สองวันแล้ว ไม่เจอหน้าฟางเหยียนมาสองวันแล้ว เย่ชิงหยู่คิดว่าฟางเหยียนจะกลับมาเร็วกว่านี้ คืนวันนั้นยังตั้งใจรอเขากลับมาด้วย
ใครจะรู้ไปทีก็ไปตั้งสองวัน จากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวอีกเลย เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สรุปแล้วสองวันนี้ไม่มีข่าวของบริษัทซินปางเลย และไม่มีข่าวของฟางเหยียนด้วย
เธอพยายามสืบข่าวของบริษัทซินปาง แต่กลับเหมือนพยายามไปก็ไร้ประโยชน์ ใครก็ไม่ยอมพูดถึงบริษัทซินปางนี้กัน กลัวว่าเป้าหมายต่อไปของพวกเขาจะเป็นธุรกิจของตน
เย่ชิงหยู่ไม่รู้ว่าฟางเหยียนทำอะไรกับบริษัทซินปาง แต่เธอยังคงเป็นห่วงฟางเหยียน เบื้องหลังของบริษัทซินปางน่ะคือแก๊งซินหงนะ อำนาจของแก๊งซินหงน่ะไม่ใช่คนธรรมดาจะเทียบได้หรอก
ฟางเหยียนแกร่งก็จริง แกร่งกว่าตระกูลเซียว แต่ตระกูลเซียวจะเทียบกับแก๊งซินหงได้ยังไงล่ะ!
ต่อให้เป็นตระกูลฟางของเมืองหลวง น่ากลัวจะไม่สามารถเทียบเคียงกับแก๊งซินหงได้เหมือนกัน! ตระกูลฟางน่ะกล้าแข็ง แต่นั่นก็เป็นการกล้าแข็งในด้านทำธุรกิจและราชการ แต่ถ้าเทียบกับองค์ใต้ดินแบบแก๊งซินหง ใครจะรู้ว่าพวกเขาทำอะไรล่ะ
ถ้าแก๊งซินหงมาต่อกรกับตระกูลฟาง สงสัยตระกูลฟางก็คงต้านทานไม่ไหวล่ะมั้ง!
ไม่ได้การ เกิดเรื่องละ ฟางเหยียนต้องเกิดเรื่องแน่!
เย่ชิงหยู่นั่งบนโซฟาอย่างไม่สงบสุข เธอหยิบมือถือบนโต๊ะขึ้นมา เธอกดโทรหาฟางเหยียน ปลายสายมีเสียงอัตโนมัติพูดมาว่า ขอโทษค่ะ หมายเลขที่คุณเรียกปิดเครื่องแล้ว กรุณาโทรมาใหม่อีกครั้ง…
ปิดเครื่องแล้ว! สีหน้าเย่ชิงหยู่เปลี่ยนเป็นกังวลขึ้นมา ไม่น่าจะเกิดเรื่องจริงๆหรอกใช่ไหม! ที่เขาต้องเผชิญหน้าคือแก๊งซินหงนะ ฟางเหยียนต้องเกิดเรื่องแล้วแน่ ต้องโดนแก๊งซินหง…
เย่ชิงหยู่ไม่กล้าคิดต่อไป เธอรีบกดโทรเบอร์นั้นอีกครั้ง ยังคงปิดเครื่องเหมือนเดิม!
ไอ้หยา! ทำไมตนต้องคิดมากแบบนี้นะ ฟางเหยียนแต่งงานกับคนอื่นแล้วแท้ๆ ที่สำคัญที่สุดเขายังไม่บอกตน ต่อให้ตนไปถามเขา เขายังแกล้งตีเนียนไม่รู้เรื่อง ฟางเหยียนเก็บซ่อนดีเกินไป เหมือนกับฐานะของเขา เขายังมีฐานะคุณชายตระกูลฟาง ถ้าตาแก่นั่นไม่บอกเธอ ตอนนี้เธอเองยังโดนหลอกอยู่แน่
ที่น่าขำที่สุดคือ เธอกลับให้ฟางเหยียนไปทำงานรักษาความปลอดภัยที่ฟางซื่อกรุ๊ป ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกกระดากใจ เธอสามารถนึกถึงสีหน้าฟางเหยียนที่หัวเราะเยาะเธอจากข้างหลังได้เลย
เย่ชิงหยู่กอดขาตัวเอง พึมพำว่า “ฟางเหยียนเอ๊ยฟางเหยียน คุณคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยจริงหรือไง? อยากจะปิดบังหลอกฉันไปตลอดงั้นสิ? เหอะ คุณนี่นะ….”
