ฟางไห่อิงกุมใบหน้าของตนเองไว้ เธอพยายามปิดบังรอยแผลบนใบหน้า อ้อมๆแอ้มๆยังไม่ทันจะพูดอะไร กาวหรงก็พูดอย่างโกรธเคืองว่า “ดีนี่ ฟางไห่อิง คุณเองก็เห็นแล้วใช่ไหม? ตอนนี้ฉันจะคอยดูว่าคุณจะแก้ตัวว่ายังไง? คุณมันนางแพศยา ฉันรู้ตื้นลึกหนาบางทั้งหมดตั้งนานแล้ว ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเรียกชู้รักให้มาทำร้ายฉัน!”
“เพี๊ยะ!” ฟางเหยียนตบที่ใบหน้าของกาวหรง พร้อมกับกล่าวเสียงเย็น “ฉันไม่ได้ถามนาย! แล้วก็ยังไม่ได้ขอให้นายพูด ดีที่สุดช่วยหุบปากอย่างเชื่อฟัง!”
ตบฝ่ามือเดียว ทำให้ฟันของกาวหรงหลุดลอยออกมาสองซี่ พร้อมกับเสียงดังหึ่งๆในหัว ความรู้สึกเหมือนเนื้อที่ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ตั้งแต่เด็กจนโตกาวหรงไม่เคยเจอความเจ็บปวดแบบนี้มาก่อน !
กาวหรงยกมือขึ้นมากุมที่มุมปาก ตอนนี้ เขาชาไปทั้งหน้า เขารู้สึกว่านั่นไม่ใช่หน้าของตัวเอง แต่เป็นเปลือกไม้เก่าๆ! ตอนที่เขายกมือขึ้นแตะแก้มมันยังมีของเหลวอุ่นๆ ไหลออกมาอยู่เลย เขายกมือขึ้นมาดู เลือด นึกไม่ถึงว่ามันจะเป็นเลือด!
ดวงตาของกาวหรงเบิกกว้าง กล้ามเนื้อทั้งร่างของเขากระตุกเกร็งขึ้นมา
“มันตบคุณอา?” หัวใจของฟางเหยียนสั่นสะท้าน เขารู้สึกว่าหัวใจของตัวเองมีบาดแผลฉกรรจ์ นี่คืออาของเขา หนึ่งในญาติไม่กี่คนในใจของเขา คนที่พาเขาออกจากบ้านตระกูลฟาง คนที่คอยดูแลเขาหลังจากที่พ่อแม่เขาเสียชีวิต
เขา เขาจะอนุญาตให้คนมาตบตีอาของเขาได้อย่างไร ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นอาเขยของเขา ก็ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้!
ฟางไห่อิงมองฟางเหยียนที่น่ากลัว ปิดใบหน้า แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอไม่ได้กลัวฟางเหยียน เธอรู้สึกแย่ต่อฟางเหยียนมาก เขาในวัยนี้ ควรจะเล่นสนุกและสบาย แต่กลับต้องมาเผชิญกับทุกสิ่งที่ไม่ควรเผชิญ! ขณะที่กำลังทุกข์ใจ เขาก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นอีกครั้ง นี่คือความห่วงใยจากคนที่โตแล้ว เด็กคนนี้โตแล้ว
เสียงหึ่งๆในหัวของกาวกรงสงบลงแล้ว และสติของเขาก็ค่อย ๆ ฟื้นคืน เขายกมือขึ้นมาเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก พูดด้วยความโกรธแค้น “แก แกตบฉัน แกกล้าตบฉัน! ไอชั่ว นอนกับเมียฉันยังพอรับได้ แต่นี่แกยังกล้า…”
“เพี๊ยะ!” ฟางเหยียนง้างมือตบอย่างแรงอีกครั้ง ตบคราวนี้ทำให้กาวหรงหุบปากได้ในทันที ตบแรงเสียจนฟางไห่อิงตัวสั่นอย่างอดไม่ได้ รุนแรง และโหดร้ายเกินไป การตบแบบนี้แรงกว่าการใช้ไม้เท้าเสียอีก ไม่ได้พูดเกินจริง ใบหน้าของกาวหรงถูกตบจนเบี้ยว มันบิดเบี้ยวจริง ๆ!
