มือของเขาค่อยๆวางไว้บนเรือนร่างของหวังชิงชิงอย่างช้าๆ ตอนแรกหวังชิงชิงยังขัดขืนอยู่บ้าง แต่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเชื่อฟังอย่างช้าๆ ไม่เชื่อฟังก็ทำอะไรไม่ได้ เพื่อคุณชาย เธอต้องอดทน
จู่ๆ โจวเจิ้งไม่ยอมทำแบบนี้ อุ้มหวังชิงชิง ไปที่เตียงโดยตรง เห็นท่าทีของหวังชิงชิง เขากลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ เหมือนกับนักท่องเที่ยวทะเลทรายที่กระหายมานาน และแล้วก็เห็นน้ำเสียที
หลังจากที่เอาหวังชิงชิงวางไว้บนเตียงแล้ว เขาเตรียมจะจัดหนักเรื่องหอมหวานของมนุษย์ แต่ในขณะที่เขายังไม่ได้เริ่ม มือถือเฮงซวยก็ดังขึ้น เดิมทีเขาอยากตัดสาย ให้ตนไม่ถูกรบกวน แต่เมื่อเห็นเบอร์โทรที่โชว์บนหน้าจอ ทำให้เขาไม่กล้าตัดสาย นี่เป็นพ่อของเขาโทรเข้ามา
หลังจากรับสายแล้ว ปลายสายมีเสียงอันดุดันของผู้ชายคนหนึ่งดังออกมา “แกอยู่ไหน?”
“ผมอยู่ที่บ้านของป้าครับ!พ่อ” โจวเจิ้งตอบ
“ไปเป็นเพื่อนฉันเจอบุคคลที่สำคัญคนหนึ่ง!สนามบินถูกฉันปิดไว้แล้ว รีบมา อีกเดี๋ยวพวกเขาจะลงเครื่องแล้ว!” พูดจบ โจวชื่อเจี๋ยวางสายไป ทำให้โจวเจิ้งพูดอะไรไม่ออก
เขาทำได้เพียงมองหวังชิงชิง จากนั้นกล่าวว่า “เดี๋ยวผมค่อยมาหาคุณตอนกลางคืน!”
พูดจบเขาก็รีบออกจากประตูไป เขาไม่กล้ายั่วโมโหพ่อของตัวเอง ในโลกนี้จะยั่วโมโหใครก็ได้ แต่ยั่วโมโหพ่อของตัวเองไม่ได้ เพราะในครอบครัวนี้มีเพียงโจวชื่อเจี๋ยเท่านั้นที่ดีกับตนจริงๆ นี่เป็นสิ่งที่โจวเจิ้งรู้ดีอยู่แก่ใจ
หลังจากที่โจวเจิ้งออกไป หวังชิงชิงยังคงนอนอยู่บนเตียง เพียงแต่หางตาของเธอได้มีน้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมาแล้ว สุดท้ายแล้วเธอก็เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงที่หมดหนทาง เมื่ออยู่ต่อหน้าโจวเจิ้ง เธอคือผู้หญิงที่เปราะบางตลอดไป เมื่อกี๊ อีกนิดตนก็จะกลายเป็นเนื้อปลาในมือของโจวเจิ้งไปแล้ว แต่เธอจนปัญญา จนปัญญา!
หลังจากที่ร้องไห้อย่างหมดหนทาง หวังชิงชิงค่อยๆลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ เธอสวมชุดเสร็จ ก็เดินไปที่โต๊ะไปหยิบมือถือ คุณชายมาดินแดนตะวันตก ทำไมเขาต้องมาดินแดนตะวันตกกันนะ?
