จะว่าไป ที่เธอเสียใจที่ไม่ได้รับสายของฟางเหยียนเป็นเพราะเธอไม่รู้ว่าฟางเหยียนจะพูดอะไร ถ้าเขาบอกว่าตัวเองไม่ได้แต่งงานล่ะ คนนั้นหลอกเธอล่ะ
หลายครั้งที่เธอคิดอยากจะโทรกลับไปถามฟางเหยียนว่าโทรมาหาเธอทำไม แต่เมื่อกดเบอร์โทรของฟางเหยียน เธอกลับทำแบบนั้นไม่ได้ จนดึกก็ยังไม่ได้โทรหาฟางเหยียน เรื่องนี้จึงทิ้งเอาไว้จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้
เฮ้อ!จิตใจของเย่ชิงหยู่ในตอนนี้ได้วุ่นวายอย่างสุดๆแล้ว เธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับฟางเหยียนยังไง ถ้าเจอฟางเหยียนอีกครั้ง เธอควรจะทำตัวยังไงดี?ให้เขาอธิบายเรื่องนี้กับตน หรือตนจะคาดคั้นเขาดี?
ในขณะที่ในหัวของเย่ชิงหยู่กำลังฟุ้งซ่านอยู่นั้น จู่ๆนอกหน้าต่างก็มีเงาที่คุ้นเคยปรากฏขึ้น นั่นเป็นแผ่นหลังของคนๆหนึ่ง ผอมแห้ง แล้วยังมีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกอีกด้วย
“ฟางเหยียน!” เย่ชิงหยู่ยืนขึ้นอย่างค่อนข้างตื่นเต้น แล้วเดินไปข้างๆหน้าต่าง เมื่อเดินไปถึง ก็ไม่เห็นเงานั้นแล้ว เธออยู่ที่ความสูงของชั้นสิบ มองลงไปข้างล่างไม่มีซอยอะไร มีเพียงลานกว้างที่โล่งว่าง แต่ที่ลานกว้างก็ไม่มีเงาที่ฟางเหยียน แผ่นหลังนั้นเหมือนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยอย่างไรอย่างนั้น เมื่อกี๊ตนเห็นอย่างชัดเจน แล้วจะหายไปได้อย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไรกัน?
หรือเพราะตัวเองคิดถึงฟางเหยียนมากเกินไป?ดังนั้นจึงประสาทหลอน?
ใช่ ต้องเป็นเพราะคิดถึงฟางเหยียนมากเกินไป ดังนั้นจึงประสาทหลอนแน่นอน!
“เย่ชิงหยู่นะเย่ชิงหยู่ แกกำลังทำอะไรอยู่” เย่ชิงหยู่ตบหัวตัวเองพูดกับตัวเอง พลางหลับสายตาอย่างทำอะไรไม่ได้ เธอนั่งลงบนเก้าอี้ หลับตาลง แล้วกดไปที่ขมับ
จะต้องเป็นเพราะช่วงนี้เกิดเรื่องบ่อย จึงทำให้เธอจิตใจว้าวุ่น!
นอกจากเรื่องของฟางเหยียนแล้ว ยังมีเรื่องไม่ดีที่เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย เธอเริ่มรู้สึกว่าวาระสุดท้ายของตัวเองใกล้เข้ามาแล้ว
ไม่นาน เธอค่อยๆลืมตาขึ้นมา เมื่อลืมตา เหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าทำให้เธอช็อกไป!
ด้านหน้าของเธอ ไม่รู้ว่ามีคนๆหนึ่งปรากฏกายขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ คนนี้ทำให้เย่ชิงหยู่ช็อกไป
เมื่อเธอเพ่งมอง จู่ๆก็งงงวยไป คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองไม่ใช่ใคร แต่เป็นฟางเหยียน!
