ประโยคเดียว จะสรุปข้อดีข้อเสียของคนจะดูได้หลังจากการตายไปแล้ว ทำให้หลินถงไม่กล้าทำอะไรเกินเลยอีกต่อไป
ถ้าฟางเหยียนล้างบางสำนักไร้หน้าแล้วจริงๆ งั้นในสายตาของฟางเหยียนตนก็หน่อมแน้มมาก จอมคาถาทั้งสี่ สิ่งล้ำค่าของสำนักไร้หน้า พวกเขาทั้งสี่รวมพลังกันได้ถึงระดับปรมาจารย์ นั่นเป็นบุคคลไม่กี่คนที่หาได้ยากในประเทศหวา ถ้าพวกเขาล้วนเอาชนะฟางเหยียนไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นฝีมือระดับนี้ของตนล่ะ อีกอย่างสำนักไร้หน้าก็พังไปแล้ว แล้วตนจะโง่ยืนหยัดต่อไปทำไม
หลินถงอยากถอนตัวจากการพันธนาการของสำนักไร้หน้าแล้วกลับมาเป็นตัวของตัวเองตั้งนานแล้ว ตอนนี้ได้โอกาสพอดี
เมื่อนึกถึงจุดนี้ หลินถงเก็บกริชที่อยู่ในมือไว้ เปลี่ยนอารมณ์ เธอย่างกายไปที่ฟางเหยียนอย่างช้าๆ แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ทำไมฉันต้องเชื่อด้วยว่าคุณได้ล้างบางสำนักไร้หน้าแล้ว?”
นั่นนะสิ นี่เป็นสิ่งที่ไม่รู้มาก่อน หลินถงไม่รู้ว่าสำนักไร้หน้าได้ถูกล้างบางแล้ว และเธอก็ไม่ค่อยเชื่อว่าฟางเหยียนจะสามารถกำจัดสำนักไร้หน้าได้ ต่อให้ในอุดมคติของตนฟางเหยียนจะยิ่งใหญ่มาก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับสำนักไร้หน้าได้
สำนักไร้หน้าทิ้งความทรงจำร้ายๆให้หลินถงไม่มีทางลืมได้ตลอดไป เธอมองว่า ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่าสำนักไร้หน้าอีกแล้ว
ฟางเหยียนหัวเราะเหอะๆออกมา แล้วกล่าว “เรื่องนี้ ผมพิสูจน์ไม่ได้ แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีใครมาเรียกคุณอีก อู๋หมิง อู๋เมี่ยน แล้วยังมีจอมคาถาทั้งสี่ที่พำนักอยู่ใต้ดิน ล้วนตายหมดแล้ว คุณลองดูว่ายังติดต่อพวกเขาได้หรือไม่ก็ได้นะ”
ในแววตาและการกระทำของฟางเหยียน มองเห็นถึงความมั่นใจอย่างมาก เขาให้ความรู้สึกว่าตนไม่มีเหตุผลต้องโกหก
หลินถงก็ไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรเชื่อฟางเหยียน แต่วันนั้นเธอได้ยินกับหูที่ปรมาจารย์กุ่ยซือพูดว่าสำนักไร้หน้าจะพังพินาศ
หลังจากที่ครุ่นคิดไปสักพัก หลินถงถาม “งั้นคุณรู้ได้ยังไงว่าฉันคือคนของสำนักไร้หน้า?”
ฟางเหยียนกล่าวอย่างชิลล์ๆว่า “ง่ายมาก ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมช่วยคุณ ผมก็รู้ว่าคุณไม่ใช่ลูกสาวชาวนาที่ธรรมดา คุณให้ตัวตนและตำแหน่งของตัวเองเป็นลูกสาวของคนทั่วไป แล้วยังเป็นโรคอะไรอีก ตัวตนแบบนี้มันบ้าบอมาก ลักษณะของคุณไม่เข้ากับลูกสาวของครอบครัวธรรมดาเลยแม้แต่นิดเดียว!ตอนที่ผมมาถึงหนานหลิง ให้เทียนขุยสืบประวัติคุณ ต่อให้สืบอะไรไม่เจอเลยสักอย่าง แต่ผมยังเชื่อว่าคุณไม่ใช่คนธรรมดา จนกระทั่งผมไปสำนักไร้หน้า เห็นหญิงสาวสี่คนที่อยู่ข้างกายของอู๋หมิง ผมก็มั่นใจว่าคุณก็คือผู้อาวุโสของสำนักไร้หน้า ผมคิดว่าผมเดาไม่ผิด คุณว่าไง?”