หรือคุณชายมาดินแดนตะวันตกเพื่อตัวเองงั้นเหรอ? ไม่สิ ตนจะคิดแบบนั้นได้อย่างไรกัน คุณชายแต่งงานแล้ว เขาไม่มีทางมาดินแดนตะวันตกเพราะตัวเอง ถ้าคุณชายเป็นคนแบบนั้น หวังชิงชิงก็จะไม่ชอบแทนแล้ว
ไม่รู้เหมือนกันว่านี่เป็นความคิดที่บิดเบือนอะไร แต่โดยสรุปนี่คือความคิดที่หวังชิงชิงมีต่อคุณชาย หลังจากที่ลังเลไปสักพัก เธอก็ตัดสินใจโทรถามฟางเหยียน ว่าเขามาที่ดินแดนตะวันตกนี้จริงๆแล้วหรือเปล่า
หลังจากที่ลังเลไปหลายนาที ก็ได้โทรออกมา ปลายทางรับสายเร็วมาก
หวังชิงชิงพูดกับโทรศัพท์ว่า “คุณชาย ฉันคือหวังชิงชิงค่ะ”
“อ๋อ!” ฟางเหยียนที่อยู่ปลายสายชะงักไป แล้วถาม “ที่แท้ก็คุณ เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อได้ยินเกิดอะไรขึ้นประโยคนั้น ทำให้หวังชิงชิงตกใจ ที่แท้ คุณชายไม่ได้มาดินแดนตะวันตกเพราะตน เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าว “คุณชาย คุณอยู่ที่ดินแดนตะวันตกมั้ย?”
ฟางเหยียนกล่าวอย่างตรงๆไม่อ้อมค้อมว่า ใช่ครับ ผมเพิ่งจะมาถึง!คุณรู้ได้ยังไงเหรอ?คุณเห็นผมแล้ว?“
“เปล่าค่ะ!” หวังชิงชิงรีบกล่าว “ฉันไม่เห็น เมื่อกี๊ฉันแค่ได้ยินคนพูดค่ะ”
“อืม!” ฟางเหยียนส่งเสียงอืมออกมาเบาๆ จากนั้นได้ถามอีกว่า “อ้อ ธุระของคุณจัดการเสร็จแล้วยัง?จะกลับเมื่อไหร่?”
ความสามารถของหวังชิงชิงฝังลึกเข้าไปในความเชื่อมั่นของฟางเหยียน ดังนั้นฟางเหยียนจึงถามออกมา หวังชิงชิง สำหรับฟางเหยียนแล้วผิวเผินมาก เธอไม่เหมือนถังยู่ที่ทำให้คนจำฝังใจ และไม่เหมือนต่งยู่ที่ทำให้คนตกอยู่ในภวังค์
เมื่อได้ยินคำถามของฟางเหยียน หวังชิงชิงสะอีกไป แล้วกล่าว “ฉัน ฉันกลับไปไม่ได้แล้วค่ะ!”
“อะไรนะ?” ฟางเหยียนถาม “กลับไม่ได้แล้ว?เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
“เปล่าค่ะ!” หวังชิงชิงรีบกล่าว “คุณชายคะ ฉันไม่สนว่าคุณมาเพราะธุระอะไร คุณกลับไปเถอะค่ะ!ตอนนี้คุณต้องรีบกลับไปเดี๋ยวนี้ คุณถูกคนเพ่งเล็งแล้วค่ะ พวกเขาจะเล่นงานคุณ”
“อ๋อ!” ฟางเหยียนปลายสายพูดอย่างชิลล์ๆ “ผมรู้ว่ามีคนเล็งผมอยู่!ไม่เป็นไร”
“ไม่ใช่ค่ะ คุณชาย คุณจำคนนั้นที่ครั้งที่แล้วไปหาฉันที่บริษัทได้มั้ยคะ?น้องชายของฉันคนนั้น เขาส่งคนตามรอยคุณ เขาจะเล่นงานคุณนะ คุณรีบไปเสียเถอะ!ออกจากดินแดนตะวันตกเสีย” หวังชิงชิงพูดอย่างร้อนใจ
ฟางเหยียนปลายเสียงพูดอย่างนิ่งสงบ “ไม่เป็นไร!ถ้าเขาอยากเล่นงานผม ก็ลองดูครับ”
หวังชิงชิงกล่าวอย่างค่อนข้างหมดคำพูด “คุณชาย พวกเขาไม่เหมือนกับตระกูลเซียวนะ!”
คุณชายคนนี้มีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ ถึงขั้นพูดได้ว่าตระกูลฟางล้วนพากันเคารพความสามารถของเขา แต่เขาเชื่อมั่นความยิ่งใหญ่ของตระกูลโจวมากกว่าว่าบีบคุณชายได้ เพราะเธอไม่เคยเห็นคนที่เป็นปฏิปักษ์กับตระกูลโจวมีจุดจบที่ดีสักคน!
