เมื่อได้ยินคำพูดของหลินถง แล้วก็ท่าทางของเธอ ฟางเหยียนลังเลไปสักพัก แล้วถาม “ไป?ไปไหน?”
ฟางเหยียนพลางพูด พลางยกมือขึ้นมาจับมือของหลินถงวางลง ให้เธอได้รู้ว่าทั้งสองต้องรักษาระยะห่าง
เมื่อถูกฟางเหยียนทำแบบนั้น จู่ๆหลินถงก็รู้สึกใจในว่างเปล่า เธออยากยกมือขึ้นมาจับฟางเหยียนอีกครั้ง แต่หลังจากที่ลังเลสักพักแล้ว ก็ไม่ได้ทำแบบนั้นอีก ในแววตาของเธอเริ่มมีความฉ่ำขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดทันใด หลังจากที่ตั้งสติสักพัก เธอพูดกับฟางเหยียนว่า “ไกลสุดหล้าฟ้าเขียว คุณไปไหนฉันไปด้วย!เพียงแค่มีคุณ ก็เพียงพอแล้ว”
หรือเมื่อกี๊ที่ตนพูดยังไม่ชัดเจนพอเหรอ?หลินถงนี่หมายความว่ายังไงกันแน่นะ หรืออยากจะให้ตนถอนรากถอนโคนงั้นเหรอ!เมื่อนึกถึงจุดนี้ คิ้วของฟางเหยียนได้ขมวดเป็นตัวอักษร“ชวน”แล้ว
หลินถงรีบกล่าวว่า “แต่คุณสบายใจได้ ฉันไม่มีทางรบกวนชีวิตของคุณแน่นอน ต่อให้ทำได้แค่ตามคุณอยู่ข้างๆ เป็นช้าม้าวัวควายให้คุณ ฉันก็ยอมค่ะ”
ฟางเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ พยักหน้าเบาๆ แล้วกล่าว “คุณกลัวเพลิงเสวนไล่ฆ่าคุณเหรอ?”
หลินถงส่ายหน้าเบาๆ บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มไม่รู้ไม่ชี้ขึ้น แล้วกล่าว “ไม่ ฉันไม่ได้กลัวตายค่ะ คนอย่างฉัน เป็นซากศพเดินได้ไปนานแล้วค่ะ ตั้งแต่เกิดมาก็ถูกพ่อแม่ทิ้ง ต่อมาคิดว่าต้องตายแล้ว ใครจะรู้ว่าจะได้เจอกับพ่อเลี้ยงที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี หลังจากที่เขาเลี้ยงฉันโตแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะทำเรื่องแบบนั้นกับฉัน ตอนที่ฉันต่อต้าน เขาถูกฉันฆ่าโดยไม่ได้ตั้งใจ เดิมทีฉันคิดจะใช้วิธีฆ่าตัวตายเพื่อจบชีวิตของน่าอนาถของตัวเอง ใครจะรู้ว่าคนของสำนักไร้หน้าจะปรากฏตัวขึ้นในตอนนั้น”
“คนนั้นหาฉันเจอ เขาพาฉันไป ให้เสื้อผ้าใหม่กับฉันทั้งชุด แล้วยังให้เครื่องสำอางมากมายอีกด้วย ฉันคิดว่าชีวิตที่น่าอนาถของตัวเองจะจบลงแล้ว ใครจะรู้ว่านั่นเป็นแค่การเริ่มต้นของความน่าสังเวชเท่านั้น พวกเขาให้ฉันแต่งหน้าเสร็จแล้วนั้น ขังฉันไว้ในห้องที่เต็มไปด้วยกระจก ที่กำแพง บนหัว อีกทั้งที่ๆฉันยืนทั้งหมดคือกระจก ตอนแรกฉันแปลกใจมากว่าพวกเขาจะทำอะไร เมื่อถึงวันที่สามฉันเริ่มวิงเวียนศีรษะ สมองเริ่มเลือนราง”
