หม่าจงหัว หม่ากวงชาว หม่ากวงหรง หม่าเหา สี่คนมองเหตุการณ์ที่เกินจริงตรงหน้าอย่างตะลึง เดิมคิดว่าสาวไร้หน้าคนนี้จะต้องต่อสู้อย่างหนักหน่วงกับฟางเหยียน จะต้องต่อสู้จนฟ้าดินเปลี่ยนสี ปฐพีสั่นสะเทือน ดุเดือดเลือดพล่าน แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อเธออยู่ต่อหน้าฟางเหยียนไม่มีแม้กระทั่งโอกาสที่จะต่อกรกลับไป เหมือนเด็กที่ต่อสู้ไม่เป็นจริงๆ
กดดัน กดดันทุกๆทาง ต่อหน้าฟางเหยียน เธอไม่มีแม้กระทั่งโอกาสได้ต่อกร! อะไรระดับต้าชี่ ผู้อาวุโสของสำนักไร้หน้า เพลิงเสวน ในสายตาของฟางเหยียนไม่สำคัญอะไรทั้งนั้น!
นี่คือเสน่ห์ที่ออกมาจากตัวของฟางเหยียน ตอนพวกเขาอยู่ต่อหน้าสาวไร้หน้าไร้ซึ่งพลังที่จะต่อกรได้ แต่เมื่อสาวไร้หน้าอยู่ต่อหน้าฟางเหยียนก็ไร้ซึ่งพลังที่จะต่อกรได้เช่นกัน
เดิมคิดว่าสาวไร้หน้าก็แข็งแกร่งมากพอแล้ว ไม่คาดคิดว่าฟางเหยียนจะแข็งแกร่งกว่าสาวไร้หน้าไม่รู้ตั้งกี่เท่า!
ในใจของหม่าจงหัวเกิดเป็นคำถาม วัยรุ่นคนนี้ แข็งแกร่งระดับไหนกันแน่นะ?
หรือเขาสามารถทำลายล้างพิภพได้?
มองใบหน้าอันแสนธรรมดาของฟางเหยียน ทำให้ทุกคนของตระกูลหม่าโล่งอกขึ้น
เขาเป็นคนมั้ย? ถ้าใช่ ทำไมคนในวัยนี้ถึงได้แข็งแกร่งถึงระดับนี้ได้นะ?
เขาไม่ใช่คนเหรอ? เขามีทุกอย่างที่คนมี แล้วจะไม่ใช่คนได้อย่างไรกัน?
ทุกคนของตระกูลหม่าเหม่อลอย แข็งทื่อ ชะงักไป หนึ่งในนั้นที่ใจเต้นเร็วที่สุดก็คือหม่ากวงชาวที่ล้มอยู่กับพื้นหน้าตาประหลาดใจ เขากลืนน้ำลายลงไป ใจเต้นเร็วตึกๆๆไม่หยุด! ตนยังโง่เรียกคนพวกนั้นไปล้อมเขาไว้อีก ดีที่เขาไม่จัดการ แต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาที่ออกโรง ถ้าเขาลงมือเอง งั้นตนจะยังมีโอกาสมีชีวิตอยู่ได้ถึงตอนนี้มั้ย?
ตอนนี้ เขารู้แล้วว่าตัวเองโชคดีมากขนาดไหน ตอนนี้ เขาก็ได้รู้แล้วว่าทำไมหม่าซวี่ซงถึงได้ตาย!
“จอมพลโผ้จวิน!” เทียนขุยก้าวมาข้างหน้า มองศพที่ส่วนคอยังเลือดไหลไม่หยุด แล้วถาม “ท่านฆ่าเธอทำไมครับ? เราต้องถามที่อยู่ของเพลิงเสวนจากเธอนะครับ!”
ฟางเหยียนเช็ดมือ แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “คุณคิดว่าเธอจะพูดมั้ย?”
