สองวันผ่านไป
วันนี้สำหรับตระกูลฟางแห่งเจียงตู เป็นวันมงคลที่ยิ่งใหญ่วันหนึ่ง เพราะให้เย่ชิงหยู่รู้เรื่องการแต่งงานของคุณชายตระกูลฟาง ฟางจินหยวนจงใจทำให้เรื่องนี้ดังไปทั่วประเทศหวา ถึงขึ้นทำให้เรื่องการแต่งงานของตระกูลฟางแห่งเจียงตูกับตระกูลตงฟางติดอันดับการค้นหา
แน่นอน ว่าตระกูลฟางไม่ได้โง่ถึงขึ้นพูดว่าฟางเหยียนคุณชายของตระกูลฟางกับคุณหนูของตระกูลตงฟางแต่งงานกัน แต่พูดอย่างคลุมเครือว่าคุณชายตระกูลฟางกับคุณหนูของตระกูลตงฟางแต่งงานกัน ดังนั้นคนอื่นที่เห็นข่าวลือก็ไม่รู้ว่าคุณชายคนไหนของตระกูลฟางแต่งงาน
ฟางจินหยวนเลยใช้จุดนี้ ปล่อยข่าวอย่างใหญ่โต เชิญคนในเจียงตูมาจำนวนไม่น้อย แน่นอน ผู้คนที่ได้รับเชิญจากตระกูลฟางล้วนเป็นคนใหญ่คนโตทั้งนั้น คนธรรมดาไม่มีสิทธิ์ได้รับเชิญมาที่นี่
คฤหาสน์ของตระกูลฟางได้ตกแต่งประดับประดาด้วยผ้าและโคมไฟสวยงาม ในบริเวณคฤหาสน์ของตระกูลฟางเต็มไปด้วยตัวอักษรความสุข จุดเดียวที่ไม่ได้ติดอักษรความสุขไว้ ก็คือที่ประตูมังกรสองบานนั้น
มังกรเป็นสัญลักษณ์ของประเทศหวามาโดยตลอด ไม่มีใครตั้งใจจะไปทำลายแกะสลักมังกรที่เหมือนมีชีวิตจริงสักคน
ตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงเช้า ตระกูลฟางครึกครื้นกว่าปกติ มีคนจำนวนมากมาร่วมอวยพร
ผู้ที่รับแขกไม่ใช่ฟางจินหยวน เขาไม่ไปรับแขกแน่นอน เรื่องนี้ลูกชายและคนรับใช้ปฏิบัติก็พอแล้ว เขาเป็นใคร ผู้นำของตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเจียงตูประเทศหวา ชื่อเสียงโด่งดัง ไม่ใช่คนธรรมดาจะพบปะได้?
ในใจของผู้คนฟางจินหยวนเป็นผู้ส่งศักดิ์ เหมือนเทพที่สูงส่ง แตะต้องไม่ได้
เขาในตอนนี้กำลังนั่งอยู่ที่ระเบียงหลังคาในบ้านของตัวเอง ระเบียงนี้สังเกตการณ์เห็นคฤหาสน์ทั้งหมดของตระกูลฟางได้! ใช่ สังเกตการณ์ บ้านของตระกูลฟางใหญ่มาก ทำได้เพียงยืนอยู่บนหลังคาที่สูงที่สุดจึงจะมองบ้านของตระกูลฟางได้ทั้งหมด
แต่ฟางจินหยวนไม่มีอารมณ์ดูคฤหาสน์ของตัวเอง แต่กำลังมองไปยังถนนเส้นนั้นที่ประตู
เขาไม่ดีใจ กลับกันกลับรู้สึกหนักใจ ไม่ใช่เพราะหลานชายตัวเองจะแต่งงานถึงหนักใจ แต่เพราะคนที่เขารอให้มาไม่มา เขาไม่รู้ว่าฟางเหยียนจะมาหรือไม่ แต่เขาหวังว่าฟางเหยียนจะมา
ถ้าฟางเหยียนมา นั่นหมายถึงเขาไม่รู้เรื่องของเย่ชิงหยู่ ถ้าเขาไม่มา นั่นก็ไม่แน่แล้วเหมือนกัน ที่ฟางจินหยวนให้เหล่าโจวไปทำแบบนั้น เขาก็รู้สึกกระวนกระวาย ไม่ใช่เพราะเขากลัวฟางเหยียน เพียงแต่ทนดูฟางเหยียนทำลายตระกูลของตัวเองไม่ได้ เขายอมที่จะให้ตระกูลของตัวเองถูกทำลายในมือของคนอื่น แต่ไม่ยอมถูกฟางเหยียนทำลาย
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เขาที่เดิมทีขมวดคิ้วอยู่แล้วก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักเข้าไปอีก สีหน้าก็บูดบึ้งยิ่งขึ้น
“คุณท่าน มีแขกมาถึงมากมายแล้ว ท่านจะลงไปดูมั้ยครับ?” เหล่าโจวเดินหลังค่อมมาที่ข้างกายของฟางจินหยวนแล้วถาม
ฟางจินหยวนถอนหายใจตอบรับ แล้วถาม “เสี่ยวเหยียนมาแล้วยัง?”
