นี่ นี่ นี่มันเป็นไปได้ไงกัน?นึกไม่ถึงว่าไอ้นี่มันเป็นระดับต้าชี่แล้ว!
เมื่อกี๊เข้าใช้ท่าที่ทำลายถึงชีวิต ยอดฝีมือต่ำกว่าระดับต้าชี่ยังรับค้อนทุบนี้ของตนไม่ได้
เขาอยากจบการต่อสู้ให้เร็ว จากนั้นก็ฆ่าฟางเหยียน แต่เขาคาดไม่ถึงก็คือ นึกไม่ถึงว่าเทียนขุยจะรับท่านั้นของเขาได้ แล้วยังไม่สะทกสะท้านอะไรอีก ยังคงมั่นคงเช่นเดิม
พลังจากโจมตีอันมหาศาลนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะต้านทานได้ เป็นสิ่งที่กองกำลังก็ไม่กล้ากำเริบเสิบสาน แต่ นึกไม่ถึงว่าไอ้นี่ต้านทานการโจมตีของเขาได้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หรือมันแข็งแกร่งขึ้นแล้วจริงๆ?มันจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างนั้นได้อย่างไรกัน!เหตุการณ์ครั้งที่แล้วเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อยี่สิบวันที่แล้วเอง เพียงแค่ยี่สิบวัน นึกไม่ถึงว่ามันจะเลื่อนขั้นจากนินจาระดับสูงเป็นระดับต้าชี่ อยู่ในขั้นเดียวกับตัวเองได้ เกิดความผิดพลาดขึ้นจุดไหนกันแน่ ทำไมถึงได้มีเรื่องที่ไม่คาดคิดอย่างนั้นเกิดขึ้นได้กันนะ
การต่อสู้ครั้งที่แล้ว ไอ้นี่ถูกตนกดไว้แท้ๆ ถึงขั้นไม่มีทางที่จะโต้ตอบได้เลยเสียด้วยซ้ำ นึกไม่ถึงว่าตอนนี้จะต่อสู้กับตนได้แล้ว ช่วงยี่สิบวันมานี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?ที่ทำให้มันเปลี่ยนไปเป็นยอดฝีมือระดับต้าชี่ได้
ยี่สิบวัน ใช้พักฟื้นกระดูกในร่างกายของมันยังไม่ได้เลย แต่มันไม่ใช่แค่รักษาหาย แล้วยังเลื่อนขั้นเป็นระดับต้าชี่ได้สำเร็จอีกด้วย อ๋าวไท่คิดแล้วคิดอีกอยู่ในหัว นึกย้อนกลับไปว่าจุดไหนที่เกิดปัญหาขึ้นกันแน่
อารมณ์ของเขาซับซ้อนมากขึ้น จากการใช้ร่างกายไป เหงื่อของเขาได้ไหลผ่านหน้าผากลงมา แววตาเกรี้ยวกราดของเทียนขุยกำลังมองไปยังอ๋าวไท่ที่ประหลาดใจ หัวเราะเหอะๆออกมา “ครั้งนี้ คนที่แกคือแก!”
เมื่อตะโกนออกมา เขาก็คำราม พลังของหมัดเสือดุทั้งสองระเบิดออกมา อ๋าวไท่สีหน้าเปลี่ยนไป แต่เขาก็ตั้งรับการจู่โจมในครั้งนี้อย่างไม่อ่อนข้อใดๆ หมัดเหล็กทั้งสองยังคงแข็งแกร่งดังเดิม
กำลังภายในของทั้งสองฝ่ายได้พุ่งชนกันอีกครั้ง ค้อนชนเข้ากับเสือ เกิดเป็นสะท้อนกลับ ทำให้ร่างกายของทั้งคู่กระเด็นลอยไปเทียนขุยและอ๋าวไท่ทั้งคู่ล้วนถอยหลังรัวๆไปหลายก้าวอย่างหยุดไม่ได้
อ๋าวไท่เหยียบอย่างแรง ยึดที่มั่น เขามองมือทั้งสองข้างของตัวเอง แล้วลูบหน้าอกของตัวเองมองเทียนขุยอย่างไม่เชื่อ ขมวดคิ้วแล้วกล่าว “เป็นไปได้ไง?แกเลื่อนขึ้นเป็นระดับต้าชี่ได้ยังไงกัน?”
