พอขึ้นรถเสร็จ เทียนขุยขับรถออกจากบ้านเจี่ย
เทียนขุยนั่งอยู่บนรถ หันไปมองโผ้จวินที่อยู่ด้านหลังพลางถาม “โผ้จวิน ทำไมคุณถึงรู้ว่าเรื่องที่ผมพูดเป็นเรื่องจริงล่ะ?”
ฟางเหยียนยิ้มน้อยๆตอบว่า “ง่ายมาก คฤหาสน์บ้านเจี่ยซื้อที่นี่ ทำให้คนเกิดสงสัย เขาไม่ร้อนเงิน ทำไมต้องซื้อที่ทุรกันดารขนาดนี้? เขาไปอยู่ที่ดีกว่านี้ได้ แถมการตกแต่งของที่นี่ก็ไม่เหมือนที่อื่น ทิศทั้งแปดจัดวางมังกรแปดตัวสะกดไว้ มองแวบเดียวก็รู้เลยว่าจัดวางมาหลายสิบปีแล้ว คราวนี้มาพูดเรื่องเจี่ยเกิงจื่อดีกว่า ที่ห้อยคอไว้เป็นพระหยกที่ผ่านการทำพิธีมา ที่ห้อยมือไว้ก็ประคำที่ผ่านการทำพิธีมาอีก เห็นได้ชัดว่ามีปรมาจารย์ทำพิธีให้ ตัวคนเดียว เชื่อด้านนี้น่ะได้ แต่ถ้าเชื่อถึงขนาดนี้ มันดูโอเวอร์ไปหน่อยแล้ว อีกจุดคือที่ที่ลูกชายเขานอนอยู่ มันเป็นตำแหน่งหยางขั้นสุด ถ้าจะไปหาที่แบบนี้ด้านนอกนะ ยากซะยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์อีก แต่ในบ้านเขากลับมีที่แบบนี้ แค่ดูก็สงสัยแล้ว ดังนั้นฉันเลยแน่ใจว่าเจี่ยเกิงจื่อต้องเป็นเถ้าแก่คนที่สามที่นายพูดถึงแน่ และตอนนั้นเขาเอาของสิ่งนั้นไป รวมถึงมีผู้เชี่ยวชาญคอยชี้แนะทั้งหมดอยู่เบื้องหลังนี่ให้เขาด้วย!”
เทียนขุยพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาเลื่อมใสในคำพูดของฟางเหยียนมาก แค่เนื้อหากระเซ็นกระสายแค่นี้ก็สามารถวิเคราะห์ออกมาได้ละเอียดขนาดนี้ เหมือนตัวเองอยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นเลยจริงๆ
แต่ถ้าเขาไม่ได้เป็นแบบนี้ ก็คงไม่ได้รับการยกย่องให้เป็นดวงจอมพลห้าดาวเพียงคนเดียวของประเทศหวาหรอก สาเหตุที่เขาสามารถยืนหนึ่งเป็นราชาได้ นอกจากฝีมือต่อสู้ฉกาจไร้เทียมทานแล้ว ยังเกี่ยวพันถึงมันสมองอัจฉริยะของเขาด้วย
เมื่อก่อนตอนวิเคราะห์ภูมิประเทศในสนามรบ เขามักจะวิเคราะห์ถึงข้อได้เปรียบเสมอ ต่อให้เขาพูดดูไม่มีเหตุผลยังไง ดูเป็นไปไม่ได้ยังไง แต่พอทำตามที่เขาบอก รับรองไม่มีผิด!
ในหัวใจของเทียนขุย ฟางเหยียนคือผลรวมร่างของจูเก่อว่อหลงกับเสี้ยงหยู่!
เทียนขุยไม่ได้พูดอะไรอีก เขาได้แต่ส่งสายตาเลื่อมใสไปให้ฟางเหยียนที่นั่งด้านหลังผ่านทางกระจกหลัง
ฟางเหยียนหยิบมุกเทพเม็ดนั้นออกมาวางบนมืออย่างมั่นคง และเริ่มพินิจพิเคราะห์มันอย่างตั้งใจ
เทียนขุยมองเห็นภาพฟางเหยียนจ้องมุกเทพเม็ดนั้นอย่างจริงจังผ่านทางกระจกหลัง เขาเองก็ไม่กล้าขัดจังหวะ
ผ่านไปราวห้านาที เทียนขุยถึงถามขึ้นว่า “โผ้จวิน มุกเทพนี่พวกเราจะเอาไปฝังดินหรอครับ?”
