“มนุษย์ต่างรู้กัน ว่าถ้าถูกฟ้าผ่า ก็ต้องตาย ไม่มีทางมีชีวิตรอดได้ แต่ผู้เฒ่าคนนั้นไม่เพียงไม่ตาย กลับกัน แสงสีทองบนตัวสว่างมากขึ้นไปอีก ต่างชาติพวกนั้นจะเคยเห็นฉากแบบนี้ที่ไหนกัน เมื่อเห็นเหตุการณ์ประหลาดแบบนั้น ต่างพากันถือปืนจ่อไปที่ผู้เฒ่า พวกเขาคิดว่าผู้เฒ่าจะปล่อยคาถาอาคมอะไรออกมา ใครจะรู้ว่าตอนที่เขาจ่อปืนไปที่ผู้เฒ่า ร่างกายของผู้เฒ่าขยับจากที่เดิม ร่างกายของผู้เฒ่าลอยขึ้นไปข้างบน ช้าๆ ช้าๆ เกิดขึ้นภายใต้สายตาของร้อยกว่าคน ตอนนั้นเล่นเอาคนพวกนั้นตกใจกันจ้าละหวั่น”
“มนุษย์ ลอยขึ้นไปแบบนี้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นกับตา พวกเขาไม่มีทางเชื่อว่าในโลกนี้จะมีคนที่เป็นเทพเซียนได้จริงๆ การเห็นกับตาในครั้งนั้น กลายเป็นภาพติดตาในใจของเขาตลอดไป”
นี่เป็นเรื่องฟ้าผ่าทัณฑ์อันลี้ลับของประเทศเรา ดังนั้นฉันเชื่อมาตลอดว่าประเทศของเรามีคนที่บำเพ็ญพรตอยู่ และคนที่บำเพ็ญพรตนี้หลบซ่อนอยู่ในป่าลึก จะพูดยังไงดีล่ะ ป่าลึกเหมาะกับการบำเพ็ญตน ถ้าอยากบำเพ็ญเซียน ก็ต้องบำเพ็ญตน มีเพียงบำเพ็ญถึงขั้นแล้วจึงจะสามารถฟ้าผ่าทัณฑ์ได้ ตำนานเหล่านั้นที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ล้วนไม่ใช่เรื่องเล่า ความจริงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับบุคคลจริง และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อฉันได้ยินฉินเข่อพูดว่าที่นี่มาอารามเต๋า แล้วฉันจึงมากับพวกแกยังไงล่ะ
หลายๆคนส่งเสียงอ๋อออกมา ต่างพากันยกนิ้วโป้งให้กับหลิวเจียเจียแล้วกล่าว “แกเก่งมากจริงๆ เรื่องนี้ยังรู้ด้วย”
หลิวเจียเจียส่งเสียงเหอะแล้วกล่าว “นี่มันแปลกตรงไหนกัน ถ้าพวกแกสนใจเรื่องฟ้าผ่าทัณฑ์ สามารถค้นหาเหตุการณ์งูหลามทะลุ แล้วก็คนงานทำถนนขุดพบงูหลามที่กุ้ยโจว จากนั้นช่วยงูหลามทะลุเป็นมังกรจากไป๋ตู้ได้ เรื่องราวที่ลี้ลับแปลกประหลาดนานาชนิดล้วนถูกบันทึกไว้หมดแล้ว ถ้าสนใจล่ะก็ ไปค้นหาดูได้ อ้อ ฉันรู้จักคนๆหนึ่งชื่อนินทา118 พวกแกไปติดตามเขาได้นะ ในเพจของเขามีเรื่องราวพวกนี้อยู่!”