เทียนขุยดูแคลน ก้าวไปข้างหน้า แล้วกล่าวอย่างภูมิใจว่า “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าอะไรคือระดับต้าชี่หรือไม่ต้าชี่ เพียงแค่รู้ว่าฆ่าแกได้ ต่อให้ฉันต้องเจ็บปวดขนาดไหน ฉันก็ยอม อ๋าวไท่ เตรียมตัวตายได้เลย!”
อ๋าวไท่ตะลึง เขารู้สึกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ได้เปลี่ยนแปลงความคิดของเขาใหม่ เขาเพียงแค่ยี่สิบปีต้นๆดูๆแล้วอายุน้อยอย่างหาที่เปรียบมิได้ นึกไม่ถึงว่าจะเลื่อนขั้นเป็นระดับต้าชี่ได้ นินจาระดับสูงเป็นระดับต้าชี่ ต้องใช้เวลายาวนานมากๆ น้อยสุดก็สิบปี มากหน่อยก็หลายสิบปี คนจำนวนมากที่หยุดไว้ที่นินจาระดับสูงจนตายก็ไม่มีทางเลื่อนขั้นเป็นระดับต้าชี่ได้
เพราะระดับต้าชี่ต้องรับความเจ็บปวดมากมายเหลือเกิน ต้องบำเพ็ญตน ไม่งั้นจะทำให้คนตายได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าที่ลิ้มลองการเลื่อนขึ้นระดับต้าชี่ นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมยอดฝีมือบนโลกจนมีระดับต้าชี่น้อยมาก ต่อให้เป็นระดับต้าชี่ ก็ล้วนเป็นผู้เฒ่าที่บำเพ็ญตน ที่บำเพ็ญมาสิบกว่าปี ดังนั้นคนที่เป็นระดับต้าชี่ได้ อย่างน้อยก็อายุห้าสิบปีขึ้นไป อย่างตนเอง ปีนั้นที่เลื่อนขั้นเป็นระดับต้าชี่ ตนก็อายุปาเข้าไปห้าสิบห้าปีแล้ว
ยอดฝีมือระดับต้าชี่ที่อายุน้อยที่สุด ถูกมองว่าเป็นวัยรุ่นที่มีอนาคตไกล ก็คือหงจิ่วของตระกูลตงฟาง เขาก็อายุสี่สิบกว่าปีแล้ว แต่คนที่อยู่ตรงหน้านี้เพิ่งจะอายุสามสิบกว่าปี ระดับต้าชี่ที่อายุสิบสามกว่าปี ต้องมีศักยภาพที่น่ากลัวขนาดไหนกันนะ
ถ้าให้มันพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ผ่านไปสามสี่สิบปี ก็ไม่ใช่จะกลายเป็นระดับปรมาจารย์งั้นเหรอ!ถึงตอนนั้นจะครองเมือง ยิ้มเย้ยยุทธจักร ไม่ อ๋าวไท่จะให้เขาเป็นระดับปรมาจารย์ได้อย่างไรกัน ตนยังทำไม่ได้ มันก็ยิ่งทำไม่ได้เข้าไปใหญ่
อ๋าวไท่ค่อยๆเก็บสีหน้าตะลึง จ้องไปที่เทียนขุย แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่โอหังมากที่เท่าจะทำได้ “ต่อให้แกเลื่อนขึ้นเป็นระดับต้าชี่แล้วยังไง?แกคิดว่าตัวเองเป็นระดับต้าชี่แล้วจะฆ่าฉันได้งั้นเหรอ?ฝันไปเถอะ ไอ้เด็กน้อย ฉันเป็นระดับต้าชี่มาหลายสิบปี แกคิดว่าตัวเองจะเป็นคู่ต่อกรฉันได้งั้นเหรอ?ในสายตาของฉัน แกจะเป็นแค่มดตลอดไป!”
เมื่อพูดจบ อ๋าวไท่ร่ายวิชาอยู่กับที่ เมื่อเขาร่ายวิชาเสร็จ บนหัวของเขาปรากฏเป็นหัวกะโหลกสีดำ ดูเหมือนกำลังเพิ่มพลังจะมาต่อสู้เอาเป็นเอาตายกับเทียนขุยอีกครั้ง
เทียนขุยไม่อ่อนข้อ หลับตาแล้วเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว โน้มตัวไปข้างหน้า เขาอ้างแขนออก ห้านิ้วค่อยๆรวมเข้าหากันอีกครั้ง ตั้งเป็นท่าตั้งรับไว้ แล้วกล่าว “งั้นก็ต้องดูแกแล้วล่ะว่ามีปัญญาทำได้มั้ย!”