“เสี่ยวเหยียน!” ฟางไห่อิงกลัวจนปิดปากตัวเองไว้แน่น พร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความกังวล เธอไม่ได้กังวลที่ฟางเหยียนตบกาวหรง แต่กังวลว่าฟางเหยียนจะถูกกาวหรงแก้แค้น กาวหรงคนนี้ถึงแม้จะดูอ่อนน้อมถ่อมตนแบบนี้ แต่กลับเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น
อยู่ด้วยกันมานาน เธอรู้จักกาวหรงเป็นอย่างดี คนเหล่านั้นที่แตะต้องผลประโยชน์ของเขา เขาจะต้องตามล้างแค้นอย่างแน่นอน เขาไม่ชอบเล่นอย่างเปิดเผย เขาชอบเล่นในความมืด นี่เป็นเหตุผลที่เธอกังวลเกี่ยวกับฟางเหยียน
เธอยังไม่ทันที่จะทำอะไร ฟางเหยียนก็เปิดประตูรถ และคว้าคอของกาวหรง แววตาของฟางเหยียนในตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นสีแดงอีกทั้งเป็นประกาย เขากลายเป็นเหมือนสัตว์ร้าย ตะโกนอย่างโกรธแค้นใส่กาวหรง “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นสามีของป้าฉันอีกต่อไป กลับบ้านไปรอดูได้เลย ตระกูลกาวของพวกนาย จบเห่แล้ว!”
คำพูดของฟางเหยียนเยือกเย็นมาก เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง มันทำให้ฟางไห่อิงขนลุกไปทั้งตัว !
พูดจบ เขาก็เหวี่ยงร่างของกาวหรงออกไปราวกับลูกไก่ตัวเล็กๆ
กาวหรงถูกทิ้งอยู่บนถนน ในหัวของเขายังมีเสียงหึ่งๆอยู่เลย และแก้มของเขาก็ยังชาอยู่
ฟางเหยียนเดินไปที่อีกด้านหนึ่งของประตูรถ เขาเปิดประตู มองฟางไห่อิงแล้วพูดว่า “อา ไปกับผม!”
พูดจบ ฟางเหยียนก็ยื่นมือเป็นการบอกให้ฟางไห่อิงจับ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ฟางไห่อิงก็เอื้อมมือไปจับมือเย็นของฟางเหยียน มือของฟางเหยียนไม่อุ่น แต่กลับสามารถทำให้ฟางไห่อิงรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอเดินตามฟางเหยียนออกจากรถรถเบนซ์คันนี้ เหตุผลเพราะเธอผิดหวังในตัวของกาวหรงจริง ๆ
หลังจากที่เข้ามาในรถหงฉีของฟางเหยียนแล้ว น้ำตาของฟางไห่อิงก็ไหลออกมายกใหญ่ ฟางเหยียนยกมือกอดอาของเขาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ฟางไห่อิงเองก็ถือโอกาสนี้พิงศีรษะเข้ากับอกแกร่งของฟางเหยียน
เทียนขุยสตาร์ทรถ แล้วเริ่มขับไปบนถนน ฟางไห่อิงอยู่ในอ้อมกอดของฟางเหยียน ค่อยๆเปลี่ยนจากการสะอึกอื้นเป็นร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล
ผ่านไปสักพัก เสียงสะอื้นก็สงบลง เธอมองฟางเหยียนแล้วพูดว่า “เสี่ยวเหยียน ไม่อย่างนั้นเธอรีบไปเถอะ! กาวหรงเขาร้ายกาจมาก เขาต้องให้คนมาแก้แค้นเธอแน่”
ฟางเหยียนพูดอย่างสงบนิ่ง “ไม่เป็นไร!”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็มองตาของฟางไห่อิง พูดทีละคำว่า “อา เชื่อผมสิ!”
