ผู้ชายดูแคลนหัวเราะเหอะๆออกมา แล้วเปิดประตูออกจนสุด จากนั้นหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด ดูดไปสองครั้ง หลังจากที่พ่นควันออกมาแล้ว ก็มองไปที่ทั้งสองตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็แนะนำตัวเองอย่างมั่นใจ “ผมชื่อจางว่างเจียง มีฉายาในยุทธภพว่าครึ่งเทพจาง ถ้าทั้งสองมารักษาโรคของคุณชายเจี่ยล่ะก็ ผมว่าพวกคุณกลับไปเถอะนะ อย่าเสียเวลาอีกเลย โรคที่ผมรักษาไม่หาย ผมว่าพวกคุณก็เช่นเดียวกัน”
“อ๋อ?” ฟางเหยียนมองครึ่งเทพจางใต้แต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็ยิ้มอย่างสงบออกมา
“พูดกับท่านทั้งสองตรงๆ ผมอยู่ในยุทธภพมาหลายสิบปี รักษาโรคมานับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยเจอไหนที่เหมือนโรคของคุณชายเจี่ยมาก่อน! นี่เป็นโรคประหลาดชนิดหนึ่ง ช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก!” เขาพ่นควันออกมาอีกครั้ง แล้วกล่าวอย่างพิลึก”
“บังอาจ!” จู่ๆ ก็มีเสียงแหลมดังขึ้นมา
จากนั้น ก็มีหญิงผิวขาวที่สวยงามคนหนึ่งเดินออกมาจากในบ้าน หญิงสาวผิวขาวคนนี้อายุสามสิบปี แต่งกายคล้ายๆชุดสีดำของตำรวจ รัดแน่นจนเห็นรูปร่าง โค้งเว้าได้สัดส่วน ขาทั้งสองข้างตรงสวย เหมาะสมกับหน้าตาอันหยิ่งยโสของเธอ แววตาเลือดเย็น เมื่อเห็นก็ดูออกว่าเป็นหญิงงามที่เคยผ่านการฝึกอบรมมาก่อน
ชายใส่แว่นมองหญิงสาว ด้วยความหวาดผวา จากนั้นก็มองฟางเหยียนและเทียนขุย แล้วกล่าว “พวกคุณคิดเอาเองแล้วกันว่าจะทำยังไง! ผมก็แค่หวังดี พวกคุณไม่เชื่อก็ลองดูได้!”
เมื่อพูดจบเขาก็เดินกลับออกไปจากคฤหาสน์ของตระกูลเจี่ยอย่างงอมืองอเท้า!
หญิงสาวคนนั้นมองทั้งสองตั้งแต่หัวจรดเท้า หลังจากนั้นแววตาก็เยือกเย็นมากขึ้นไปอีก จากนั้นก็ได้ใช้ภาษาจีนที่ไม่คล่องแคล่วพูดออกมาว่า “มิทราบว่าทั้งสองมารักษาคุณขายของพวกเราหรือเปล่าคะ?”
ฟางเหยียนไม่มองเธอเลยแม้แต่น้อย แล้วกล่าวตรงๆว่า “ใช่ครับ!”
หญิงสาวเปิดประตูให้ ยกมือขึ้นทำท่าเชิญแล้วกล่าว “เชิญค่ะ!”