เหล่าโจวส่ายหน้าแล้วกล่าว “คุณชาย ยังไม่มาครับ”
“เฮ้อ!” ฟางเหยียนไม่ได้ตอบรับฟางจินหยวนในสาย แต่ฟางจินหยวนคิดว่าฟางเหยียนจะต้องมา และเขาก็หวังให้ฟางเหยียนมา เขาห่างจากความตายอีกไม่ไกลแล้ว ได้เห็นหลานชายของตนตอนมีชีวิตอยู่หลายๆครั้ง ใครไม่อยากบ้างล่ะ
“แกว่า เขาจะรู้เรื่องนั้นมั้ย? แกนึกย้อนกลับไปดูดีๆ ตอนนั้นคุณชายเห็นแกมั้ย หรือคนข้างๆกายของเขาเห็นแกบ้างหรือเปล่า” ฟางจินหยวนถามอย่างค่อนข้างกังวล
เหล่าโจวส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่ครับ คุณท่าน สบายใจได้ ผมมั่นใจมากว่าไม่มีคนเห็นแน่นอน”
“อืม!” ฟางจินหยวนพยักหน้า โบกมือแล้วกล่าว “แกลงไปก่อนล่ะกัน!”
เหล่าโจวตอบรับ จากนั้นก็ออกจากระเบียงไปอย่างเงียบๆ
ฟางจินหยวนหยิบมือถือขึ้นมา แล้วกดหาเบอร์ หน้าจอขึ้นเป็นชื่อฟางเหยียนสองคำนี้ เขาจ้องชื่อนี้อยู่สักพักใหญ่ ชะงักไม่กล้ากดโทรออก
ทุกครั้งที่จะโทรหาฟางเหยียน เขาต้องรวบรวมความกล้าถึงจะกล้าโทร ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ในตอนที่เขากำลังลังเลอยู่นั้น ทันใดนั้นมือถือก็มีเสียงกริ๊งๆๆสั่นดังขึ้น เขาเห็นบนหน้าจอปรากฏเป็นสองคำ ฟางฟัง ด้วยเหตุนี้เขาจึงรับสาย เพิ่งรับสาย ฟางฟังก็ตะโกนอย่างดีใจออกมา “คุณปู่ คุณปู่ พี่เหยียนมาแล้ว คุณปู่รีบดูที่ประตูเร็ว”
สายตาของฟางจินหยวนรีบมองไปที่ประตูใหญ่ และแล้ว ที่ถนนเส้นนั้นมีรถหงฉีคันหนึ่งค่อยๆขับเข้ามา
ฟางจินหยวนตื่นเต้นจนรีบกล่าวว่า “โอเคๆๆ ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้ ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้”
เมื่อพูดจบเขาก็รีบไปที่ประตูอย่างตื่นเต้น เมื่อแขกที่มาร่วมอวยพรจำนวนมากในห้องโถงเห็นฟางจินหยวน ต่างเตรียมตัวทักทาย แต่ฟางจินหยวนไม่สนใจใครสักคน รีบเดินไปยังประตูอย่างลับๆล่อๆ
ให้ฟางฟังที่ผมสั้นรออยู่ที่ประตู นี่เป็นการนัดแนะระหว่างปู่กับหลาน คนอื่นต้อนรับแขก พวกเขารอฟางเหยียน ฟางเหยียนมีความสำคัญที่แตกต่างกันออกไป สำหรับสองคนนี้