เขาพูดจบ อ๋าวไท่ก็ได้พุ่งเข้ามาฆ่าเขาแล้ว เทียนขุยอยู่กับที่อย่างไม่ขยับรอการโจมตีของอ๋าวไท่ ด้านหลังของเขาก็ปรากฏเป็นเสือดุที่แสยะเขี้ยวน่าเกรงขาม เสือดุตัวนั้นกำลังอ้าปากคำรามออกมา
เสือกับกะโหลก และแล้วก็ชนเข้าด้วยกันอีกครั้ง มืดเช้ามัวดินไปหมด รอบๆเกิดเป็นพายุ การต่อสู้ของทั้งสองได้ระเบิดขึ้นแล้ว นี่เป็นการต่อสู้ร้อยปีที่หาดูได้ยาก นินจาระดับต้าชี่สู้กับนินจาระดับต้าชี่
นี่เป็นจริงงแท้ และสะใจกว่าในนิยาย!
ฟางเหยียนยืนอยู่ข้างๆ มองการต่อสู้ไม่ที่ไม่แยะความสามารถของทั้งคู่ เขามองเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะในสายตาของเขาการโจมตีทุกอย่างที่เร็วทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็นช้ามาก ช้ามาก สายตาของเขาเร็วกว่าการกระทำของพวกเขาที่แสดงออกมาอีก
ศิลปะการต่อสู้ใต้หล้ามีแต่ความเร็วเท่านั้นที่ไม่ถูกทำลาย ความเร็วที่ว่านั่นไม่เพียงแต่ระดับความเร็วเท่านั้น และยังให้ความสำคัญความเร็วของสายตาอีกด้วย ถ้าสายตาเร็วพอ งั้นก็สามารถแยกแยะการโจมตีของอีกฝ่ายได้ สามารถแยกแยะการโจมตีของอีกฝ่ายได้ จึงจะสามารถตีแตกอีกฝ่ายได้
ฟางเหยียนมองดูการต่อสู้ของคนที่ฝีมือไล่เลี่ยกัน แล้วเดินมาที่ข้างๆของถังยู่ อ๋าวไท่ในตอนนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะจนไปสนใจถังยู่ที่อยู่บนพื้นแล้ว มีสมาธิกับการต่อสู้กับเทียนขุยอย่างจริงๆจังๆสิถึงจะเป็นภารกิจหลักที่เขาต้องทำ
ฟางเหยียนนั่งยองๆลงกับพื้น ยกมือขึ้นไปลูบบนใบหน้าของถังยู่ ถังยู่สวยงามมากจริงๆ ประสาทสัมผัสทั้งห้าได้รูป รูปร่างสมบูรณ์แบบ เธอเป็นหญิงสาวที่มองยังไงก็ไม่เบื่อ ดูยังไงก็สวยไปหมด ไม่ว่าจะมองยังไงก็งดงาม! สายตาของฟางเหยียนค่อยๆมองไปที่เรือนร่างของเธอ เสื้อผ้ามีรอยฉีก ผมเผ้ายุ่งเหยิง เหมือนกับดิ้นรนมา
หรือเธอโดนไอ้แก่ขยะแขยงนั่นจัดการแล้วจริงๆ? ถ้าเป็นจริง หญิงสาวคนนี้จะเผชิญหน้ากับอนาคตได้อย่างไรกัน ถ้าเธอตื่นขึ้นมาแล้ว จะฆ่าตัวตายมั้ย? เมื่อนึกถึงจุดนี้ ฟางเหยียนยกมือขึ้นไปจับแขนของเธอ เขาใช้มือทั้งสองจับไปที่หลอดเลือดที่ข้อมือของถังยู่
เมื่อจับ ก็ไม่เห็นความผิดปกติใดๆ ร่างกายของถังยู่ขยับเบาๆ เธอส่งเสียงร้องเบาๆออกมา ค่อยๆลืมตาขึ้น ในแววตาของเธอปรากฏคนที่ดูเลือนราง คือเขา! คือฟางเหยียน