“อืมๆๆ!” ฉินเข่อพยักหน้ากล่าว “เหมือนฉันจะเห็นคนนี้ลงเรื่องราวอยู่เหมือนกัน ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้ล่ะ พวกเรารีบเดินเถอะ เดี๋ยวจะมืดแล้วล่ะ”
“โอเค ไปยังที่อยู่ของเทพเซียนกัน ถ้าสามารถเห็นเซียนฟ้าผ่าทัณฑ์ได้ ก็เจ๋งไปเลยล่ะ”
“ไป!ไป!ไป!” หญิงสาวหลายคนต่างพากันเดินต่อไป
เดินไปได้ประมาณยี่สิบนาที ผู้คนทั้งหลายมาถึงเขื่อนกั้นน้ำที่ราบเรียบมาก ที่นี่มีลำธาร แล้วยังมีทางเดินเล็กๆที่เคยก่อสร้างไว้ ไม่เหมือนกับทางที่พวกเธอเดินมาเมื่อกี้นี้ ไม่คิดก็เดาได้ ว่าที่นี่มีคนอาศัยอยู่ ดูท่าทางพวกเธอใกล้จะถึงแล้ว พวกเธอเริ่มเหนื่อยล้าแล้ว จึงมาล้างหน้าที่ลำธาร ในขณะที่พวกเธอกำลังล้างหน้ากันอยู่จู่ๆ ฉินเข่อตะโกนอย่างตกใจออกมา “ดูเร็ว ฉันเห็นแล้ว!อยู่ตรงนั้นไง” พวกเธอมองไปที่ที่ฉินเข่อชี้ไปอย่างไม่ได้นัดหมาย เป็นที่ที่อยู่ไม่ไกลจากด้านหน้าของพวกเธอ ที่นั่นมีสถาปัตยกรรมโบราณปรากฏขึ้น เป็นอาคารที่ทรงพลังมีพลานุภาพ รอบๆมีหมอกปกคลุมไปทั่ว ให้ความรู้สึกของแดนเซียน ตัวอาคารตั้งอยู่ที่ไหล่เขา และพวกเธอยืนอยู่ที่ตีนเขา
สิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเป็นบันไดทางเดินเล็กๆอันแคบ ทางเดินเล็กนี่แคบจนเดินได้ทีล่ะคน เหมือนบันไดสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น
“พระเจ้า จริงใช่มั้ยเนี่ย!นี่ นี่ นี่มันช่างน่าตะลึงเสียจริงๆ!นึกไม่ถึงว่าบนโลกยังมีสถานที่แห่งนี้อยู่ด้วย”
“คุณพระ มีแดนเซียนในโลกมนุษย์ได้อย่างไรกันเนี่ย มันช่างสวยจนเคลิบเคลิ้มเลยจริงๆ”
“สถานที่แห่งนี้ น่าจะมีแค่เทพเซียนจึงจะอาศัยอยู่ได้สินะ!พวกเรายืนตรงนี้ สามารถสูดชี่เซียนได้แล้วเหมือนกันใช่มั้ย!”
พวกเธอยืนอยู่ที่ตีนเขา เงยหน้ามองไปเห็นสถาปัตยกรรมนั้นได้พอดี มองจากด้านล่างขึ้นไป เห็นหมอกควันอบอวล เหมือนมีชี่เซียนอย่างไรอย่างนั้น ต่อให้สถาปัตยกรรมอยู่ในหุบเขา แต่ที่เขตซีหนานเป็นที่ราบสูงสลับซับซ้อนไปมา ไม่ว่าไปทางไหนก็เป็นภูเขา คุณคิดว่าเขานี้สูงมาก ไม่นาน ด้านบนของพวกเธอได้ปรากฏยอดเขาที่สูงยิ่งกว่าขึ้นมาอีก
“เร็วๆๆ รีบถ่ายรูป!” พวกเธอหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปแชะๆกัน
ถ่ายจากไกลๆจะไปสนองความอยากรู้อยากเห็นของพวกเธอได้ที่ไหนกัน ตอนนี้พวกเธอได้ถูกแดนเซียนในโลกมนุษย์ทำให้เคลิ้มไหลตามไปแล้ว ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อกี๊หายไปเป็นปริทิ้ง พวกเธอรีบขึ้นบันไดไปอย่างเร็ว
ในขณะที่พวกเธอเดินอย่างเร่งรีบ อยากจะไปให้ถึงอาคารสูงตระหง่านนั้นให้เร็ว จู่ๆก็มีสองคนปรากฏอยู่ตรงหน้าของพวกเธอ สองคนนั้นปฏิกิริยาเร็วมาก เหมือนกับกำลังวิ่งอยู่ ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ ว่าต้องเป็นนักพรตที่กำลังฝึกตนที่นี่!
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ฉินเข่อเรียกทั้งสองคน “นี่ พี่นักพรตทั้งสอง รอพวกเราด้วย!”