ฟางเหยียนสวมเสื้อกันหนาวสีดำ ใส่กางเกงยีนธรรมดามากเหมือนเดิม รองเท้าก็ยังเป็นรองเท้าที่เขาสวมใส่เป็นประจำคู่นั้น ไม่รู้ว่าเพราะเปลี่ยนชุดใหม่ทั้งตัวหรือเปล่า จึงทำให้ฟางเหยียนในตอนนี้ดูมีชีวิตชีวากว่าเมื่อก่อนมาก
เย่ชิงหยู่ขยี้ตา ไม่ค่อยกล้าเชื่อสักเท่าไหร่ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือฟางเหยียน
ภาพลวงตา ใช่ ต้องเปนภาพหลอนแน่ๆ!จะต้องเป็นเพราะคิดถึงฟางเหยียนมากเกินไป จึงได้เกิดภาพหลอนแบบนี้ขึ้นมา
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เย่ชิงหยู่หลับตาลงอีกครั้ง ยกมือขึ้นขยี้รอบๆดวงตาอีกครั้ง
หลังจากที่ขยี้ไปได้สิบวินาที เธอจึงได้ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
“ฟางเหยียน”ที่อยู่ตรงหน้ายังไม่จากไปไหน ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ!
“ชิงหยู่!” ฟางเหยียนมองเย่ชิงหยู่ที่โศกเศร้า ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว เขาไม่รู้ว่าช่วงนี้หญิงสาวคนนี้เผชิญกับอะไรมาบ้าง จะต้องเป็นเรื่องที่ไม่ดีอย่างแน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะหวงหยวนฉาวบอกตนว่าบริษัทของเธอกำลังเจอกับวิกฤต เขาก็ยังคงไม่รู้ว่าพวกเขี้ยวเล็บพวกนี้ได้เตรียมจะเล่นงานเย่ชิงหยู่แล้ว สิ่งที่เขาเป็นห่วงมากที่สุดคือความปลอดภัยของเย่ชิงหยู่
“คุณ ไม่เป็นไรใช่มั้ย?” ฟางเหยียนก้าวมาข้างหน้า แล้วถามอย่างระมัดระวัง
เมื่อถามจบ เขาได้เดินมาที่ด้านหน้าโต๊ะทำงานของเย่ชิงหยู่แล้ว เย่ชิงหยู่ยืนขึ้นจากโต๊ะทำงานของตัวเอง หรี่ตาลงแล้วถาม “ฟางเหยียน?” เธอยังคงไม่กล้าเชื่อ กลัวว่าเพราะตัวเองคิดถึงฟางเหยียนจนล้มป่วย จึงได้เกิดภาพหลอนขึ้น
ฟางเหยียนเดินอ้อมโต๊ะทำงานมา ที่ด้านหน้าของเย่ชิงหยู่ เขาค่อยๆยกมือขึ้นวางบนใบหน้าของเย่ชิงหยู่อย่างเบาๆ ด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ชิงหยู่!” ปลายนิ้วของฟางเหยียนลูบหน้าของเย่ชิงหยู่เบาๆ เหมือนกับลูบกระดาษที่เรียบเนียน
แต่เย่ชิงหยู่รับรู้ได้ถึงความเย็นที่มือของฟางเหยียน หน้าของเธอเหมือนกับโดนเข้ากับไฟช็อตอย่างไรอย่างนั้น กระตุกอย่างแรง
“ฟางเหยียน ใช่คุณจริงๆใช่มั้ย?” เย่ชิงหยู่ใช้น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการรอคอย จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาจับมือของฟางเหยียน และแล้วเธอก็อดกลั้นความตื่นเต้นที่ตัวเองได้เจอฟางเหยียนไว้ไม่ได้
นี่เป็นสิ่งที่ปล่อยออกมาจากก้นลึกของจิตใจ ตนไม่สามารถที่จะต้านทานความรู้สึกจริงแท้นั่นได้
“ไม่!” จู่ๆเย่ชิงหยู่ก็นึกถึงเรื่องแต่งงานของฟางเหยียนขึ้นมาอย่างเร็ว เธอยังคงรับความจริงที่ไม่ได้ จากนั้น เธอก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ยกมือขึ้นมาปัดมือของฟางเหยียนที่อยู่บนใบหน้าของตน แล้วเคร่งเครียดขึ้นทันใด
“คุณมาที่นี่ทำไม?” เย่ชิงหยู่ถามอย่างเย็นชา เธอพยายามใช้ความเยือกเย็นของตัวเองปกปิดความตื่นเต้นบนใบหน้าของตัวเอง เธอไม่อยากให้ฟางเหยียนรู้ว่าเธอรอการปรากฏตัวของเขามาโดยตลอด ไม่ได้ จะให้รู้ไม่ได้เป็นอันขาด!
