คฤหาสน์ของกาวหรง
บ้านของกาวหรงมีอยู่ด้วยกันสามหลัง คฤหาสน์ทั้งสามอยู่ติดกัน เป็นอาคารสไตล์ตะวันตกสามชั้น เดิมทีสามหลังนี้แยกขาย แต่หลังจากที่ถูกกาวหรงซื้อไว้หมดแล้ว เขาก็รวมมันเข้าไว้ด้วยกัน ดูจากกำแพงรอบๆแล้วใหญ่มาก คฤหาสน์สามหลังตระหง่าน ทำให้คนรู้สึกเบิกบานผ่อนคลาย ยังไงก็เป็นบ้านของคนรวย ถ้าไม่มีสไตล์สักหน่อย ก็จะไม่คู่ควรกับกาวหรงจริงๆ ขณะนี้ กาวหรงได้กลับมาถึงบ้านแล้ว เขาโมโหจนควันออกหู
ถูกคนทำร้าย นึกไม่ถึงว่าเขาจะถูกคนทำร้ายได้ ไอ้นั่นมีอะไรกับภรรยาของเขา แล้วยังทำร้ายเขาอีก!
เขาลูบหน้าที่ทั้งแกงทั้งบวมของตัวเอง เจ็บ เจ็บเหมือนเมื่อกี๊เลย ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสทำให้ตึงเครียด
“เย็ดแม่!” กาวหรงยกขาขึ้นมาถีบเก้าอี้ คนขับรถคนนั้นตามหลังเขามา ได้หยิบเก้าอี้ขึ้นอย่างระมัดระวัง แล้วถาม “เจ้านายครับ ให้ผมตรวจสอบตัวตนของคนนั้นมั้ยครับ?”
“ตรวจสอบเหี้ยไรล่ะ! มึงเห็นหรือยังผมกูเป็นยังไง สีเขียว เขียวจนเหมือนทุ่งหญ้าไปแล้ว กูแม่ง กูแม่งอยากฆ่าคน ตอนนี้ บัดนี้ เดี๋ยวนี้รวบรวมคนมา กูจะไปฆ่ามัน!” กาวหรงตะคอกอย่างโมโห หนวดที่อยู่บนริมฝีปากบนขยับไปมา
เมื่อคนขับรถฟังจบ ก็สงสัยไปสักพัก แล้วกล่าว “เจ้านายครับ ผมรู้สึกว่าคนนี้กับคุณนายไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่นะครับ! ตรวจสอบตัวตนของมันสักหน่อยดีกว่านะครับ เผื่อ…”
“เผื่อเหี้ยไรล่ะ! สวมเขากู ต่อให้มันเป็นพระเจ้า กูก็จะฆ่ามัน!” กาวหรงตะคอกอย่างระเบิดลงอย่างหาที่เปรียบมิได้ พอตะคอก ปากก็เริ่มเจ็บขึ้นมา เขาจึงยกมือขึ้นมาลูบโดยปริยาย
จากนั้นก็ตะโกนใส่คนขับรถว่า “ยังจะแข็งทื่ออยู่ทำไม? รีบโทรให้กูสิวะ!”
คนขับรถรีบตอบ “ครับๆๆ!”
