ศาสตราจารย์โจวกล่าว “แน่นอน ผมจะหลอกคุณทำไมกัน? ถ้ายังไม่ศึกษาจนถ่องแท้ ผมไม่บอกคุณอยู่แล้ว คุณอย่าลืมนะ เรื่องที่พวกเราตกลงกันเอาไว้ คุณต้องให้ความรู้กับนักเรียนของผมและอาจารย์ของมหาวิทยาลัยของเราด้วย”
“อืม!” ฟางเหยียนพยักหน้าส่งสัญญาณรับทราบ
ศาสตราจารย์โจวกล่าว “อ้อ ศาสตราจารย์ฟาง คุณได้เตรียมความพร้อมในการสอนมามั้ยครับ? คอร์สนี้…”
เขายังพูดไม่ทันจบ ฟางเหยียนได้ขัดจังหวะคำพูดของเขา แล้วกล่าว “วางใจได้ครับ คอร์สแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องเตรียมการอะไร”
เจ๋ง! ที่แท้ก็เป็นวัยรุ่นที่ใช้ได้จริงๆ!
สายตาของศาสตราจารย์โจวเป็นประกาย ประกายแห่งความนับถือ และก็อิจฉา นับถือความกล้าอันแรงกล้าของฟางเหยียน นับถือท่าทีการจัดการเรื่องราวของฟางเหยียน
เขาเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยพร้อมกับศาตราจารย์โจว ตอนที่เดินผ่านเด็กสาวคนหนึ่ง จู่ๆเขาก็หยุดเดิน แล้วมองไปที่หญิงสาวคนนั้น ตอนแรกหญิงสาวคนนั้นมองเขา แต่หลังจากที่เห็นสายตาของเขาแล้ว จึงรีบหลบสายตาไป ฟางเหยียนมองหญิงสาวผู้นั้นอยู่สักพัก เด็กสาวสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนสีเทาเข้ม รูปร่างได้สัดส่วน หลังจากที่มองอยู่สักพัก เขาได้กล่าวว่า “ผมจำคุณได้! คุณคือซ่งหยิงใช่มั้ย?”
หญิงสาวคนนี้คือซ่งหยิง ตอนที่เธอได้ยินศาตราจารย์โจวพูดว่าจะมาต้อนรับฟางเหยียนที่ประตู จนก็อดไม่ได้ที่จะตามมา เธอคิดมาตลอดว่าเธอไม่โดดเด่นใดๆในสายตาของฟางเหยียน แต่สิ่งที่ทำให้เธอไม่คาดคิดก็คือนึกไม่ถึงว่าฟางเหยียนยังจำตนได้
ซ่งหยิงพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ค่ะ ฉันคือซ่งหยิง!”
“วันนี้คุณ สวยมากนะ” สายตาของฟางเหยียนจ้องไปยังซ่งหยิงที่หน้าแดงก่ำแล้วพูดประโยคนั้นออกมา จากนั้นก็เดินจากไป หัวใจของซ่งหยิงเต้นรัวๆจนแทบจะหลุดออกมาแล้ว ต้องบอก ว่าเธอไม่มีแรงต้านทานใดๆต่อชายคนนี้เลยจริงๆ เขายิ่งใหญ่มาก นาทีนั้นที่เข้าใกล้ตน หัวใจของเธอได้ละลายแล้ว
เขายังจำตนได้ สิ่งที่ทำให้เธอคาดไม่ถึงคือ นึกไม่ถึงว่าฟางเหยียนยังจำตนได้!
นี่เป็นเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดีกันนะ? ว่ากันว่าชายโฉดมักจะทำแบบนี้ก็หญิงสาว หรือเขาเป็นชายโฉดกันนะ?
