หลงต้าเป่า คนใหญ่คนโตที่มีชื่อเสียงของเจียงตู เจ้าของภัตตาคารหลายร้อยแห่ง เป็นคนที่มีภูมิหลังภูมิหลังในสังคมมืดมากๆคนหนึ่ง พูดให้ถูกก็คือ เขาก็คือหัวหน้าของสังคมมืด สถานะนี้ทุกคนล้วนทราบดี เขาเพียงแค่ใช้ร้านอาหารปกปิดตัวตนของเขาเท่านั้น
เห็นท่าทางชายร่างใหญ่คนนั้นเหมือนจะขยับแต่ก็ไม่ขยับ ลูกชายของหลงต้าเป่าคิดว่าเขาถูกทำให้ตกใจแล้ว ต่อจากนั้นจึงพูดว่า “อย่ายุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่องให้มากนัก ตอนที่ฉันทำธุระ ที่เกลียดที่สุดก็คือเจอคนแบบนายที่คิดว่าตัวเองถูก….”
คำพูดยังเอ่ยไม่จบ เทียนขุยก็ยกมือขึ้นมาคว้าคอของเขาเอาไว้ ทำให้คำพูดของเขาติดอยู่ในลำคอ เทียนขุยก็คร้านจะสนใจว่าพ่อของเขาเป็นใคร กล้ามาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าตนเอง นั่นก็คือหาเรื่องตาย
อย่างช้าๆ ร่างของเขาก็ถูกเทียนขุยยกขึ้นมา สีหน้าของเขาแดงขึ้น ทั้งตัวคนก็ดิ้นรนราวกับไก่ตัวน้อย ฉากนี้ทำให้หญิงสาวทั้งสามคนตกใจจนกรีดร้องออกมา เทียนขุยจ้องเขม็งไปที่ดวงตาของชายหนุ่มเอ่ยว่า “ให้นายสองทางเลือก หยิบเงินแล้วไสหัวไป! หรือว่าจะตายอยู่ที่นี่ หลังจากนั้นพ่อนายมาเก็บศพของนาย!”
เขาร้องอืออา เทียนขุยคลายนิ้วทั้งห้า พอคลายมือแล้ว ทั้งตัวของเขาก็หล่นจากมือของเทียนขุยตกลงมา หลังจากตกลงพื้นแล้ว เขาก็นั่งลงบนพื้น จากนั้นเขาก็จ้องมองเทียนขุยอย่างตกตะลึงถึงขีดสุด
เทียนขุยมองลงมาที่เขาจากที่สูง เอ่ยว่า “โปรดเลือกทางเลือกของนายมา!”
“นาย นายๆๆ นายไม่รู้ว่าพ่อของฉันเป็นใครหรือ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน
สีหน้าของเทียนขุยเคร่งขรึมขึ้นมาอีกครั้ง เขาเอ่ยอย่างเงียบขรึมน่ากลัวว่า “ฉันไม่สนว่าพ่อของนายจะเป็นใคร วันนี้ต่อให้ปู่ของนายมาแล้ว นายก็ต้องเลือกมาทางเลือกหนึ่ง!”
เห็นสีหน้าเผด็จการของเทียนขุย เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพียงแค่ยื่นมือสั่นๆออกไปหยิบเงินบนพื้น จากนั้นก็มองเทียนขุยอย่างระมัดระวังรอบหนึ่ง วิ่งล้มลุกคลุกคลานจากไป
เขาไม่รู้การต่อสู้อะไร แต่ว่าตอนที่เห็นดวงตาของเทียนขุยนั้น เขาก็รู้สึกว่าหัวใจมีความหวาดกลัว ทั่วร่างขนพองสยองเกล้า
อย่างไรก็เป็นนักรบที่สังหารคนมามากมาย ถ้าแม้แต่กลิ่นอายเหี้ยมโหดบนร่างทำให้คนธรรมดาตกใจไม่ได้ เช่นนั้นก็เป็นการดูถูกตนเองแล้ว
คนเพิ่งจากไป ชายชราก็ก้มลง หยิบเงินเหรียญทองแดงของตัวเองขึ้นมา เอ่ยว่า “คนสมัยนี้นะ ไม่รู้จริงๆว่าเงินนี่หามาได้ยากมากขนาดไหน!”