จากนั้นก็กดโทรออก ไม่นาน มีคนที่ถืออาวุธจำนวนมากรวมตัวกันรอบๆกำแพงด้านใน คนพวกนี้บ้างก็เป็นนักพรต บ้างก็การ์ดที่ได้รับการฝึกฝนมาแล้ว และบ้างก็ทำงานที่ตระกูลกาว
ผ่านไปยี่สิบนาที ฟางเหยียนมาถึงเขตคฤหาสน์ตระกูลกาว ขณะนี้เป็นเวลาพลบค่ำ แสงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า สาดส่องไปยังประตูเหล็กของตระกูลกาวโดยตรง สาดส่องไปที่ดวงไฟกลมๆพอดี ดวงไฟกลมๆเปล่งแสงไฟอ่อนๆออกมา และสาดส่องไปที่ใบหน้าของฟางเหยียนพอดี
เขามองไปที่ประตูเหล็กนั้น จากนั้นก็ปริปากออก “ไปกันเถอะ!เทียนขุย”
เทียนขุยตอบกลับ จากนั้นก็เปิดประตูรถเดินลงไป
พวกเขาไม่ได้สังเกต ว่ามีรถเฟอร์รารี่สีแดงสีแดงคันหนึ่งอยู่ด้านหลังของพวกเรา ในขณะที่รถของพวกเขาจอดอยู่ที่ประตูบ้านของกาวหรง รถเฟอร์รารี่สีแดงคนนั้นก็จอดห่างออกไปไม่ไกล
วัยรุ่นคนหนึ่งนั่งฝ่ายคนขับรถเฟอร์รารี่ วัยรุ่นคนนี้ทรงผมเนี้ยบ ในมือถือบุหรี่ไว้ สายตาจับจ้องไปที่แผ่นหลังของฟางเหยียนและเทียนขุย
ข้างๆวัยรุ่นผู้ชายมีชายร่างกำยำที่สวมใส่แว่นกันแดดนั่งอยู่ บนแขนของชายร่างกำยำมีรอยสัก หน้ารูปทรงเหลี่ยม สี่สิบกว่าปี ดูๆแล้วเลือดเย็น ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว ไม่เป็นมิตร
เมื่อนั่งบนรถ มักจะให้ความรู้สึกว่ารถเฟอร์รารี่นี่ไม่พอที่จะให้เขานั่ง เหมือนยัดตัวเองเข้ามานั่ง
“ลุงเปียว ลุงแน่ใจเหรอว่าจะไม่ดูดบุหรี่สักหน่อย?” หลงเสี่ยวเฟิงมองไปที่คนร่างกำยำแล้วถาม หลงเสี่ยวเฟิงเป็นลูกชายของหลงต้าเป่า คือคนที่ถูกฟางเหยียนจัดการที่ถนนโบราณเส้นนั้นเมื่อวานนี้
เขาถูกคนนั้นจัดการ แน่นอนว่าเขาต้องไม่พอใจ พ่อของเขาเป็นใคร?หลงต้าเป่า มีชื่อเสียงโด่งดังที่เจียงตู แล้วเขาจะยอมได้อย่างไรกัน เขาต้องให้สองคนนั้นได้รับความเจ็บปวดที่ได้ก่อเรื่องไว้ นี่ไม่ใช่ว่า หลังจากที่เขาบอกพ่อแล้ว พ่อของเขาก็ส่งอาเปียวนักเลงที่เก่งที่สุดของตนมาล้างแค้นให้ลูกชายแล้วเหรอ
อาเปียวนักเลงคนนี้เป็นคนมีภูมิหลัง ที่เจียงตู ภัตตาคารทุกที่ของหลงต้าเป่าล้วนให้เขาเป็นผู้ดูแล ลูกน้องของเขาเยอะมาก แต่เขาไม่เคยพาลูกน้องมาเลย เพราะไม่มีใครต้านทานการโจมตีของเขาได้สักคน
ตอนวัยรุ่น เขาเคยเป็นนักมวยอาชีพ เดิมทีเขาต้องขึ้นชกนัดที่สำคัญมากนัดหนึ่ง เป็นนัดที่เกี่ยวพันกับชื่อเสียงของเขา แต่ในคืนนั้นครอบครัวของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น เขาใช้หมัดเดียวต่อยคนตายไปกว่ายี่สิบกว่าคน ต่อมาเขาก็เข้าคุก เส้นทางนักมวยของเขาก็จบลงตั้งแต่ตอนนั้น
เขารู้จักกับหลงต้าเป่าในคุก หลังจากที่หลงต้าเป่าออกจากคุกแล้ว ก็ประกันตัวเขาออกมา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็อยู่กับหลงต้าเป่ามาโดยตลอด เขามีเพียงกฎเดียวคือ ต่อย ต่อยจนคุณเลื่อมใส!
เมื่อได้ยินเสียงของหลงเสี่ยวเฟิง อาเปียวก็ส่ายหัวแล้วกล่าว “ไม่ดูด!”
เสียงของเขาเลือดเย็น ย็นชามาก ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ แต่กลับเต็มไปด้วยท่าทีที่โอหัง
“ลุงเปียว พวกมันจะเข้าไปที่ตระกูลกาวแล้ว เราลงมือตอนนี้ หรือรอให้พวกมันออกมาก่อนเหรอ?”