ฟางเหยียนไม่ลังเล เดินเข้าไปในคฤหาสน์ของตระกูลเจี่ยโดยตรง คฤหาสน์หลังนี้คล้ายๆกับหลังอื่น เมื่อเข้าไปก็เป็นสนามหญ้าที่ลักษณะพรมที่ใหญ่ ตรงกลางของสนามหญ้าเป็นทางเดิน ปลายทางของช่องทางเดินเป็นประตูใหญ่ที่หนัก พอเข้าประตูใหญ่ไปเป็นทางเดินหินอ่อนที่ราบเรียบ เมื่อเงยหน้ามองตัวอาคาร ทั้งหมดเป็นสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมที่สุด ประตูหน้าต่างและเสาล้วนแกะสลักมาจากไม้ ดูจากการปลอมขึ้นของการแกะสลัก จะต้องไม่ใช่นักแกะสลักธรรมดาแกะอย่างแน่นอน
หลังจากที่ฟางเหยียนเข้าผ่านประตูนั้นไปแล้ว ก็รับรู้ได้ถึงความผ่อนคลาย นี่เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด ความรู้สึกนี้ทำให้เขาอดที่จะเงยหน้าดูไปทั้งแปดทิศของตัวคฤหาสน์นี้ไม่ไหว ทางทิศตะวันออกตะวันตกทิศเหนือทิศใต้ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ทุกๆทิศต่างวางแกะสลักมังกรที่เหมือนจริงหนึ่งตัวไว้
หางของมังกรอยู่ด้านบน หัวหันไปด้านล่าง ดูๆแล้วคล้ายๆกับเครื่องวัดแผ่นดินไหวของจางเหิง แต่ตกแต่งไว้ในบ้าน
เมื่อเห็นบรรยากาศรอบๆห้องอีกทั้งรูปแบบของฮวงจุ้ย ฟางเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา มังกรเจ้าที่ทั้งแปดที่ดี สมกับที่เป็นที่บ้านของเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งเอเชีย พิถีพิถันกว่าคนธรรมเยอะมาก
ถ้าพูดจากตำแหน่งของฮวงจุ้ย ถ้าไม่ใช่ผู้สูงศักดิ์อะไร จะไม่มีทางจัดฉวงจุ้ยระดับสูงแบบนี้ได้
ในขณะที่ฟางเหยียนเงยหน้าขึ้นมอง จู่ๆไม่รู้ว่ามีเงาดำโจมตีมาจากตรงไหน
คนนี้เคลื่อนไหวเร็วมาก ราวกับลมพัดผ่านฟางเหยียนไป ความจริงแล้วฟางเหยียนรับรู้ได้ถึงความอาฆาตนี้นานแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาที่ฟางเหยียนต้องจัดการ เทียนขุยจับคนนั้นที่พุ่งไปที่ฟางเหยียนได้อย่างเร็ว คนนั้นถูกเทียนขุยจับแขนไว้ ไม่นานก็โผล่หน้าออกมาให้ทั้งสองได้เห็น เป็นหญิงสาวที่ใส่ผ้าคลุมหน้า ไม่เห็นว่าเธอมีลักษณะเป็นอย่างไร
“คนที่ทำร้ายจอมพลโผ้จวินของฉัน ไม่ว่าจะยังไงต้องจัดการให้ได้!” เมื่อพูดจบ เทียนขุยยกอีกมือขึ้นชกไปอย่างรุนแรง หญิงสาวเหมือนงูหลบการโจมตีของเทียนขุย จากนั้นเธอใช้พลังโจมตีไปที่เทียนขุย ยกมือข้างหนึ่งเป็นแนวตั้ง แล้วทิ่มไปที่เทียนขุยเหมือนเข็มตัวหนึ่ง เทียนขุยยกหมัดขึ้นแล้วชกออกไป ได้ยินเพียงเสียงตั้ง หลังจากที่โจมตีไปที่หมัดของเทียนขุยแล้วนั้น ก็เหมือนได้ชนเข้ากับแผ่นเหล็กแล้วร่วงลงไปกับพื้น
เมื่อเห็นดังนี้ หญิงสาวก็ชะงักไป ผ่านไปได้สักพัก เธอจึงได้ร้องอ้าออกมา แล้วถอยหลังไปหลายก้าว