เขารู้จักหลินถงสาวสวยอันดับหนึ่งเขตซีหนาน วันนั้นยังไปโรงแรมกับหลินถง ตอนนี้ก็จำตนได้อีก หรือเจตนาของเขาที่ทำกับหลินถงแบบนั้นก็ เพื่อที่จะ…
เฮ้อๆ ซ่งหยิงแกคิดอะไรเนี่ย? แกกับเขาจะเป็นไปได้ยังไงกัน เขาเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น! ต่อให้หลินถงคบกับเขา แล้วยังไง? แต่เขาไม่มีทางคบกับแกแน่นอน
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ซ่งหยิงก็ถอนหายใจยาวๆ แล้วเดินตามคนอื่นไปอย่างเงียบๆ
“ซ่งหยิง!” จู่ๆ เสียงที่มีพลังดังขึ้นมาจากประตูของมหาวิทยาลัย
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ซ่งหยิงเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตอย่างไรอย่างนั้น ตัวสั่นทันใด เธอไม่กล้าหันหลังกลับไปดู เพียงแต่เกิดเป็นคำถามขึ้นในหัว เขาเหรอ? ใช่เขาจริงๆเหรอ?
ถึงแล้ว นาทีนี้มาถึงแล้วจริงๆ!
ก่อนหน้านี้ ในหัวของซ่งหยิงเกิดการเดาขึ้นหลายครั้ง เดาถึงการมาถึงของเหตุการณ์นี้ เธอคิดว่าตัวเองเตรียมตัวไว้อย่างดีแล้ว ไม่คาดคิดว่าเมื่อได้ยินเสียงนี้ ตนก็ยังอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
เธอค่อยๆหันหน้าไปยังที่มาของเสียงนั้น เห็นผู้เฒ่าวัยกลางคนที่สวมชุดฮั่นฝูยืนอยู่ที่ประตู
ผู้เฒ่าสูงปานกลาง สวมชุดฮั่นฝู ใส่หมวก ในมือถือไม้เท้าหัวมังกร สีหน้าเต็มไปด้วยความเข้มขรึมและเลือดเย็น ด้านหลังของเขามีชายชุดดำสวมใส่แว่นดำสิบกว่าคน ข้างๆยังมีรถหรูจอดอยู่ด้วยกันหลายคัน มีรถตู้ของเบนซ์ และรถลินคอร์นหนึ่งคัน ไม่ว่าจะดูยังไง ก็ล้วนดูมีอำนาจ
ซ่งหยิงชะงักไปสักพักใหญ่ เธอพูดออกมาสองคำอย่างช้าๆ “อารอง!”
ชายที่อยู่ตรงหน้าก็คืออารองของซ่งหยิง อารองซ่งใช้ไม้เท้าหัวมังกร เดินมาทางที่เธออยู่ทีล่ะก้าว เขาเดินกะโผลกกะเผลก ขาของเขาเหมือนจะเคยได้รับบาดเจ็บ ไม่นาน เขาก็มาถึงด้านในมหาวิทยาลัย เดินตรงมาที่ซ่งหยิงโดยตรง
เมื่อซ่งหยิงเห็นอารองซ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองก้าว เพิ่งจะถอยไปสองก้าว เธอก็ชนเข้ากับคนๆหนึ่ง เธอรีบหันไป เห็นใบหน้าของฟางเหยียนพอดี
มือทั้งสองข้างของฟางเหยียนวางไว้ที่ไหล่ของเธอ แล้วถาม “คุณรู้จักพวกเขามั้ย?”
สำหรับฟางเหยียนแล้ว ซ่งหยิงก็นับได้ว่าเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ครั้งแรกที่มาจากเมืองจินโจวมาที่หนานหลิงก็ได้รู้จักกับเธอ เธอเป็นคนที่ความจำเรื่องราวและบุคคลได้ดีมาก ดังนั้นเขาจึงยังจำซ่งหยิงหญิงสาวคนนี้ได้
ซ่งหยิงได้ตอบอะไร อารองซ่งก็ได้หยุดเดินลง มองไปที่ฟางเหยียนแล้วถาม “คุณเป็นใคร?”
