ฟางเหยียนมองไปรอบๆเหมิงซาน ไม่ได้พูดอะไร เขาไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร คนอื่นไม่เชื่อ เขาไม่สามารถทำให้คนอื่นเชื่อเขาได้ จากนั้นเลยหันไปทางเจี่ยเกิงจื่อพลางว่า “ในเมื่อพวกคุณไม่ต้องการ งั้นฉันไปละ!”
พูดจบ ฟางเหยียนจะเดินไป แต่ผู้หญิงชุดดำยังคงขวางอยู่หน้าประตู
เธอกางแขนสองข้างออกกันประตูไว้ ท่าทางประหนึ่งว่า พวกคุณจะไปต้องข้ามศพฉันไปก่อน
“หลีก!” เทียนขุยตะคอกเสียงเย็น สองหมัดกำแน่น ทำท่าจะลงมือยังไงยังงั้น
ผู้หญิงคนนั้นกัดปากส่ายหัว สีหน้ามุ่งมั่น เธอมองไปทางเจี่ยเกิงจื่อพลางว่า “คุณท่าน ให้เขาลองดูเถอะ! ฉันคิดว่าเขาทำได้นะ”
เจี่ยเกิงจื่อขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางถาม “เธอว่าอะไรนะ?”
ผู้หญิงชุดดำพูดต่อว่า “ฉันบอกว่าให้เขาลองดู ฉันคิดว่าเขาทำได้ค่ะ”
สายตาเจี่ยเกิงจื่อไปจับลงที่ใบหน้าเหมิงซาน สบตากับเขาหนึ่งที เจี่ยเกิงจื่อเชื่อเหมิงซาน เพราะเหมิงซานยอมต่อชีวิตช่วงหนึ่งให้ลูกชายตน ช่วงนี้ถ้าไม่มีเหมิงซาน ลูกชายตนคงตายไปนานแล้ว
เหมิงซานเห็นสายตาเจี่ยเกิงจื่อ กล้ามเนื้อแก้มกระตุกแรกหนึ่งที ก่อนจะผ่อนคลายท่าทีเย่อหยิ่งลง ทำท่าอ่อนข้อให้พลางว่า “ได้ ในเมื่อคุณบอกว่าสามารถใช้การลงเข็มรักษาอาการคุณชายเจี่ย คุณน่าจะรู้สาเหตุโรคของคุณชายเจี่ยล่ะสิ?”
รู้สาเหตุโรคถึงสามารถสรุปได้ เมื่อกี้เขาบอกว่าใช้การลงเข็มสามารถรักษาได้ ต้องรู้สาเหตุของโรคแน่
“ไม่รู้!” ฟางเหยียนส่ายหัวปฏิเสธอีกครั้งอย่างมั่นใจ สายตาเขาไม่ได้มองไปที่เหมิงซาน ท่าทางเหมือนกำลังบอกว่า ต่อให้ผมก็รู้ก็ไม่บอกคุณ
เหมิงซานอยู่มาจนป่านนี้ รู้ดีว่าสายตาอะไรแปลว่าอะไร เขาเห็นสีหน้าไม่ยี่หระของฟางเหยียนนั่น โกรธจนตาหรี่ลงเป็นเส้น ผ่านไปสักพัก เขาถึงสงบใจได้ เบิกตากว้าง สูดลมหายใจเข้าปอดลึกถามว่า “ในเมื่อคุณรู้การลงเข็ม งั้นก็คือเรียนแพทย์มา คุณบอกฉันหน่อยสิ ทฤษฎีแพทย์ซานหยวนคืออะไร?”
“วิธีการวิจัยทั้งสี่คุณเรียนด้านไหนมา?”
“การแพทย์ควรจะผสมผสานห้าสาย คุณรู้ไหมว่าหลักของการเรียนการแพทย์อยู่ตรงไหน?”
ทุกคำถามของเหมิงซานพุ่งตรงหาฟางเหยียน พอเขาถามเสร็จ ออร่าพุ่งถึงขีดสุด ในสายตาทุกคน เหมิงซานเป็นปรมาจารย์หลบเร้นโลกภายนอก ดูเก่งกาจมาก!