อาเปียวลังเลอยู่สักพัก แล้วถอดแว่นออก นัยน์ตาเต็มไปด้วยเลือด และความอาฆาต เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่ค่อยๆเปิดประตูรถออก จากนั้นก็หันหลังพูดกับหลงเสี่ยวเฟิงว่า “ลองเดินไปดูก่อนล่ะกัน!”
อาเปียวไม่ใช่คนที่ใช้แต่กำลัง เขามีขอบเขตในการจัดการปัญหา ในเมื่อคนนั้นไปที่ตระกูลกาว นั่นหมายถึงมีความสัมพันธ์บางอย่างกับตระกูลกาว ตระกูลกาวทำธุรกิจเหมือง ร่ำรวยมาก แม้ที่เจียงตูจะไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรนัก แต่มีผู้อยู่เบื้องหลังแข็งแกร่ง กาวหรงคืออาเขยของตระกูลฟาง เพราะเขามีสถานะแบบนี้ จึงทำให้ทำทุกอย่างที่เจียงตูได้อย่างราบรื่น
ถ้าคนนี้เป็นเพื่อนกับกาวหรง เขาจะไม่จัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองแน่นอน ต้องให้หลงต้าเป่าจัดการเอง ถ้ามันไม่เกี่ยวข้องกับกาวหรง รอให้พวกมันออกมา แล้วตนค่อยจัดการสองคนนั้นด้วยตัวเอง
อาเปียวสังเกตเทียนขุย ส่วนชายที่ผอมสูบคนนั้น เขาไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย!
หลังจากที่สองคนนั้นเดินเข้าไปแล้ว อาเปียวและหลงเสี่ยวเฟิงรีบเดินตามไป เกาะดูอยู่ที่ด้านนอกของประตูเหล็ก เมื่อดู ทั้งสองก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา!
เมื่อกาวหรงเห็นลูกน้องอันเกรียงไกรกว่าพันชีวิต ทันใดนั้นก็ความโกรธก็พุ่งปรี๊ด ตนมีลูกน้องมากมายขนาดนั้น แล้วไอนั่นมันจะเอาอะไรมาสู้กับตน?ไอนั่นมันต้องชดใช้กับสิ่งที่ทำลงไป กาวหรงต้องให้มันตายสถานเดียว!
มีอะไรกับผู้หญิงของตัวเอง แล้วยังตบหน้าตนอีก ตบจนฟันหักไปสองซี่ ถ้าไม่รนหาที่ตายแล้วจะเรียกว่าอะไร!
สีหน้าของเขายิ่งอยู่ยิ่งดูไม่ได้ แล้วมองไปยังเหล่าลูกน้องทั้งหลาย ตะโกนออกไปแล้ว “พี่น้องทั้งหลาย เมื่อกี๊ ฉันถูกคนทำร้ายจนฟันหักไปสองซี่ ตอนนี้ พวกแกไปหามันกับฉัน เลือดต้องล้างด้วยเลือด”
นอกใจเป็นเรื่องที่น่าอับอายขนาดนั้น เขาเอือมระอาที่จะพูดออกมา ดังนั้นจึงพูดได้แค่โดนทำร้าย!
แต่คำพูดนี้กลับดึงดูดความสงสัยของทุกคน ดังนั้นจึงมีคนสงสัยขึ้นมา
“ประธานกาวจะถูกทำร้ายได้อย่างไรกัน เกรงว่าที่เจียงตูไม่มีใครกล้าทำอะไรประธานกาวนะ?”
“ใช่ ด้วยสถานะที่ประธานกาว ที่เจียงตูจะมีคนกล้าทำอะไรเขาได้อย่างไรกัน เขาต้องล้อเล่นกับพวกเราอยู่แน่เลย”
“ฉันว่าเป็นไปไม่ได้นะ นอกจากคนที่ทำร้ายประธานกาวจะเป็นคนตาบอด ไม่งั้นใครจะกล้าทำแบบนั้นกันเล่า ผู้อยู่เบื้องหลังของประธานกาวเป็นใคร ตระกูลฟางนะ มีเบื้องหลังแบบนี้ ต่อให้มีคนคิดจะทำร้าย ก็ไม่กล้าทำอะไรอาเขยของตระกูลฟางป่ะ!”