่ถือมีดพร้าทีล่ะคน พวกที่อยู่ใกล้กับฟางเหยียนที่สุด ต่างพากันลอยออกไป
เหตุการณ์นี้ทำให้พวกนั้นที่กำลังจะลงมือตกใจไปตามๆกัน แต่ล่ะคนต่างพากันถอยหลังไป!
เทียนขุยโค้งคำนับ ยกมือเคารพฟางเหยียนแล้วกล่าว “ขอโทษครับ จอมพลโผ้จวิน ที่ผมมาช้า!”
“ไม่เป็นไร!”ฟางเหยียนยังคงท่าทางสบายใจเหมือนเดิม
จากนั้นเทียนขุยก็จ้องไปยังผู้คนที่อยู่ตรงหน้า แล้วถาม “พวกแกใช่มั้ยที่จะทำร้ายจอมพลโผ้จวินของเรา?”
เสียงของเทียนขุยมีพลังมาก เมื่อได้ยินก็ให้ความรู้สึกกดดัน ทำให้พวกนั้นต่างพากันถอยหลังไปหลายก้าว
หม่ากวางชาวแอบตกใจ ไอ้นี่ต้องเป็นการ์ดติดตัวของมันแน่นอน
ดูไปยังพวกนั้นที่กำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น ดูท่าทางแล้ว พวกเขาลุกไม่ขึ้นแล้ว ไม่ต้องคิดก็รู้ ว่าหมัดของเขาหนักขนาดไหน
แต่ในช่วงเวลาแบบนี้ หม่ากวางชาวจะถอยไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงกัดฟัน แล้วตะคอก “พวกแกกลัวอะไร?เข้าไปสิ สับพวกมันให้แหลก!มาหนึ่งฆ่าหนึ่ง มาสองฆ่าสอง เหล่าวีรบุรุษของตระกูลหม่า ไม่ก้มหัวให้ใครอยู่แล้ว”
ความรู้สึกนองเลือดแบบนี้ ทำให้เลือดของเทียนขุยสูบฉีด เมื่อเขานึกถึงความรู้สึกของการนองเลือด เมื่อได้ใช้สิบกว่าคนเพื่อหวนถึงอดีตได้ ก็ยังทำให้เขาสบายตัวได้อีกด้วย!
ฟางเหยียนเห็นความกระหายที่อยู่ในตาของเทียนขุย จึงได้กล่าวว่า “ลงมือ!จัดการพวกมันซะ ไม่ต้องถึงตาย”
“ครับ!” เทียนขุยพยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้น ร่างของเขาราวกับภูตผีที่วนอยู่ในสิบกว่าคนที่ถือมีดพร้านั้น ปังๆๆ ปังๆๆ ทุกหมัดของเขาต่อยไปทีล่ะคน ต่อยไปไม่กี่หมัด สิบกว่าคนที่ถือมีดพร้าไว้ล้วนนอนกับพื้นอย่างระเกะระกะ กอดตัวเองอย่างเจ็บปวดที่สุด
เทียนขุยเก็บหมัด มองไปยังผู้คนที่ล้มเป็นหน้ากอง ด้วยสีหน้ารังเกียจ
เขายังไม่ถึงอกถึงใจเลย นึกไม่ถึงว่าจะล้มทั้งหมดแล้ว มันชั่งแย่เกินไปเสียจริงๆ!