เทียนขุยกำหมัด ตั้งเท้ามั่น ยืนรวมชี่อยู่กับที่ ไหลเวียนไปยังกำปั้นทั้งสอง จากนั้นก็กัดฟัน ตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ขั้นที่แปด ปัง!” เมื่อพูดจบ เขาโค้งเอวลงไปด้านหลัง ยกหมัดทั้งสองขึ้นเหนือหัว หมัดทั้งสองข้างปล่อยแสงอันแสบตาออกมา หมัดนั้นเต็มไปด้วยพลังมหาศาล แล้วชกไปที่หญิงสาวอย่างรุนแรง
หญิงสาวเหมือนจะประหลาดใจ ถอยหลังไปหลายก้าว จากนั้นก็เห็นเธอกระโดดลอยตัวขึ้นไป หลบพลังมหาศาลที่ถูกปล่อยมาจากหมัดสองหมัดนั้นได้สำเร็จ ที่ๆโดนพลังของหมัด ถูกทำลายไม่เหลือ หญิงสาวหลบการโจมตีของพลังหมัดได้ แต่พลังหมัดกลับชนเข้ากับเสาสองอัน บนเสา ทิ้งร่อยรอยของหมัดทั้งสองเอาไว้
เทียนขุยเป็นระดับต้าชี่ การที่ปล่อยหมัดไป ก็จะมีพลังหมัดที่สามารถทำร้ายคนได้ เพราะชี่ของเขาปล่อยออกมาข้างนอกได้ ดังนั้นเมื่อมีการรวมชี่ไว้ที่หมัด จากนั้นก็ปล่อยชี่ออกมา ข้อดีของชี่อันนี้ไม่แย่ไปกว่าหมัดเลย
“อ้า!” หลังจากที่หญิงสาวหลบไปแล้ว ก็ยังไม่ยอมแพ้ แต่ได้จู่โจมเข้าหาเทียนขุยอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง เทียนขุยกำหมัด แลกหมัดกับหญิงสาวไปมาหลายครั้ง และแล้วเทียนขุยก็รู้จุดอ่อนของเธอ หมัดเดียว หญิงสาวก็ถูกเทียนขุยต่อยลอยไป จนผ้าคลุมหน้าของเธอหลุดออก แล้วเธอล้มลงกับพื้นอย่างจัง
นี่ก็เป็นหญิงชาวต่างชาติ คนขาว วัยรุ่นมาก อายุยี่สิบกว่าปี สวยมาก หลังจากที่ล้มลงกับพื้นแล้ว เธอก็กระอักเลือดออกมา ต่อให้เป็นท่าทีการกระอักเลือด ดูๆแล้วก็ยังมีเสน่ห์
เทียนขุยไม่คิดจะปล่อยหญิงสาวไปแบบนี้ เขาได้เดินไปที่สาวคนนั้น เมื่อมาถึงตรงหน้าของเธอ เขามองหญิงสาวจากมุมสูงแล้วกล่าว “พูดมา ใครให้แกทำร้ายจอมพลโผ้จวิน?”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเทียนขุย ชักตาไปที่เขาอย่างไม่พอใจ และไม่พูดแม้แต่ประโยคเดียว
เทียนขุยเห็นดังนี้ จึงได้ตวาดไปว่า “ไม่พูดใช่มั้ย? งั้นฉันจะฆ่าแก!”
เมื่อพูดจบ หมัดของเขาก็ปล่อยลำแสงออกมา หญิงสาวจึงรีบกล่าวว่า “แกรังแกผู้หญิง แน่แล้วงั้นเหรอ ถ้าแน่จริง…”
เธอยังไม่ทันพูดจบ เทียนขุยเอื้อมมือไปบีบคอเธอไว้ จากนั้นก็ชูตัวเล็กๆของเธอขึ้นสูง แล้วตะคอกอย่างรุนแรงว่า “แกตาย!”
พูดพลาง เทียนขุยจะลงมือฆ่าหญิงสาว แต่ในขณะเดียวกันนี้เอง จู่ๆก็มีคนโผล่ขึ้นมา วินาทีต่อมา หญิงสาวที่อยู่ในมือของเทียนขุยก็ได้หายไปแล้ว หญิงสาวคนนั้นได้รับการช่วยเหลือ แล้วมายืนอยู่ตรงหน้าเขา
ข้างๆหญิงสาวยังมีผู้หญิงชุดดำอีกคน ผู้หญิงชุดดำก็คือคนที่เปิดประตูให้ทั้งสองคน และพาพวกเขาเข้ามาเมื่อกี๊นี้ ผู้หญิงชุดดำมองเทียนขุยตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วกล่าว “ประเทศหวาของคุณมีอยู่ประโยคหนึ่งที่พูดว่าทำอะไรให้เหลือทางไว้บ้างไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณต้องฆ่ากันด้วย?”
“ลอบสังหารจอมพลโผ้จวินแห่งประเทศหวา ต้องตาย!” เทียนขุยกล่าวอย่างเลือดเย็น