พอพูดถึงตรงนี้ เย่ชิงหยู๋รีบตบหัวตัวเอง “เย่ชิงหยู๋เอ๊ยเย่ชิงหยู่ คิดอะไรอยู่น่ะ ฟางเหยียนเกิดเรื่องเพราะเธอแล้วนะ เธอยังมีแก่ใจมาคิดเรื่องพวกนี้ตอนนี้อีก!”
ในตอนที่สมองเธอคิดสับสนวุ่นวายอยู่นั้น จู่ๆมือถือก็ดังขึ้นมา เธอรีบหันไปคว้ามาดู พอเห็นตัวหนังสือที่โชว์ขึ้นหน้าจอ ทันใดนั้นความรู้สึกรอคอยก็ตกวูบเลยทันที
เธอคิดว่าเป็นฟางเหยียนโทรกลับมา ไม่คิดว่าชื่อที่โชว์จะเป็นเฉินหย่า
เฉินหย่าไม่ได้ติดต่อเธอมาพักหนึ่งแล้ว หนึ่งเพราะตัวเธอยุ่งมาก สองเป็นเพราะช่วงนี้เธอไม่มีเวลาชวนเที่ยวด้วย
หลังจากถอนหายใจยาวหนึ่งเฮือก เย่ชิงหยู่ตัดสินใจกดรับสาย ปลายสายมีเสียงเฉินหย่าลอดออกมา “ชิงหยู่ อยู่บ้านไหม?”
“อยู่สิ ทำไมหรอ? เฉินหย่า!” เย่ชิงหยู่ถาม
เฉินหย่าบอก “อ้อ เธอว่างไหมน่ะ? ออกมาเจอกันหน่อยสิ เราไม่ได้ออกมาทานอะไรด้วยกันนานแล้วนะ”
“ตอนนี้หรอ?” เย่ชิงหยู่ยกมือขึ้นดูเวลา สองทุ่มแล้ว
เฉินหย่าบอก “ใช่ไง บาร์เวลาละกัน ออกมาเถอะ!”
เย่ชิงหยู่กัดฟัน ลังเลสักครู่ก่อนถาม “เฉินหย่า มีอะไรหรือเปล่า?”
“อืม!” เฉินหย่าบอก “เธอมาแล้วจะรู้เองล่ะ”
ไม่นานเย่ชิงหยู่ก็ไปที่บาร์เวลา เฉินหย่านั่งอยู่ในห้องวีไอพีเล็กมากอยู่ก่อนแล้ว มีแค่เธอคนเดียว หลังจากสั่งเครื่องดื่มเย็นมาหนึ่งแก้ว ทั้งสองคนก็นั่งลงตรงข้ามกัน
เย่ชิงหยู๋พึ่งนั่งลงมา เฉินหย่าก็ถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงว่า “ฉันพึ่งกลับมาจากเมืองอื่น ได้ยินว่าบริษัทเธอเกิดเรื่อง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เย่ชิงหยู่ส่ายหัวบอก “ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะ!”
“เฮ้อ!” เฉินหย่าพูดอย่างหน่ายใจว่า “ไม่คิดเลยจริงๆว่าธุรกิจเล็กอย่างบริษัทซินปางจะจ้องเป้าหมายมาที่เธอได้ ไม่รู้ว่าเถ้าแก่พวกเขาคิดอะไรกันแน่ ไม่รู้เลยหรอว่าเธอร่วมงานกับท่านหวงแห่งซีหนานกรุ๊ปน่ะ?”
เย่ชิงหยู่ดื่มเครื่องดื่มเย็นไปหนึ่งคำ พูดอย่างทำอะไรไม่ได้ว่า “นี่ไม่ใช่ความคิดพวกเขา เป็นของแก๊งซินหง!”