เนื่องจากอยู่ห่างกันมาก ทั้งสองไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่เพิ่มความเร็ววิ่งต่อไป
สาขาย่อยเพลิงสวน ณ สำนักไร้หน้า
ชายคนนั้นที่ถูกเรียนกว่าพระราชากำลังใช้มือคลำไปที่ชุดเกราะทองตัวนั้นของเขาอย่างเบาๆ ผู้หญิงหลายคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขา ต่างสวยสดงดงาม รูปร่างชั้นเลิศ ถ้าไปยังโลกภายนอก ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ล้วนเป็นสาวงามอันดับต้นๆ แต่ในเมื่อยืนอยู่ในห้องโถง ไร้ซึ่งอารมณ์ แววตาเหม่อลอย ดูเหมือนต้องมนต์สะกดอะไรบางอย่าง ขยับไม่ได้
ในสายตาของอู๋หมิงมีเพียงชุดเกราะทอง มือของเขาลูบเบาๆไปบนชุดเกราะ ในหัวปรากฏท่าทางที่ตนสวมใส่ชุดเกราะชุดนี้ทำศึก ถ้าตนสามารถใส่ชุดเกราะทองตัวนี้ทำศึกได้จริงๆ ก็คงดีไม่น้อยเลยนะ
ผู้แข็งแกร่ง สิ่งที่คิดถึงมากที่สุดก็คือสงคราม มีเพียงคนธรรมดาเท่านั้นที่อยากสงบสุข สำนักไร้หน้ากับโลกไม่ได้ต่อสู้กันมาหลายปี ไม่มีประสบการณ์ในการสู้รบในสนามรบไปนานแล้ว นี่เป็นจุดที่แย่ที่สุดของสำนักไร้หน้า ทุกๆวันอู๋หมิงจะต้องไปลูบชุดเกราะทอง ก้เพราะเขาอยากทำสงคราม สงครามที่สุขสบาย เขาเริ่มลงแดง อดไม่ได้ที่อยากจะระเบิดพลังอันมหาศาลของตนออกมาแล้ว
นี่เป็นโลกที่ผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่รอด ไม่มีใครเปลี่ยนธรรมชาติของโลกนี้ได้ ตั้งแต่โบราณจนกระทั่งตอนนี้ล้วนเป็นผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่รอดเสมอ มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกนี้ได้ ยอดของห่วงโซ่อาหารเป็นของผู้แข็งแกร่งเสมอไป
มีคนบอกว่าโลกกลายเป็นเท่าเทียมกันแล้ว นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่เข้าใจอะไรคือสังคมที่แท้จริง
ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง อู๋หมิงต้องคิดถึงความรู้สึกที่มีในสงครามอยู่แล้ว อย่างน้อยสงครามก็ทำให้เขาลืมตัวตน
ในตอนที่นิ้วของเขาลูบผ่านเกราะทอง ชายคนหนึ่งเดินจากข้างนอกเข้ามา นี่เป็นชายที่มีกลิ่นอายของนักพรต ในมือของผู้ชายถือพัดจูเก่อไว้ ใส่ชุดฉางผาวสีขาว ผมหงอกเคราขาว เขาเดินมาอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
หลังจากที่มาถึงห้องโถงแล้ว เขาพูดกับอู๋หมิงว่า “พระราชา เห็นท่าไม่ดีแล้วล่ะ!”
มือของอู่หมิงหยุดลง จากนั้นหันไปมองผู้ชาย “คุณผู้ชาย มีเรื่องอะไรหรือ?”
ชายที่ถูกเรียกว่าคุณกล่าว “เมื่อคืนผมสังเกตดวงดาวบนท้องฟ้า มีดาวชิกสัวะดวงหนึ่งบังเกิดขึ้นที่สำนักไร้หน้า เหมือนกับหายนะจะเกิดกับสำนักไร้หน้ารอมร่อ ด้วยเหตุนี้เองผมจึงเสี่ยงทายทั้งคืน เสี่ยงทายถึงขณะนี้ ผลลัพธ์ที่ได้มาการทุกการเสี่ยงทายให้ผลออกมาว่าภัยอันตรายของสำนักไร้หน้ากำลังจะมาถึง!”