ฟางเหยียนทำเรื่องแบบนั้น แล้วเธอจะยกโทษฟางเหยียนง่ายๆอย่างนั้นได้อย่างไรกันเล่า
เมื่อเห็นเย่ชิงหยู่เป็นแบบนี้ ฟางเหยียนก็นึกถึงท่าทีโมโหของเย่ชิงหยู่หลังจากการล้างบางตระกูลเซียวครั้งนั้น ที่แท้ เย่ชิงหยู่ก็ยังโมโหกับเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นอยู่ ครั้งที่แล้วที่เธอไม่รับสาย จะต้องเป็นเพราะเรื่องนี้แน่นอน
ฟางเหยียนไม่มีทางคิดว่าเย่ชิงหยู่เยอะเพราะเรื่องเล็กๆแบบนี้แน่นอน เขาเพียงรู้สึกว่าเย่ชิงหยู่ในตอนนี้ค่อนข้างน่ารัก เมื่อนึกถึงจุดนี้ ฟางเหยียนก็ยิ้มออกมาเบาๆ แล้วถาม “ชิงหยู่ คุณยังโมโหที่ผมไม่บอกตัวตนของตัวเองให้คุณฟังอยู่อีกเหรอ?”
เรื่องนี้? เย่ชิงหยู่ไม่ได้โมโหเพราะเรื่องนี้ไปนานแล้ว ต่อให้เขาเป็นคุณชายของตระกูลฟางแล้วยังไง ตอนเด็กๆเขาก็ไม่ใช่ว่าเติบโตมากับตระกูลเย่ กินข้าวของตระกูลเย่ แล้วเธอคุ้มที่จะโมโหเพราะเรื่องนี้ตลอดงั้นเหรอ?
เย่ชิงหยู่ไม่ถึงขั้นงี่เง่าขนาดนั้น เธอไม่ได้เป็นคนที่งี่เง่าแบบนั้น!ทำไมตนโมโห ฟางเหยียนไม่รู้งั้นเหรอ?ทำไมเขาต้องแกล้งโง่ด้วย หรือมองว่าตัวเองโง่เลยมาหลอก
เขาแต่งงานกับลูกสาวของตระกูลตงฟางแล้ว แล้วทำไมยังมีหน้าปกปิดเรื่องนี้อีก?
ฟางเหยียนไม่ใช่เทพเซียน เขาไม่รู้ความคิดของเย่ชิงหยู่แน่นอน เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของเย่ชิงหยู่ เขาพูดกับเย่ชิงหยู่ว่า “ชิงหยู่ ผมเคยบอกแล้วไง ว่าชาตินี้ผมเป็นคนของตระกูลเย่ ตั้งแต่ลุงเย่พาผมมาที่ตระกูลเย่แล้วนั้น ผมก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลฟางอีก คุณสบายใจได้ เพียงแค่ผมมีชีวิตอยู่ ใครก็ไม่กล้ารังแกคุณทั้งนั้น นี่เป็นคำสัญญาที่ผมเคยให้ไว้กับคุณ”
จอมพลโผ้จวินของประเทศหวา เทพเจ้าแห่งสงครามผู้ทรงเกียรติยศไม่มีทางให้สัญญากับใครง่ายๆ เมื่อสัญญาแล้วก็จะติดตัวไปตลอดชีพ
“เหอะๆ!” เย่ชิงหยู่ดูแคลน กะพริบตาส่งสายตาให้ฟางเหยียน แล้วกล่าว “ตอนนี้คุณคงจะเป็นคนของตระกูลตงฟางแล้วสินะ?พูดได้น่าฟังมาก!”
“หืม?” ฟางเหยียนมองเย่ชิงหยู่อย่างมึนงง คำพูดนี้เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด เล่นเอาเขางงกันเลยทีเดียว อะไรคือตนคงจะเป็นคนของตระกูลตงฟางแล้ว ตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลตงฟางเลยแม้แต่น้อย
แต่ยังไม่ทันได้ถาม จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูถี่ๆดังขึ้นมา