ส่วนฟางเหยียนในตอนนี้กลับกลายเป็นไอ้หนุ่มน้อยไม่รู้อะไรเลย โดนเหมิงซานถามจนทำอะไรไม่ถูก
ฟางเหยียนหันไปทางเจี่ยเกิงจื่อ หยิบบัตรทองใบนั้นออกจากกระเป๋าเสื้อยื่นให้เจี่ยเกิงจื่อ พลางว่า “นี่บัตรของคุณ ตอนนี้ผมคืนให้คุณ ลูกชายคุณผมไม่รักษาละ! ถ้าเขาตาย ไม่เกี่ยวข้องกับคุณ”
“ฮะฮะ!” เหมิงซานจู่ๆยิ้มเย็นออกมาพลางว่า “ไอ้หนุ่มน้อยไม่รู้อะไรอย่างแกโดนฉันเปิดโปง ตอนนี้มาคืนบัตรธนาคาร แกคิดว่าจะปกปิดฐานะต้มตุ๋นของแกได้หรือไง? ฉันจะบอกแกให้ แกก็แค่พวกไร้ความสามารถเท่านั้นแหละ! ต่อไปฉันหวังว่าแกอย่าใช้ชื่อแพทย์แผนจีนไปทำร้ายใครเขา มันเป็นการลบหลู่เกียรติประเทศหวาของเรา”
สายตาฟางเหยียนเปลี่ยนไป มองไปทางเหมิงซานอย่างเย็นชา เจ้าหมอนี่ได้คืบจะเอาศอก ได้ทีขี่แพะไล่ละ
พอสบตากับเหมิงซาน เขาสามารถรับรู้ความโกรธจากสายตาฟางเหยียนได้เลย แต่ในสายตาเหมิงซานแล้ว ก็แค่อายที่โดนจับได้จนโกรธเท่านั้นแหละ พวกต้มตุ๋นแบบนี้เขาเจอมานักต่อนักแล้ว เลยชินไม่รู้สึกแปลกใจอะไรแล้ว
ฟางเหยียนยิ้มมุมปาก พูดกับเหมิงซานว่า “อย่าใช้สายตาไร้แววนั่นของคุณมามองผม ผมบอกว่ารักษาได้คือรักษาได้! ต่อให้คนทั้งโลกรักษาไม่ได้ ผมก็สามารถรักษาได้ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากรักษาแล้ว ประเทศหวาผู้ที่ทุกคนนับถืออะไร ผมว่าคุณก็แค่ริษยาความสามารถของผมเท่านั้นแหละ”
“แก!” เหมิงซานชี้นิ้วไปที่ฟางเหยียน สีหน้าเปลี่ยนเป็นโกรธจัด
แต่ก็ฟื้นฟูกลับมาในพริบตาเดียว จากนั้นเขาก็หัวเราะร่วนพลางว่า “อายจนโกรธล่ะสิ? ฉันว่าแกอยากลบหลู่กำลังสำคัญของประเทศหวาเรานี่แหละ ไอ้หนู ในเมื่อไม่มีความสามารถ งั้นก็อย่าแกล้งทำเป็นยอดฝีมืออย่างคนอื่นเขา ต่อไปทำตัวดีๆ รอวันไหนชีวิตดีขึ้นแล้ว แกจะขอบคุณฉันเอง”
“ผู้อาวุโส!” ผู้หญิงชุดดำคนนั้นหันมามองทางเหมิงซาน พลางว่า “ผู้อาวุโส คุณเป็นผู้ที่ทุกคนนับถือจริงของประเทศหวา คุณเข้าใจวัฒนธรรมการแพทย์แผนจีนของประเทศหวาจริง แต่คุณไม่สามารถตัดสินคนอื่นแบบนี้ ตอนแรกคุณพูดเองไม่ใช่หรือไง วัฒนธรรมของประเทศหวาล้ำลึกมาก ที่คุณเรียนมาก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น! ฉันคิดว่าคุณไม่ควรหาเรื่องคุณผู้ชายคนนี้แบบนี้”