หลินถงสะอึกไป พยักหน้ากล่าว “ใช่ คุณพูดถูก ฉันคือผู้อาวุโสอู๋ซางของสำนักไร้หน้าจริง ฉันได้รับคำสั่งจากเจ้าสำนักว่าให้มาแต่งงานกับคุณชายของตระกูลถังที่จินโจว เป้าหมายอื่นก็คือเพื่อแย่งชิงตระกูลถัง ให้ตระกูลถังรับใช้สำนักไร้หน้าของพวกเรา”
“เดิมทีคุณสามารถยึดตระกูลถังได้ตั้งนานแล้ว ทำไมถึงได้ยืดเยื้อการกระทำล่ะ?ในการสืบค้นของผม คุณเข้าตระกูลถังมาสองปีแล้ว ในช่วงสองปี คุณได้รับความเชื่อใจของถังเสี่ยนจงโดยสิ้นเชิง ความจริงคุณเข้าสวมรอยตระกูลถังได้ตั้งนานแล้ว แต่คุณก็เคารพให้เกียรติถังเสี่ยนจงมาโดยตลอด ทำไมกัน?” ฟางเหยียนหันหลังมา และมองไปที่หลินถง
ใบหน้าของหลินถงปรากฏรอยยิ้มอันขมขื่นขึ้นมา แล้วกล่าว “นั่นเป็นสิ่งที่คุณไม่รู้ คุณแค่สืบเจอตัวตนของฉัน แต่ไม่รู้ควาเป็นมาของฉัน ความจริงผู้หญิงที่เคยอยู่สำนักไร้หน้าทุกคนล้วนรู้กัน ว่าการที่จะเปลี่ยนการสาวใช้เป็นผู้อาวุโสนั้นไม่ง่าย สาวใช้ถูกล้างสมองตั้งแต่ยังเด็ก ให้พวกเธอกลายเป็นเครื่องมือของการฆ่าคน นอกจากฆ่าคนก็คือฆ่าคน พวกเธอไม่มีความรู้สึก ไม่มีอำนาจใดๆ ทำได้เพียงฟังคำสั่งของเจ้าสำนัก เจ้าสำนักให้พวกเธอทำอะไรก็ต้องทำ อยากมีความคิดเป็นของตัวเอง อยากทำอะไรด้วยตัวเอง ก็ต้องเปลี่ยนจากสาวใช้เป็นผู้อาวุโสให้ได้ เพียงแค่เปลี่ยนเป็นผู้อาวุโส จึงจะสามารถไปไหนมาไหนก็ได้ ฉันมีวิถีชีวิตมาแบบนี้ จากสาวใช้คนหนึ่งกลายเป็นผู้อาวุโสท่านหนึ่ง แล้วยังถูกส่งมาสวมรอยตัวตนของหญิงสาวคนหนึ่ง ฉันไม่รู้ว่าคุณรู้มั้ย ว่าสาวใช้ที่นั่นลักษณะเหมือนกันเป๊ะๆ”
ฟางเหยียนนึกย้อนกลับไปถึงหญิงสาวทั้งสี่ เขายอมรับว่าตนไม่ได้มองหญิงสาวพวกนั้นเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ปรากฏออกมาจากตัวของพวกเธอนั้นเหมือนกัน รูปลักษณ์การกระทำ อีกทั้งหลายๆด้านก็เหมือนกัน
“หลังจากที่ฉันสวมรอยตัวตนของหญิงสาวคนนั้นแล้ว ก็เป็นที่ต้องตาของคุณชายใหญ่ตระกูลถังได้สำเร็จ ต่อมาฉันได้มาที่ตระกูลถัง ที่ตระกูลถัง ฉันรับรู้ได้ถึงความเป็นอยู่ของมนุษย์อย่างช้าๆ เหมือนฉันจะเคยชินชีวิตแบบนี้ไปแล้ว ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ฉันไม่ยอมยึดตระกูลถังสักที ฉันกลัวว่าหลังจากที่ยึดตระกูลถังแล้ว ตัวเองจะกลายเป็นคนที่เลือดเย็นเมื่อก่อนอีกครั้ง ฉันไม่อยากกลับไปเป็นฉันในอดีตอีกแล้ว แต่ฉันก็กลัวการข่มขู่ของสำนักไร้หน้า ดังนั้นทำได้เพียงพลางควบคุมตระกูลถัง พลางควบคุมสำนักไร้หน้า ฉันรู้ ถ้าคุณจะฆ่าฉัน ก็เหมือนดั่งล้วงของในกระเป๋า ฉันไม่มีทางต่อต้าน” พูดจบ หลินถงคุกเข่าลงกับพื้นอย่างช้าๆ เข่าทั้งสองพื้นติดอยู่กับพื้น เงยหน้าหลับตา
ฟางเหยียนมองหลินถงจากด้านบน แล้วกล่าว “คุณก็รู้ว่าผมไม่มีทางฆ่าคุณ ถ้าผมจะฆ่าคุณ ผมลงมือไปนานแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลินถงลืมตาขึ้น มองฟางเหยียนแล้วถาม “งั้น คุณคิดจะให้ฉันทำอะไร?”