ทางหนึ่งเอ่ยพูด ทางหนึ่งเขาก็เอาเงินเหรียญนั้นยัดลงไปในกระเป๋าเสื้อ ต่อจากนั้นก็เอ่ยกับเทียนขุยว่า “นายว่าไหม? น้องชาย”
เทียนขุยไม่ได้เอ่ยคำ เพียงแค่หมุนตัวกลับไปมองทางฟางเหยียน
ฟางเหยียนไม่ได้คิดที่จะอยู่ต่อ แล้วก็ไม่ได้มากชายชราสักครั้งเดียว ก้าวเท้าเดินจากไป
พวกเขาเพิ่งเดินเป็นระยะทางกว่าสิบเมตร มือข้างหนึ่งก็พลันวางบนไหล่ของฟางเหยียน เขาหมุนตัวกลับไปมองรอบหนึ่ง ก็มองเห็นชายชราตาบอดคนนั้นเข้าพอดี ชายชราหัวเราะแหะๆเอ่ยว่า “น้องชาย นายอยากซื้อมีดไหม?”
ท่าทางที่ชายชรายิ้มขึ้นมาไม่น่ามองอย่างมาก รอยย่นบนใบหน้าทั้งหมดยับยู่เข้าด้วยกัน เผยฟันสีเหลืองของเขาออกมา
ฟางเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยอย่างเยียบเย็นว่า “ไม่ซื้อ!”
ชายชราส่ายหน้า จากนั้นก็หยิบมีดที่สนิมขึ้นเขรอะขึ้นมาเล่มหนึ่ง เอ่ยว่า “ไม่ นายต้องการมีดเล่มหนึ่ง!”
เทียนขุยชะงักไปเล็กน้อย นี่คือต้องการบังคับซื้อขายหรือ? เมื่อครู่ตนเองนั้นเพิ่งจะช่วยเขา เขาไร้ยางอายขนาดนี้ได้ยังไง คิดมาถึงตรงนี้ เขาเดินขึ้นมาขวางอยู่ด้านหน้าของฟางเหยียน เอ่ยอย่างผ่าเผยว่า “จอมพลโผ้จวินพูดแล้ว ไม่ต้องการ รีบไปซะ!”
ชายชรากะพริบตาฝ้าฟาง หัวเราะเหอะๆเอ่ยว่า “นายไม่ต้องการ แต่ว่าเขาต้องการ”
คิ้วของเทียนขุยขมวดเข้าหากัน ตะโกนว่า “จอมพลโผ้จวินพูดแล้วว่าไม่ต้องการก็คือไม่ต้องการ รีบไสหัวไป!”
“ฉันบอกว่าเขาต้องการ! อีกทั้งมีแค่เขา ที่คู่ควรกับมีดของฉัน นายไม่คู่ควร” ชายชราพูดอย่างหนักแน่น ไม่ให้หน้าเทียนขุยเลยแม้แต่น้อยนิด
เทียนขุยเป็นใคร? พลโทของประเทศหวา นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักเจ็ดพิฆาต สังหารศัตรูนับไม่ถ้วน มีดผุๆเช่นนี้ เขาถึงกับพูดว่าตนเองไม่คู่ควร นี่เป็นการดูถูกตนเองอย่างโจ่งแจ้ง นี่คือการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเทียนขุย เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของสำนักเจ็ดพิฆาตนะ! ได้ยินคำพูดนี้ เทียนขุยก็โมโหขึ้นมาทันที ใบหน้าของเขากระตุกครั้งหนึ่ง เอ่ยว่า “เจ้าแก่ ฉันเห็นแก่ที่นายเป็นคนตาบอดคนหนึ่งถึงได้ลงมือช่วยเหลือนาย ช่วยนายแล้วไม่ต้องการให้นายขอบคุณก็พอแล้ว นายทำไมถึงยังเอ่ยคำพูดทำร้ายผู้คนนะ?”
ชายชรายังคงพูดอย่างสบายๆ “ที่ฉันพูดก็แค่เรื่องจริง! นายไม่คู่ควรกับมีดของฉันจริงๆ”
“บัดซบ!” เทียนขุยโกรธขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว เขาค่อนข้างทนไม่ไหวที่จะระเบิดถ้อยคำหยาบคาย เขากัดฟันเอ่ยว่า “รู้แต่แรกฉันคงไม่ลงมือช่วยนายแล้ว ให้ไอ้หมอนั่นจัดการเจ้าแก่ที่น่าตายอย่างนายให้โหดเหี้ยมสักหน่อย!”
“ฮ่าๆ!” ชายชราสีหน้าลำพองใจเอ่ยว่า “ฉันไม่เคยพูดว่าต้องการให้นายช่วย ใครใช้ให้นายยุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่องล่ะ?”