เหมิงซานโดนผู้หญิงชุดดำพูดแบบนี้ เริ่มคงหน้าไว้ไม่อยู่ นี่หมายความว่าไง หาว่าตนหาเรื่องเขา หรือว่าตนยังสู้ไอ้หนุ่มน้อยนี่ไม่ได้หรือไง? พอคิดอย่างนี้ เหมิงซานลูบเคราพลางหัวเราะร่วนว่า “ที่ไหนกัน! ผมไม่ได้หาเรื่องเขา! คุณหนูเย่โล่ ที่ผมพูดถึงคนคือปรมาจารย์หลบเร้นโลกบางคน พวกคนที่ต้มตุ๋นหลอกลวง ไม่ใช่ระดับเดียวกับปรมาจารย์หลบเร้นโลกที่ผมพูดถึง วัฒนธรรมของประเทศหวาเราล้ำลึกมากจริงๆ แต่คนจำนวนมากอาศัยใช้จุดนี้ทำตัวเป็นปรมาจารย์เอง เพื่อเอามาต้มตุ๋นเงินทอง คนแบบนี้มีอยู่เต็มไปหมดเลย”
ผู้หญิงชุดดำได้ยินเหมิงซานพูดแบบนี้ หันหัวกลับมามองฟางเหยียน ความสนใจของเธอตอนนี้อยู่ที่ตัวฟางเหยียน เพราะเมื่อกี้ฟางเหยียนเอาชนะเธอได้ และเทียนขุยเป็นแค่การ์ดของเขาเท่านั้น
เธอไม่เชื่อว่าคนแบบนี้จะเป็นพวกต้มตุ๋นหลอกลวงที่เหมิงซานพูดถึง ความสามารถของพวกเขาไม่จำเป็นต้องต้มตุ๋นหลอกลวงเลย
ดังนั้นเธอเลยขมวดคิ้วถามว่า “งั้นเหมิงซานผู้อาวุโสจะรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาต้มตุ๋นหลอกลวงล่ะ?”
เหมิงซานพูดอย่างมั่นใจว่า “การกระทำของพวกเขาเผยไต๋ออกมาแล้วไง รับเงินไปก่อน จากนั้นโดนผมพูดจากอายเปลี่ยนเป็นโกรธ แล้วก็มาคืนเงิน พฤติกรรมแบบนี้ยังไม่พอแสดงให้รู้ว่าพวกเขาต้มตุ๋นหลอกลวงหรือไง?”
เหมิงซานมั่นใจมาก เขาไม่คิดว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้จะเก่งขนาดนั้น!
ผู้หญิงชุดดำพูดอย่างไม่ยอมความว่า “แต่คุณก็รับเงินบ้านเราแล้วนี่? เหมิงซานผู้อาวุโส ฉันว่าคุณกำลังพูดจาซี้ซั้ว เปลี่ยนผิดเป็นชอบมากกว่า? พวกเขาไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ คุณต่างหากที่พูดจาลบหลู่การแพทย์แผนจีนของประเทศหวาต่าง ๆนานา”
“เย่โล่!” เจี่ยเกิงจื่อตะคอกเสียงดัง สีหน้าตึงเครียดว่า “ขอโทษคุณท่านเหมิงซะ!”
ผู้หญิงชุดดำชะงักเล็กน้อย พูดอย่างไม่เต็มใจนักว่า “ขอโทษค่ะ คุณเหมิงซาน”
นี่คืออำนาจของเจี่ยเกิงจื่อ เพราะเขาต่างหากที่เป็นหัวหน้าที่นี่ ถ้าเขาออกปากแล้ว ทุกคนต้องฟัง!
เหมิงซานลูบเคราพลางว่า “ไม่เป็นไรครับ! ผมแค่อยากรู้ว่าทำไมคุณเย่โล่ถึงได้เชื่อมั่นอย่างดื้อรั้นนักว่าเขาต้องรักษาอาการคุณชายน้อยได้?”
ผู้หญิงชุดดำหันไปมองหน้าฟางเหยียน ฝ่าเท้าเมื่อกี้ยังจำได้ขึ้นตา นั่นไม่ใช่กระบวนท่าที่คนไม่เป็นมวยจะทำได้เลย คนคนนี้มีวิชาจริง และยังเป็นปรมาจารย์อันดับหนึ่งของประเทศหวาด้วย คนแบบนี้ไม่มีเหตุผลต้องมาต้มตุ๋นเงิน
“ลางสังหรณ์!” ผู้หญิงชุดดำพูดออกมาสั้นๆ ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองฟางเหยียนเขม็ง ฟางเหยียนรักษาท่าทีสบายๆ เหมือนไม่ใส่ใจกับเรื่องอะไรทั้งนั้น