สี่คำ ที่ลึกซึ้งมาก ไม่รู้ว่าทำไม ฟางไห่อิงที่กังวลในตอนแรก ในตอนนี้กลับไม่กังวลแล้ว เธอยังมีเรื่องอะไรที่ต้องกังวลอีก? นี่คือใคร? ฟางเหยียน! ต่อสู้ชนะขวังซือบุคคลในตำนานแห่งตระกูลฟาง
ฟางเหยียนจะกลัวกาวหรงได้อย่างไรกัน เมื่อคิดเช่นนี้ ความทุกข์ในใจของฟางไห่อิงก็เบาลง
เธอยกมือขึ้นมาและใช้นิ้วลูบแก้มของหลานชาย ใบหน้าเย็น ไร้ร่องรอยอุณหภูมิ หลังจากที่มือของฟางไห่อิงสัมผัสลงบนใบหน้าของอีกฝ่าย เธอก็ถอยมือกลับอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวเหยียน ทำไมหน้าเธอเย็นแบบนี้?”
ฟางเหยียนส่งเสียงอ๋อ แล้วกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ผมได้รับบาดเจ็บที่กองทัพ แต่มันดีขึ้นมากแล้ว!”
“รุนแรงไหม?” ฟางไห่อิงถามด้วยความกังวล
ฟางเหยียนหัวเราะและส่ายหน้า ก่อนจะพูดว่า “ไม่มีปัญหา แผลเล็กๆ”
ฟางไห่อิงไม่ถามอะไรอีก เธอเงียบไปสักพัก หลังจากผ่านไปนาน ดูเหมือนเธอจะคิดอะไรบางอย่างออก “เสี่ยวเหยียน มีบางอย่างที่อาไม่ควรบอกให้เธอรู้ แต่ตอนนี้เธอโตแล้ว อาสามารถระบายความในใจกับเธอได้แล้ว ”
“แต่ก่อนอาเคยมีแฟน เขาเป็นคนดินแดนตะวันตก เขาดีกับอามาก! แล้วก็หล่อมากด้วย สมัยเรียนมหาวิทยาลัย พวกเราถือเป็นพวกเด็กหนุ่มสาวที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา! หลังจากเรียนจบ เขาก็มาตระกูลของพวกเราเอ่ยเรื่องสู่ขอ แต่ถูกคุณปู่ของเธอปฏิเสธไป เขาบอกว่าฉันมีคู่หมายอยู่แล้ว กับเขานั้นไม่มีทางเป็นไปได้ บ้านของพวกเขาอยู่ที่ดินแดนตะวันตกก็นับว่าเป็นตระกูลที่ไม่เลวประเภทนั้น ที่บ้านมีเงิน ถึงแม้จะไม่ถึงตระกูลระดับสูงสุด แต่ว่าก็ไม่แย่ ตอนนั้นใจคุณปู่ของเธออยากทำธุรกิจเหมืองแร่ จึงให้ฉันแต่งกับอาเขยในตอนนี้ของเธอ ตอนนั้นก็ตกตะลึงสั่นสะเทือนไปทั้งเจียงตู ต่างพูดกันว่าฉันและอาเขยของเธอเป็นผักกาดขาวที่ถูกหมูกิน ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้น แต่หลังจากนั้น ฉันค่อยๆพบว่าอาเขยของเธอก็เป็นคนดี เขาดีกับฉันมาก เชื่อฟังฉัน ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ ฉันคิดว่ามันเพียงพอแล้วที่ในชีวิตได้เจอคนแบบนี้ ฉันเองก็ยอมรับกับชะตากรรมแบบนี้ ถึงแม้ว่าข้างนอกจะพูดกันว่าอาเขยของเธอเป็นยังไงแต่ฉันก็ไม่สนใจ ”
“ตอนนี้ฉันเคยชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้แล้ว อาเขยของเธอกลับค่อยๆ เปลี่ยนไป ฉันไม่รู้ว่าทำไมช่วงปีนี้ถึงได้กลายเป็นคนขี้ระแวงไปได้ ฉันสงสัยมาตลอดว่าไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ มีครั้งหนึ่งเขาไม่คุยกับฉันเลยทั้งอาทิตย์ บางครั้งก็ไปอยู่ข้างนอกเป็นเดือน ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะลงไม้ลงมือกับฉัน เรื่องนี้ฉันก็อยากบอกคุณปู่ แต่ว่าเขาแก่แล้ว ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ดังนั้นฉันเลยแสร้งทำเป็นว่าพวกเรายังดีกันอยู่เพื่อให้คุณปู่สบายใจ”
ฟางเหยียนกอดฟางไห่อิง เอ่ยว่า “อาวางใจ คุณอา เขาจะต้องได้ชดใช้สำหรับครั้งนี้แน่!”