ฟางเหยียนพยักหน้ารับพลางว่า “ใช่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้! ต้องหาเวลาเหมาะๆก่อนค่อยฝัง”
ที่จริงตอนฟางเหยียนได้รับสืบทอดจากตาแก่นั่นถึงรู้ว่า สิ่งที่ตนเข้าใจเป็นคนโบราณประเทศหวาเหลือทิ้งไว้ให้ ตอนนั้นตาแก่จะถ่ายทอดวิชาทั้งหมดให้เขา เขานึกว่าใช้ได้แค่ในสนามรบ ไม่คิดว่าพอกลับมาบ้านยังใช้ได้ด้วย ตาแก่นั่นเป็นใครกันแน่นะ? ทำไมถึงมีวิทยายุทธ์ครบถ้วนแบบนี้ได้?
อีกอย่าง ทำไมเขาถึงถ่ายทอดต่อให้ตนล่ะ? หรือว่าถ่ายทอดจิตสำนึกตัวเองให้กับตน?
ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาได้รับสืบทอดมาแล้ว ต่อให้เป็นแค่ส่วนน้อย แต่ก็เพียงพอแสดงออกว่าภูมิปัญญาของคนโบราณประเทศหวาไม่ใช่อะไรที่เทคโนโลยีสมัยใหม่จะตามทันได้เลย
คนโบราณประเทศหวาแข็งแกร่งแค่ไหน คนตอนนี้ไม่รู้เลยสักนิดในบางด้านแล้ว มนุษย์ไม่ได้พัฒนาต่อ ตรงกันข้ามกลับล้าหลังลงไปเรื่อยๆ!
เทียบกับคนโบราณแล้ว ความคิดคนสมัยใหม่ล้าหลังกว่าเยอะมากเลย
“งั้นตอนนี้พวกเราจะไปไหนกันหรอครับ?” เทียนขุยถามอีก ฟางเหยียนเงียบไปเล็กน้อยก่อนพูดว่า “กลับหนานหลิงก่อนละกัน! ไปหาเหล่าเห้อ ฉันต้องการหาพิกัดขององค์กรสัตว์เพลิงให้ได้เร็วที่สุด”
เทียนขุยไม่พูดอะไรอีก ขับรถมุ่งตรงไปหนานหลิง!
องค์กรสัตว์เพลิง มีความแค้นไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้กับสำนักเจ็ดพิฆาต!
มาเจียงตูครั้งนี้ ได้เรื่องคือ ดาบเล่มนั้นของเจ้าค้างมีด กับมุกเทพที่สามารถฟื้นฟูพลังของเขาได้ถึงหกส่วนเม็ดนี้!
สำหรับฟางเหยียนแล้ว มันเป็นการเดินทางที่มีความหมายครั้งหนึ่งเลย!
กว่าทั้งสองคนจะมาถึงหนานหลิง ฟ้าก็มืดแล้ว พึ่งถึงหน้าประตูเขตคฤหาสน์หุบดอกพีช ก็เห็นประตูบ้านพวกเขามีรถสูงมากจอดอยู่หลายคัน มีBentley มีLincoln ที่สำคัญที่สุดทะเบียนรถเป็น 88888
รถของฟางเหยียนพึ่งจอดลง ก็เห็นคนแก่หลายคนยืนอยู่นอกประตู เขามองปราดเดียวก็เห็นหวงหยวนฉาว ยังมีเถาไห่หลง ซึ่งเป็นประธานสมาคมประเทศหวาสโมสรการต่อสู้คนนั้นที่รู้จักกันที่หนานหลิงครั้งก่อน นอกนั้นเป็นสมาชิกสโมสรการต่อสู้หลายคน ล้วนแล้วแต่เป็นคนแก่อายุหกสิบเจ็ดสิบทั้งนั้น แต่ทุกคนกลับดูค่อนข้างมีตำแหน่งอยู่
ดูท่าหลายคนนี้จะยืนรอเขาอยู่นานละ เขาพึ่งลงจากรถ หลายคนนี้ก็ยิ้มทักทายฟางเหยียนกันใหญ่ คนเริ่มทักทายก่อนคนแรกคือหวงหยวนฉาว “คุณฟาง ไม่เจอกันนานเลยนะครับ ทำไมมาหนานหลิงไม่บอกผมล่ะ ตอนกลับไปครั้งก่อนก็ด้วย รีบออกไปจากหนานหลิงไม่บอกผมสักคำ”