“ที่แท้เป้าหมายที่พวกเขาขังฉันไว้ด้านใน ก็เพื่อให้ฉันทรุดเอง ถ้าฉันไม่ทรุดพวกเขาก็ไม่ปล่อยฉันไป บางทีคุณอาจจะไม่รู้ความรู้สึกที่ว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่ตัวเอง เป็นความรู้สึกที่สิ้นหวังอย่างหนึ่ง นี่ส่งผลให้หลังจากที่ฉันเป็นทำอะไรได้อย่างอิสระแล้ว แม้แต่กระจกก็ยังไม่อยากมอง เพราะฉันได้หวาดกลัวกับตัวฉันที่อยู่ในกระจกไปแล้ว”
คนๆหนึ่ง มองตัวเองในกระจกเป็นพักๆ บางทีรู้สึกว่าตัวเองงามมาก สวยมาก แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาสิ่งทีเ่ห็นก็คือตัวเอง และเห็นได้เพียงตัวเอง ความรู้สึกแบบนั้นมันทำให้คนสิ้นหวังมาก
หลิงถงไม่หยุดพูด เธอยังพูดต่อว่า “หลังจากที่ถูกขังในกระจกหนึ่งเดือน ฉันถูกปล่อยออกมาแล้ว ปล่อยให้ไปอยู่ในที่ๆมีแค่ห้าคน คนพวกนั้นทำอะไรบนตัวฉันไปทั่ว ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเขาทำอะไร ต่อมาฉันก็เสียความทรงจำไปบางส่วน จากนั้นเป็นต้นมาฉันก็ปลายเป็นซากศพเดินได้ แต่ในหัวของฉันกลับมาเป้าหมายอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือพยายามเป็นผู้อาวุโสของสำนักไร้หน้าให้ได้ หลังจากที่เป็นผู้อาวุโสแล้ว ฉันก็มีความคิดเป็นของตัวเอง ทำเรื่องที่ตัวเองอยากทำได้ แต่ต่อมาฉันพบว่า สุดท้ายแล้วฉันก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งในมือของพวกเขาเท่านั้น พวกเขาอยากจะวางฉันยังไง ก็ทำได้หมด”
“แต่ หลังจากที่มาถึงตระกูลถังแล้ว ฉันรู้สึกว่าตัวเองได้รับความเคารพ ต่อให้สวมรอยตัวตนของคนอื่น อย่างน้อยฉันก็รับรู้ได้ถึงการมีตัวตนที่ไม่เคยมีมาก่อน แล้วก็ หลังจากที่เจอคุณ ฉันก็ได้ละทิ้งสัญชาตญาณที่ถูกกักขังไว้แบบนั้นไป เมื่อเห็นคุณ ฉันรู้สึกปลอดภัย ถ้าสามารถอยู่ข้างๆคุณได้ ฉันว่าฉันสามารถเอาจิตวิญญาณของตัวเองกลับมาได้ เทพหมอฟาง คุณให้ฉันอยู่ข้างๆคุณได้มั้ยคะ?” หลินถงถามด้วยแววตาจริงจัง แววตากลมโตคู่นั้นทำให้คนสงสาร
ฟางเหยียนมองหลินถง ต่อให้ต่อหน้าผู้คนเธอคือสาวงามอันดับหนึ่งของเขตซีหนาน คุณนายใหญ่อันเย็นชา แต่ความจริงจะมีสักกี่คนที่เข้าใจเธอ ความเย็นชาอะไรนั่นก็เพราะโดดเดี่ยวก็เท่านั้น เป็นเพราะประสบการณ์ที่ร้าวรานเหล่านี้ จึงทำให้เธอเปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างช้าๆ เมื่อนึกถึงจุดนี้ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าว “ความจริงด้วยคุณสมบัติของคุณ หาคู่ครองที่ดีมากได้อย่างสบาย ทำไมคุณต้องดันทุรังเลือกผม?คุณรู้มั้ยว่าผมทำอะไร?”