ฟางเหยียนนั่งยองๆ เอื้อมมือไปพยุงแขนของหลินถง พยุงเธอขึ้นมาจากพื้น แล้วกล่าว “ผมจะให้คุณเป็นอู๋ซางต่อไป อู๋ซางคนนั้นที่ได้ยึดตระกูลถังไว้แล้ว ผมอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับเพลิงเสวน”
หลินถงรีบเงยหน้าขึ้นมองสายตาของฟางเหยียน สายตาทั้งสี่ประสานกัน หลินถงมองเห็นสิ่งที่พิเศษบางอย่างในสายตาของฟางเหยียน เธอรู้ว่าฟางเหยียนลึกลับมาก มีเทคนิคการแพทย์ที่วิเศษ แล้วยังมีความสามารถในการล้างบางสำนักไร้หน้า แต่ถ้าต่อกรกับองค์กรที่อยู่เบื้องหลังยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน เพราะพวกเขาแข็งแกร่งมาก
เมื่อนึกถึงจุดนี้ หลินถงรีบกล่าวว่า “เทพหมอฟาง องค์กรนั้นไม่ใช่…”
ฟางเหยียนยกมือขึ้นขัดจังหวะคำพูดของหลินถง แล้วกล่าว “คุณรู้อะไรผมก็รู้ ตอนนี้สิ่งที่ผมต้องการคือที่ตั้งที่แน่ชัดของพวกเขาหรือคนที่แน่ชัด แน่นอน คุณเลือกที่จะล้มเลิกได้ เพียงแค่คุณไม่ทำเรื่องที่เกินไป ผมยังคงปล่อยคุณไว้ จะช่วยผมมั้ย ก็ดูความสมัครใจของคุณ ผมว่าคุณน่าจะเข้าใจความหมายของผมนะ”
หลิงถงมองใบหน้าที่เย็นชาของฟางเหยียน แล้วกล่าว “ฉันยอมเป็นผู้รับใช้ของเทพหมอฟาง คุณสบายใจได้ ฉันรู้ว่าควรทำอย่างไร เพียงแต่ฉันจะติดต่อคุณได้อย่างไร คุณให้ช่องทางการติดต่อกับฉันหน่อยได้มั้ย?”
“ได้!” ฟางเหยียนตอบอย่างสบายๆ
หลังจากที่เขียนช่องทางการติดต่อของตัวเองแล้ว ฟางเหยียนกล่าว “ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว ไปได้แล้วล่ะ!”
หลินถงตอบรับอืม จากนั้นก็เดินออกจากประตูไปอย่างช้าๆ เมื่อเดินมาถึงมุมหนึ่งของห้องโถง เธอหยุดเดินลง หลังจากที่ลังเลสักพัก หลินถงกัดฟัน แล้วตัดสินใจเดินไปที่ฟางเหยียน
เมื่อเห็นหลินถงเดินมา ฟางเหยียนถามว่า “ทำไมเหรอ?ยังมีธุระ?”
จู่ๆหลินถงก็ยกมือขึ้นมาจับแขนของฟางเหยียนไว้ แล้วถามอย่างจริงจังว่า “หลังจากที่ฉันช่วยคุณเสร็จแล้ว คุณพาฉันไปได้มั้ย?”