ฟางเหยียนที่อยู่ปลายสายเงียบไป จากนั้นถามว่า “คุณเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
หวังชิงชิงนิ่งเงียบไปสักพัก แล้วพูดอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่า “ฉัน ฉัน ฉันไม่เป็นไรค่ะ!”
“ไม่เป็นไรก็ดี ถ้าเป็นอะไรก็บอกผมนะ ถ้าจัดการได้ ผมจัดการได้หมด” ในสายของฟางเหยียนมั่นใจมาก ฟังออกถึงการตัดสินใจที่เฉียบขาดและเด็ดขาด
“คุณชาย!” หลังจากที่หวังชิงชิงลังเลไปสักพัก ได้ถามว่า “คุณอยู่ไหน?”
ฟางเหยียนกล่าว “กำลังทานอาหารอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง คุณจะมามั้ย?ถ้ามาได้ พาผมไปเดินรอบๆหน่อยสิ”
ชั่วขณะนี้ฟางเหยียนไม่ได้ติดต่อใครในดินแดนตะวันตก ถ้ามีคนรู้จักพาตนไปเดินรอบๆ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องไม่ดีอะไร เมื่อก่อนเคยไปมาหาสู่กับหวังชิงชิง เขามั่นใจท่าทีในการทำงานอีกทั้งวิธีการทำงานของหวังชิงชิงมาก
เมื่อหวังชิงชิงได้ยินคำพูดนี้ ก็ลังเลไปสักพักอีกครั้ง หลังจากที่ลังเลแล้วเธอกัดฟันพูดว่า “ฉันจะพยายามค่ะ!”
ฟางเหยียนให้ชื่อของร้านอาหารนี้ จากนั้นก็วางสายไป
หลังจากที่วางสายไปแล้ว แม้แต่ฝันหวังชิงชิงก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกับฟางเหยียน
ที่เรียกหวังชิงชิงออกมา เพราะฟางเหยียนได้ยินถึงความ“ยากลำบาก”ที่ออกมาจากคำพูดของหวังชิงชิง ส่วนยากลำบากตรงจุดไหน ฟางเหยียนก็พูดไม่ถูกแล้ว ยังไงหวังชิงชิงเกิดปัญหาแล้วล่ะ ถ้าไม่มีเรื่อง เธอก็ไม่มีทางโทรหาตนอย่างร้อนรนขนาดนั้น ร้อนรน หวาดหวั่น ไม่ยั้งคิดนี่ไม่ใช่สไตล์ของเทพธิดาเย็นชาหวังชิงชิง
วางมือถือลง ฟางเหยียนทานข้าวต่อ พลางทานข้าว พลางรอการมาของหวังชิงชิง ตอนนี้ เขาก็ไม่สามารถไปหาคนของตระกูลหยางได้ บางทีหวังชิงชิงจะมีทางไปก็ได้
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง หวังชิงชิงมาแล้ว เธอขับรถมา เป็นรถเบนซ์คลาสเอสสีดำคันหนึ่ง รุ่นเดียวกับที่ฟางเหยียนซื้อให้เย่ชิงหยู่ เมื่อเห็นรถคันนี้ ฟางเหยียนก็เกิดนึกถึงเย่ชิงหยู่ขึ้นมาอย่างประหลาด เดิมจะกลับไปพูดกับเย่ชิงหยู่ในเคลียร์ แต่ติดต่อเทียนขุยไม่ได้ ทำให้เขาร้อนรนมาก
ด้วยเหตุนี้เมื่อเขาวางแผนภารกิจปกป้องเย่ชิงหยู่เสร็จแล้วจึงได้เดินทางมา!
หลังจากที่หวังชิงชิงลงจากรถแล้ว ก็มาที่ฟางเหยียนโดยตรง แล้วกล่าวด้วยความดีใจอย่างคาดไม่ถึง “คุณชาย ไม่คาดคิดว่าคุณอยู่ที่นี่จริงๆด้วย”