คำพูดเหล่านี้แทบจะทำให้เทียนขุยกระอักเลือดออกมา นี่คือคนที่เขาช่วยนะ ช่วยเขา เขาไม่รู้จักพูดของคุณก็ช่างเถอะ ถึงกับยังเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา นี่เรียกว่าอะไร? หมากัดลู่ตงปินไม่รู้จักคนดีน่ะสิ!
ถ้าไม่เห็นแกฐานะที่เขาเป็นชายชราตาบอด เทียนขุยคงลงมือจัดการเจ้าแก่นี่ไปนานแล้ว
“ประสาท!” เทียนขุยหมุนตัวกลับไปเอ่ยกับฟางเหยียน “จอมพลโผ้จวิน พวกเราไปเถอะ อย่าไปสนใจเจ้าแก่นี่!”
ชายชราหัวเราะเสียงดัง เอ่ยว่า “วันนี้ ถ้าพวกนายไม่ซื้อมีดของฉัน พวกนายก็ไปไหนไม่ได้จริงๆแล้ว!”
เทียนขุยกำหมัดแน่น หรี่ตาลงเอ่ยว่า “เจ้าแก่ นายรู้หรือไม่ว่าพวกเราเป็นใคร? ในแผ่นดินประเทศหวาทั้งหมดนี้ พวกเราอยากไปก็ไป อยากอยู่ก็อยู่ ยังไม่เคยมีใครกล้าพูดแบบนี้กับพวกเรามาก่อน ท่านนี้เป็นพลตรีของประเทศหวา ราชาแห่งพรมแดน!”
ชายชราตาบอดยังคงมีท่าทางสบายๆเช่นนั้น เขาเอ่ยอย่างไม่สนใจว่า “ฉันไม่สนว่าพวกนายเป็นใคร วันนี้ถ้าพวกนายไม่ซื้อมีดของฉัน ก็อย่าได้คิดจะไปเลย!”
บังคับซื้อขาย นี่ต่างกับการปล้นตรงไหน? เทียนขุยยังไม่เคยพบเจอคนเช่นนี้มาก่อน ชายชราตรงหน้าพูดจามีความมั่นใจเช่นนี้! แตกต่างจากชายชราตาบอดที่น่าสงสารในตอนนั้นอย่างสิ้นเชิง!
แต่ว่าเขาสนใจเรื่องมากมายนั่นที่ไหนกัน ส่งเสียงเหอะออกมาอย่างเย็นชา เอ่ยว่า “พวกเราจะไป นายคิดว่าด้วยตัวนายจะขวางได้หรือ?”
เอ่ยจบ เทียนขุยก็เดินไปทางชายชราอย่างแข็งกร้าว แต่ว่าเพิ่งจะเดินได้สองก้าว เขาก็หยุดก้าวเดินโดยไม่รู้ตัว เพราะว่าด้านหน้ามีพลังแรงกล้าสายหนึ่งขวางเขาไว้ นั่นก็เหมือนกับกำแพงที่สายหนึ่งที่ขวางอยู่ด้านหน้าตนเอง ไม่ว่าเขาจะออกแรงอย่างไร ก็ไร้หนทางที่จะเดินต่อไป
เทียนขุยอดไม่ได้ที่จะสำรวจชายชราอีกครั้ง ข้างบนลงล่างสำรวจอย่างละเอียด
เขาไม่มีอะไรพิเศษ ก็เป็นชายชราธรรมดาที่ไม่อาจจะธรรมดาไปได้มากกว่านี้แล้ว ในมือถือมีดผุๆเอาไว้ ใบหน้าสงบ เอียงศีรษะเป็นครั้งคราว ราวกับว่ากำลังฟังสถานการณ์ด้านนอก
ในใจของเทียนขุยเกิดความสงสัย เป็นเขาที่ทำหรือ? ไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร?
คิดมาถึงตรงนี้ เทียนขุยกำหมัดแน่น บนกำปั้นปล่อยเปลวไฟลุกโชนออกมา เขาลองพยายามที่จะต่อสู้กับกำแพงอากาศนี้ แต่ทว่า เขายังไม่ทันได้ปล่อยหมัดออกไป เขาก็รู้สึกว่าหมัดทั้งคู่ของเขาไม่สามารถขยับได้แล้ว
ต่อมาเขาคิดจะถอยไปด้านหลัง แต่ทันทีที่เขาขยับเท้า เท้าของเขาก็ขยับไม่ได้แล้ว ก็เหมือนกับว่าถูกตรึงคาถาบางอย่างทำให้ขยับร่างไม่ได้ นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ทำไมแม้แต่ตนเองก็ไม่อาจใช้ความสามารถได้