เฉินหย่าเอามือปิดปากทันที กะพริบตาปริบๆถามว่า “เธอว่าไงนะ? แก๊งซินหง!”
เย่ชิงหยู่พยักหน้า เฉินหย่าเหมือนกับเย่ชิงหยู่ ต่างมาจากสังคมระดับสูงทั้งคู่ ดังนั้นเลยไม่แปลกหูกับแก๊งซินหง ใครบ้างไม่รู้ว่านี่เป็นองค์กรแบบบังคับข่มเหงชาวบ้านองค์กรหนึ่ง แถมยังมีอำนาจมากจนน่าตกใจด้วย
แต่ไม่นานเฉินหย่าก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เธอบ่นพึมพำว่า “แก๊งซินหงเหมือนจะโดนกำจัดแล้วล่ะ”
“หือ!?” เย่ชิงหยู๋หันมองเฉินหย่าอย่างสงสัย เป็นเชิงถามเธอว่าหมายความว่ายังไง
เฉินหย่าหยิบมือถือออกมาดูพลางว่า “ใช่ ไม่ผิดแน่ อำนาจของแก๊งซินหงในจินโจวโดนทำลายหมดแล้ว ตำรวจที่ตามจีบฉันพึ่งบอกเมื่อสองวันก่อน เขาบอกว่าที่เกิดเหตุเลือดสาดมาก ทุกคนโดนฆ่าหมด ตอนเกิดเหตุเป็นกลางคืน ฉันกลัวเลยไม่กล้าไปดู และไม่กล้าคุยกับเขาด้วย พอเธอบอกฉันเลยนึกขึ้นมาได้”
เฉินหย่าพูดพลางยื่นมือถือให้เย่ชิงหยู่ดู หลังจากรับมือถือมาดู เย่ชิงหยู่แทบกลั้นอาเจียนไม่อยู่ ในรูปเป็นคนตายทั้งหมด แถมไม่ใช่คนเดียว ตายเยอะมาก
เฉินหย่ารีบบอก “เขายังบอกฉันอีกว่า เรื่องนี้ห้ามพูดออกไป บอกว่าเบื้องบนสั่งการลงมา ทุกคนห้ามพูดเด็ดขาด ดังนั้นหลังจากคืนนั้นจัดการเคลียร์พื้นที่แล้ว ก็เก็บเป็นความลับละ ได้ยินว่าตายหลายพันคนเลยนะ”
สีหน้าเย่ชิงหยู่กลับเป็นปกติ เธอกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ฝีมือฟางเหยียนหรอ?
ตอนฆ่าคนตระกูลเซียว คือตายไม่กี่คน แต่นี่หลายพันคน!
ถ้าเป็นฟางเหยียนทำจริง งั้นฟางเหยียนเป็นฐานะอะไรกันแน่? ปีศาจร้ายฆ่าคนไม่เลือกหรือไง? เย่ชิงหยู่ไม่กล้าคิดต่อไป เธอกลัวว่าถ้าคิดต่อไปก็จะไม่รู้ว่าควรเผชิญหน้าฟางเหยียนยังไงดี
เฉินหย่ามองดูสีหน้าตื่นเต้นซีเรียสของเย่ชิงหยู่ และพูดต่อว่า “ฉันได้ยินมาว่าเรื่องนี้เหมือนกับที่ตระกูลเซียวโดนทำลายเลย โดนเบื้องบนกดไว้แน่นมาก ก่อนหน้านี้ มีคนบอกว่า มีคนใหญ่คนโตมากคนหนึ่งมาที่จินโจว ถ้าฉันเดาไม่ผิด คนนั้นน่าจะเป็นคนที่ทำลายตระกูลเซียวและแก๊งซินหลงนะ!”
“ใครกันล่ะ?” เย่ชิงหยู่กำหมัดแน่น ถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
เฉินหย่าดื่มเครื่องดื่มไปหนึ่งอึก ส่ายหน้าบอก “ฉันไม่รู้ แต่ว่าเป็นคนใหญ่คนโตมากแน่”