พูดจบ ฟางเหยียนได้เดินมาถึงข้างๆของเทียนขุยแล้ว เขายกมือขึ้นตบบ่าของเทียนขุย จากนั้นก็มองเทียนขุย แล้วเดินไปที่หม่าจงหัว
เทียนขุยเพิ่งจะเข้าใจ จอมพลโผ้จวินพูดถูก ต่อให้ถามเธอ เธอก็ไม่พูดอยู่ดี เหมือนกับอ๋าวไท่นั่นแหละ ถึงวินาทีสุดท้ายก่อนตายแล้ว พวกเขาก็ยังไม่บอกองค์กรที่อยู่เบื้องหลังเลย แทนที่จะถามแล้วต้องโมโห สู้ฆ่าเลยจะได้สบายใจ สไตล์การจัดการเรื่องราวของจอมพลโผ้จวินราวกับจะดูมีความกล้ายิ่งขึ้นไปอีกแล้ว เหมือนตอนอยู่ในสนามรบ
หม่าจงหัวเห็นฟางเหยียนเดินมาทางเขา อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เพราะเนื่องจากตื่นเต้นเกินไป จึงได้กระอักเลือดออกมา นี่เป็นการกระอักเลือดเท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้วของหม่าจงหัว อวัยวะภายในของเขาแทบจะพังหมดแล้ว
ฟางเหยียนยกมือส่งสัญญาณว่าไม่ต้องพูดอะไร จากนั้นก็จับมือของเขาอย่างเบาๆ หาเส้นเลือดใหญ่ ใช้สองนิ้วกดเส้นเลือดแดงไว้ แล้วเริ่มจับชีพจรทั้งตัวของหม่าจงหัวอย่างตั้งใจ
การจับชีพจรอะไรนั่นความจริงแล้วก็คือดูผ่านการไหลเวียนของเลือดแล้วมาตัดสินว่าส่วนไหนในร่างกายเกิดปัญหา นี่คือมรดกยอดเยี่ยมทางวัฒนธรรมของประเทศหวา ได้ผลลัพธ์ดีกว่าเครื่องวัดร่างกายที่โรงพยาบาลใช้ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่
หม่าจงหัวพิงอยู่ในอกของหม่าเหา ลมหายใจของเขาค่อยๆผ่อนลง เขากล่าวอย่างอ่อนแรงว่า “จอมพล ขอบคุณจอมพลที่ช่วยตระกูลหม่าของผม แต่ไร้ประโยชน์แล้ว แต่ห้าอวัยวะตันหกอวัยวะกลวงของผมได้ถูกทำลายไปหมดแล้ว ไม่สามารถฟื้นกลับมาได้อีกต่อไป แต่เสียดาย เพลงดาบมังกรเขียวไม่ได้เอาชีวิตของไอ้ชั้นต่ำนี่ นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ผมเจ็บใจมากที่สุด”
“พ่อ! ไม่ต้องพูดแล้ว” หม่าเหาอยู่ข้างๆกล่าวอย่างระมัดระวัง
จากนั้นก็มองไปยังฟางเหยียน กล่าว “จอมพลโผ้จวิน ได้โปรดช่วยพ่อผมด้วยนะครับ! ตระกูลหม่าของเราภักดีต่อประเทศหวา ผมไม่อยากให้นี่เป็นจุดจบของพวกเรา! ขอจอมพลโผ้จวิน ท่าน…”
ฟางเหยียนได้ยกมือขึ้นมาขัดจังหวะของพูดของหม่าเหา จากนั้นก็กล่าวว่า “ไม่เป็นไร เรื่องจิ๊บๆ”
“อ้า!” หม่าจงหัวเองก็อดกลั้นไว้ไม่อยู่จนต้องร้องเรียกออกมา ตนฟังผิดไปหรือเปล่า?หรือว่าจอมพลโผ้จวินพูดผิดกันนะ?
เมื่อเห็นท่าทีตกใจสุดๆของหม่าจงหัว เทียนขุยจึงได้กล่าวว่า “หม่าจงหัว จอมพลโผ้จวินบอกแล้วว่าคุณไม่เป็นไร คุณก็จะไม่เป็นอะไรจริงๆ!สบายใจได้เลย”
“นี่…” คำพูดของหม่าจงหัวหยุดลง หลังจากที่ลังเลไปหลายวินาที จึงได้ตัดสินใจพูดว่า “เป็นไปได้ยังไง?ห้าอวัยวะตันหกอวัยวะกลวงของผมโดนทำลายไปหมดแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาให้เป็นดังเดิมได้ เมื่อก่อนพ่อของผม บรรพบุรุษของผมหลังจากใช้เพลงดาบมังกรเขียวแล้วก็ตายไปด้วยกันทั้งนั้น ถ้าสามารถรักษาได้ พวกเขารักษาไปนานแล้ว จอมพลโผ้จวิน ท่านกำลังปลอบผมอยู่ใช่มั้ย?”