ฟางเหยียนนึกขึ้นมาได้ว่าครั้งก่อนรีบออกจากหนานหลิงไปช่วยเย่ชิงหยู่ที่เมืองจินโจว ตอนนั้นเขาโกรธจัด เลยไม่ได้ร่ำลาหวงหยวนฉาวก่อน เขาอยู่บ้านหวงหยวนฉาว ตามหลักแล้วควรจะบอกหวงหยวนฉาวสักหน่อย
ดังนั้นเขาเลยพูดว่า “ครั้งก่อน ผมมีธุระด่วนต้องรีบไปจัดการ ขอโทษจริงๆครับ! ท่านหวง”
“อะไรกันครับ ผมเข้าใจคุณฟางอยู่แล้วล่ะ รีบร้อนไปขนาดนั้น ต้องมีธุระด่วนแน่นอน!” หวงหยวนฉาวยิ้มร่าบอก “วันนี้ผมไม่ได้มาหาคุณหรอกนะ ประธานเถาเขามีธุระอยากคุยกับคุณน่ะ”
“หือ?” ฟางเหยียนหันไปทางเถาไห่หลง เถาไห่หลงพูดยิ้มร่วนว่า“ผมเตรียมเหล้าไว้เล็กน้อยที่วิลล่าดอกพีช หวังว่าคุณฟางจะไปได้ เราจะได้ดื่มไปคุยไปได้ครับ”
ฟางเหยียนไม่ได้ปฏิเสธ เดินตามคนแก่หลายคนไปยังวิลล่าดอกพีช ที่อยู่ไม่ไกลกันนัก หลังจากเข้าที่นั่ง อาหารและเครื่องดื่มพร้อมสรรพ ดูท่าจะเตรียมตัวมาก่อนนานแล้ว หลังจากทราบว่าฟางเหยียนอยู่ที่หนานหลิง หวงหยวนฉาวนั่งไม่ติดที่แน่ ไม่ว่ายังไงเขาต้องจัดเลี้ยงเทพของประเทศหวาท่านนี้สักครั้ง
หลายคนทักทายกันนิดหน่อย ก่อนเข้าสู่หัวข้อหลัก แต่ไห่หลงดื่มไปแก้วหนึ่ง สีหน้าเคร่งเครียดพูดว่า “คุณฟางครับ การประลองแลกเปลี่ยนการต่อสู้ที่จัดขึ้นที่หนานหลิงครั้งก่อน คุณยังจำได้ไหมครับ?”
ฟางเหยียนพยักหน้าบอกว่า “จำได้ครับ!”
เถาไห่หลงรับคำ พูดต่อด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “ตอนนั้นการ์ดของคุณประลองตายไปคนนั้นคือลูกน้องของแม่ทัพกองทัพยุโรป แม่ทัพกองทัพยุโรป รู้สึกว่าลูกน้องตนตายอนาถ ถือเป็นการลบหลู่เขา เขาส่งสารมาที่ประเทศหวาแล้ว ถ้าประเทศหวาไม่มอบตัวคุณเทียนขุยไปให้ พวกเขาจะเข้าโจมตีประเทศหวา ถึงเวลานั้นอาจจะเกิดการปะทะที่ไม่จำเป็นเล็กน้อย! เรื่องนี้ผมพยายามเจรจากับอีกฝ่ายแล้ว หวังว่าจะได้รับการจัดการจากเบื้องบน แต่เบื้องบนกลับไม่ยอมตอบอะไร ผมกังวลว่าพวกเขาจะจัดการพวกคุณอย่างลับๆ ดังนั้นเลยรบกวนท่านหวงให้พามาหาคุณ อยากบอกคุณไว้หน่อย ช่วงนี้อย่าออกจากประเทศหวา ผมไม่ได้ให้คุณหนี เรื่องนี้ผมจะพยายามจัดการอย่างสุดความสามารถ แต่ตอนนี้เบื้องบนไม่ตอบอะไร ผมเลยอยากเตือนพวกคุณไว้หน่อยเท่านั้น”
เถาไห่หลงไม่รู้ว่าฐานะของทั้งสองคนที่จริงแล้วเป็นแม่ทัพที่สูงส่งของประเทศหวา สูงส่งกว่าแม่ทัพยุโรปอะไรนั่นไม่รู้กี่เท่า ต่อให้หวงหยวนฉาวรู้จักกับเถาไห่หลง แต่หวงหยวนฉาวก็ไม่เคยเปิดเผยฐานะของฟางเหยียนเลยสักนิด ฟางเหยียนไม่ให้เขาพูด เขาไม่มีทางปริปากบอกแน่ นี่เป็นสไตส์ของหวงหยวนฉาว