ฟางจินหยวนรู้สึกผิดต่อฟางเหยียน เขารู้สึกทำผิดต่อหลานชายคนนี้ สุขภาพในตอนนี้ของเขา อายุปูนนี้เห็นฟางเหยียนครั้งหนึ่งอายุก็ลดไปเรื่อยๆ เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะเห็นหลานชายได้อีกกี่ครั้ง ไม่ว่าฟางเหยียนจะคิดกับเขาอย่างไร เกลียดเขายังไง เขาก็อยากเจอฟางเหยียนอยู่ดี
ส่วนฟางฟังเห็นใจฟางเหยียน ต่อให้ฟางเหยียนมีอำนาจมหาศาล พูดได้ว่ากุมอำนาจไว้ทั้งหมด แต่การที่จะมาถึงจุดนี้ได้ ไม่รู้ว่าต้องผ่านเรื่องที่น่ากลัวมามากมายเท่าไหร่ และต้องอดทนมากมายขนาดไหนก็จะได้มันมา ยิ่งไปกว่านั้นเขาเพิ่งจะยี่สิบห้าปี คนหนึ่งที่อายุมากกว่าตัวเองแค่ไม่กี่ปีต้องรับผิดชอบมากมายขาดนั้น ประสบการณ์แบบนี้มันช่างน่าเห็นใจจริงๆ!
นาทีนี้ รถหงฉีได้มาจอดอยู่ที่ประตู ฟางเหยียนไม่พูดพร่ำทำเพลง นี่เป็นครั้งที่สองที่มาตระกูลฟาง
เขาเปิดประตูรถ แล้วเดินลงมา
แว็บนั้นที่เห็นฟางเหยียน ใบหน้าอันเหี่ยวย่นของฟางจินหยวน ได้ยิ้มออกมาอย่างดูไม่ดีแล้วกล่าว “เสี่ยวเหยียน มาสักที ฉันคิดว่าแกจะไม่มาเสียแล้ว”
“พี่เหยียน!” ฟางฟังจ้องฟางเหยียน ด้วยแววตาตกใจ
“พี่เหยียน วันนี้เป็นวันมงคลของพี่เหมี่ยว ทำไม…ทำไมพี่แต่งตัวแบบนี้ล่ะ? นี่เป็นชุดที่พี่ใส่มาครั้งที่แล้วมั้ย? ทำไมพี่ถึงไม่เปลี่ยนชุดบ้างล่ะ” พูดพลาง ฟางฟังก็มาอยู่ตรงหน้าขอฟางเหยียน ยกมือขึ้นมาจับมือของฟางเหยียน ใบหน้าของเธอปรากฏรอยยิ้มหวานออกมา ดูๆแล้วเป็นเด็กสาวที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาคนหนึ่งจริงๆ
ฟางเหยียนมองฟางฟัง พบว่าแววตาของเธอสดใสมาก ไม่ถูกสิ่งภายนอกแปดเปื้อน แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ฟางเหยียนยิ่งห่อเหี่ยวใจ ทุกคนล้วนเป็นญาติพี่น้องกัน ทำไมต่างกันมากขนาดนั้นล่ะ
ฟางฟังจะเข้าใจความคิดของฟางเหยียนได้อย่างไรกัน หลังจากที่เธอจับมือของฟางเหยียนแล้ว ได้กล่าวอย่างสบายๆว่า “แต่ก็ไม่เป็นไร ฉันเตรียมชุดพิธีการที่ดูดีมากให้พี่ไว้แล้ว มาเร็ว เดี๋ยวฉันจะพาพี่ไปเปลี่ยนชุด!”
ฟางเหยียนสะบัดมือของฟางฟังอย่างเด็ดเดี่ยว มองไปที่ฟางจินหยวนด้วยสีหน้าเลือดเย็น ไม่พูดไม่จา เดินเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลฟาง เทียนขุยก็ตามหลังไป เหลือไว้เพียงปู่กับหลานสองคนที่กำลังอับอาย