“ไร้สาระ!” เทียนขุยกล่าวอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย “นั่นเป็นเพราะเมื่อก่อนบรรพบุรุษของคุณไม่รู้จักจอมพลโผ้จวินของเราต่างหากละ”
ฟางเหยียนไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ เขาเพียงหยิบขวดเล็กๆที่มีสีแดงออกจากในกระเป๋าอย่างเงียบๆ ในขวด เขาเทยาเม็ดสีดำออกมา เม็ดยาเล็กมาก ขนาดพอๆกับถั่วเหลือง แต่เป็นสีดำ
เทยาเม็ดออกมาแล้วดู จากนั้นเขาก็ยื่นให้หม่าจงหัว แล้วกล่าว “กินเข้าไป!”
หม่าจงหัวดูยาเม็ดที่อยู่ในมือของฟางเหยียนอย่างไร้เรี่ยวแรง ลังเลสักพัก แล้วถาม “นี่คืออะไร?”
“ยารักษาสารพัดโรค ครึ่งเดือนผ่านไปห้าอวัยวะตันหกอวัยวะกลวงของคุณจะกลับมาทำงานดังเดิม แต่ถ้าจะรอให้พลังของคุณฟื้นคืนละก็ ต้องหนึ่งเดือนให้หลังนะ” ฟางเหยียนแนะนำหม่าจงหัวอย่างจี้ตรงจุด
หม่าจงหัวมองยาเม็ดที่อยู่ในมือของฟางเหยียนอย่างประหลาดใจ แล้วถาม “จริงหรือเปล่าเนี่ย?นี่คือยาเซียน?”
มีเพียงยาเซียนเท่านั้นที่จะมีฤทธิ์ได้ถึงเพียงนี้ ไม่งั้นจะมีของอะไรที่สามารถฟื้นตัวห้าอวัยวะตันหกอวัยวะกลวงได้อีก หัวใจและปอดพังหมดแล้ว เส้นเลือดก็แตกไปหลายเส้น แต่เขากลับพูดอย่างสบายๆ ยากที่จะไม่ให้คนเกิดความสงสัยขึ้นมาได้
ฟางเหยียนหัวเราะอย่างเบื่อหน่าย แล้วกล่าว “ทำไมผมต้องโกหกคุณด้วยล่ะ จะกินไม่กินคุณตัดสินใจเองนะ ผมให้ความสำคัญกับความภักดีของตระกูลหม่ามาโดยตลอด ไม่นานคนของเพลิงเสวนจะมาติดต่อคุณที่ถึง ตอนนี้ คุณเป็นคนของเพลิงเสวนแล้ว ถ้าได้ข่าวอะไรใหม่ๆ ผมหวังว่าคุณจะบอกผมเป็นคนแรก”
“ไปกันเถอะ เทียนขุย!” พูดจบเขายืนขึ้นจากพื้น เอาขวดยาใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าอีกครั้ง หันหลังแล้วเดินไป หม่าเหามองแผ่นหลังของฟางเหยียน แล้วถามอย่างซีเรียสว่า “จอมพล แล้ว ศพของเธอล่ะ?”
ฟางเหยียนไม่หยุดเดิน แล้วกล่าวโดยไม่หันกลับมาว่า “เอาไปไว้ที่โรงงานกระจกเทมเปอร์ที่ภาคตะวันออกของเมือง!จะมีคนไปเอาถึงที่เอง”
ผู้คนของตระกูลหม่าต่างสบตากัน สไตล์การจัดการของจอมพลคนนี้ไม่เหมือนกับอายุของเขาเลย คนที่อายุวัยนี้มีการจัดการอย่างเด็ดขาดแบบนี้ มันช่างน่าเลื่อมใสเสียจริงๆ
หม่าจงหัวมีชีวิตมาเจ็ดสิบปี ยังไม่เคยเห็นวัยรุ่นที่อายุน้อยและทำงานไม่เหลาะแหละแบบนั้นเลย
“พ่อ ยานี้…” หม่าเหายังไม่ทันพูดจบ หม่าจงหัวก็กลืนมันลงไปโดยตรง ยาเพิ่งจะตกถึงท้อง ร่างกายก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง เกิดความเจ็บปวดขึ้นทั้งในร่างกาย เป็นความเจ็บปวดเหมือนกับถูกไฟแผดเผา