หลินถงส่ายหน้า แล้วกล่าว “ฉันอยู่กับผู้มีอิทธิพลลึกลับพวกนั้นมานาน จู่ๆคุณจะให้ฉันมีชีวิตที่เรียบง่าย บางทีทั้งชาตินี้ฉันอาจจะยากที่จะสงบได้แล้วล่ะ”
ฟางเหยียนตอบรับอืม หลินถงพูดก็ถูก ด้วยเหตุนี้ตนจึงสูดหายใจเบาๆ แล้วกล่าว “โอเค!ถึงตอนนั้นผมจะไตร่ตรองก็แล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะ เทพหมอฟาง!” หลินถงพูดกับฟางเหยียนอย่างซาบซึ้งใจ ฟางเหยียนไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่โบกมือ ให้เธอออกไป หลินถงไม่ใช่คนที่รั้งคนไว้ไม่ไปไหน เธอพยักหน้าแล้วจากไป
หลังจากที่หลินถงไปแล้ว ฟางเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆยาวๆ แล้วมองไปที่หุบเขานอกหน้าต่างอีกครั้ง เขาคิดถึงบ้านแล้ว คิดถึงเย่ชิงหยู่แล้ว
เดิมทีตัดสินใจว่าเสร็จจากสำนักไร้หน้าแล้วก็กลับบ้าน แต่จู่ๆเขานึกถึงหลินถง ตอนที่เห็นหญิงสาวทั้งสี่คนเขาก็อดที่จะเชื่อมโยงไปถึงหลินถงไม่ได้ หลังจากผ่านการครุ่นคิดสักพัก เขาก็สรุปได้ออกมาแบบนี่ หลินถงคือผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักไร้หน้า ส่วนเป้าหมายที่เธอมาตระกูลถัง ก็เพื่อสวมรอยสถานะของตระกูลถัง แต่การที่จะชนะตระกูลถังได้นั้นเป็นไปไม่ได้ มีเพียงสวมรอยทางเดียวเท่านั้นที่เป็นเป้าหมายของพวกเขา
เพื่อยับยั้งเรื่องที่จะเกิดขึ้น ฟางเหยียนจึงต้องรีบมาขัดขวางการเกิดขึ้นของเรื่องราวร้ายๆก่อน หลินถงเป็นผู้หญิงที่รู้กาลเทศะ เธอหวังว่าอีกฝ่ายรู้ว่าควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร
ฟางเหยียนดูมือถือ แล้วเดินไปที่ระเบียงอีกครั้ง หลังจากที่สูดหายใจที่ระเบียงไปหลายเฮือก เขาก็ได้พูดกับตัวเองว่า “เพลิงเสวน การต่อสู้ของเราได้เริ่มขึ้นแล้ว ของขวัญที่ฉันมอบให้พวกแก ชอบมั้ย?”
พูดจบ ใบหน้าของฟางเหยียนปรากฏรอยยิ้มที่แปลกออกมา สักพัก เขาตะโกนไปที่ด้านนอกของประตู “เทียนขุย!”
เพิ่งจะตะโกนจบเขาถึงจะนึกออกว่าเทียนขุยไปที่ดินแดนตะวันตกแล้ว ถ้าตนไม่ได้นับผิด วันนี้เป็นวันที่สามที่เทียนขุยไป เทียนขุยไปได้สามวันแล้ว และในช่วงสามวันนี้ก็ไม่ได้ติดต่อกับตนเลย
นี่มันไม่เข้าท่ามาก เทียนขุยไม่มีทางไม่รายงานสถานการณ์ของตัวเองถึงสามวัน
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ฟางเหยียนกดโทรไปหาเทียนขุย
โทรติด แต่ปลายทางไม่มีคนรับสาย โทรติดกันสามครั้ง เทียนขุยล้วนไม่รับสาย
นี่ไม่ใช่สไตล์ของเทียนขุย เทียนขุยไม่มีทางไม่รับสายของตน
หรือเกิดอะไรขึ้นกับเทียนขุยงั้นเหรอ?
ต่อให้เทียนขุยเป็นยอดฝีมือระดับต้าชี่แล้ว แต่ถ้าถูกคนเล่นงานจริงๆ เขาจะเป็นคู่ต่อกรของอีกฝ่ายได้อย่างไรกัน