ฟางเหยียนเงยหน้ามองตาของผู้เฒ่าอย่างไม่ละสายตา หลังจากที่สบตาไปไม่กี่วินาที เขาก็ดูออกว่าผู้เฒ่าคนนี้เป็นคนที่ไม่ธรรมดา นอกจากผู้เฒ่าตรงหน้าแล้ว ยังมีพกที่อยู่ด้านหลังอีก ไม่ใช่คนธรรมดาทั้งหมด
พวกเขาแทบจะทุกคนเคยผ่านการฆ่าคนมาก่อน และก็ฆ่ามาแล้วจำนวนไม่น้อยด้วย
หลังจากที่เงียบสงัดไป ฟางเหยียนได้กล่าวว่า “ผมเป็นเพื่อนของเธอ!”
“อาจารย์ เขาเป็นอาจารย์ประวัติศาสตร์ของมหาลัยของเรา” ซ่งหยิงรีบเอ่ยปากอธิบาย เธอซาบซึ้งมาก ที่ฟางเหยียนออกหน้าแทนเธอ แต่เธอรู้ดีถึงอารมณ์ของอารองคนนี้ของเธอ ถ้าอีกเดี๋ยวยั่วโมโหเขาล่ะก็ ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“พวกคุณเป็นใคร?” ศาสตราจารย์โจวก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ จึงได้รีบเดินเข้ามา แล้วถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
สายตาของอารองซ่งจับจ้องไปที่ศาสตราจารย์โจว ซ่งหยิงรีบกล่าว “อารองคะ นี่คืออาจารย์ของหนู!”
เหตุผลที่เธออธิบายก็เพราะเธอกลัวว่าอารองของเธอจะทำอะไรขึ้นมา ซ่งหยิงรู้ดีเกี่ยวกับความสามารถของตระกูลตัวเอง
“อ๋อ!” อารองซ่งไม่ดูศาสตราจารย์โจวอีกต่อไป แต่มองไปที่ฟางเหยียน สายตาของเขาแม่นยำมาก เมื่อมองก็เหมือนมองทะลุเข้าไปในจิตใจของฟางเหยียน ฟางเหยียนสบตาอย่างไม่อ่อนข้อใดๆ ด้วยแววตาไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย
“ไอ้เด็กน้อย!” จู่ๆ ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆอารองซ่งเดินเข้ามา เขามองเห็นสายตาไม่เป็นมิตรของฟางเหยียน
อารองซ่งหลบสายตาไป ขวางหน้าชายผู้นั้นไว้ แล้วพูดกับซ่งหยิงอย่างเด็ดขาดว่า “เสี่ยวหยิง กลับบ้านกับอารอง!”
ซ่งหยิงกลืนน้ำลาย เธอเก็บความคิดทั้งหมดไว้อย่างหงอยๆ แล้วกล่าว “อารอง หนูจะไปกับอานะ แต่อาให้หนูเรียนคาบสุดท้ายก่อนจะไปได้มั้ย? นี่…”
หน้าของเธอแดงก่ำ หลังจากที่มองฟางเหยียนแล้ว ก็พูดเบาๆ “นี่เป็นวิชาประวัติศาสตร์ที่หนูชอบมากที่สุด!”
อารองซ่งได้มองฟางเหยียนที่อยู่ข้างๆซ่งหยิงอีกครั้ง แล้วกล่าว “ได้ สองชั่วโมงให้หลังไปรอฉันที่หน้าประตูมหาลัยนะ!”
เมื่อพูดจบ อารองซ่งใช้ไม้เท้าพยุงตัวหันหลังเดินไป ใบหน้าบูดบึ้งราวกับบูดบึ้งมากขึ้นไปอีก
ซ่งหยิงถอนหายใจยาวๆ แต่ยังคงหายใจไม่ทั่วท้อง เหมือนกับมีของหนักเป็นพันกรัมอยู่ภายใน
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ไปกันเถอะ!” มือของฟางเหยียนตบไปที่ไหล่ของซ่งหยิงเบาๆ
ซ่งหยิงค่อยๆได้สติกลับมา หันไปมองฟางเหยียน แล้วตอบอืม