บทที่ 50 ปู่ผิดไปแล้วเสี่ยวเหยียน
ฟางเหยียนยกมือขึ้นมาจับแขนของเย่ชิงหยู่ และผละออกจากตัวเธอ เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาตรงหางตาของเธอ “ผมไม่ยอมให้ใครมารังแกคุณหรอก คนที่มารังแกคุณต้องได้รับผลกรรม การฆ่าคนก็แค่ผลกรรมอย่างหนึ่งเท่านั้น!”
เย่ชิงหยู่มองตาของเหยียนฟาง เธอรู้สึกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
เธอไม่ได้ใช้เวลาครุ่นคิดนานและเงยหน้าขึ้นมาพูดว่า “ครั้งหน้านายห้ามทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้อีก”
“ครั้งนี้ถ้าไม่มีเฉิงฉู่ นายคิดว่าตัวเองจะได้ออกมาง่ายขนาดนี้เหรอ”
“เฉิงฉู่?” ฟางเหยียนขมวดคิ้ว เขาพูดชื่อนี้ออกมาอย่างอดไม่ได้
ขณะนั้นเฉิงฉู่ก็เดินเข้ามาและพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ช่างมันเถอะ จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหนื่อยอะไร นายแค่ป้องกันตัวเอง เลยไม่ได้มีความผิดอะไร”
เย่ชิงหยู่ดึงแขนของฟางเหยียนแล้วพูดว่า “ฟางเหยียน ยังไม่รีบขอบคุณเฉิงฉู่อีก ครั้งนี้เขาช่วยนายไว้มากเลยนะ ถ้าเขาไม่ใช้เส้นสายของพ่อเขา นายคงไม่ได้ออกมาเร็วขนาดนี้หรอก”
ขอบคุณเฉิงฉู่? ฟางเหยียนนึกขำอยู่ในใจ เขาจำเป็นต้องขอบคุณเฉิงฉู่งั้นเหรอ อีกอย่าง การที่เขาออกมาได้ มันเกี่ยวอะไรกับเฉิงฉู่ คิดว่าใช้อำนาจของตระกูลเฉิงก็จะจัดการทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างนั้นเหรอ
เหอะ เหอะ น่าขำสิ้นดี
ถ้าเขาต้องการบดขยี้ตระกูลเฉิง มันก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น!
อย่าว่าแต่ตระกูลเฉิงเลย ตระกูลฟางในเจียงตูยังอ้อนวอนให้เขาไปสืบทอดมรดกเลย
ไม่รอให้ฟางเหยียนเอ่ยปาก เฉิงฉู่รีบพูดขึ้นมาทันทีว่า “ชิงหยู่ ขอบคุณอะไรกันล่ะ ฉันบอกแล้วไงว่าเรื่องของเธอก็คือเรื่องของฉัน ความสัมพันธ์ของเธอกับฟางเหยียน ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกัน ช่วยเพื่อนก็เป็นเรื่องที่ฉันสมควรทำ”
ฟางเหยียนได้ยินสิ่งที่เฉิงฉู่พูดออกมา เขาจึงมองเฉิงฉู่อย่างเหนื่อยใจ ฟางเหยียนยิ้มแหยๆ แล้วพูดว่า “ถึงฉันจะพูดขอบคุณ นายคิดว่าตัวเองสมควรได้รับคำขอบคุณเหรอ”
พูดจบ ฟางเหยียนก็เดินผ่านหน้าเขาไป
เขาไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยหรอก แต่กลัวว่าตัวเองจะยั้งมือฆ่าคนจอมปลอมแบบนี้ไม่ได้
จู่ๆ สีหน้าของเฉิงฉู่ก็กระอักกระอ่วนขึ้นมา ฟางเหยียนพูดแบบนั้นหมายความว่าอะไร
จริงๆ เฉิงฉู่ก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมฟางเหยียนถึงถูกปล่อยตัวออกมาเร็วแบบนี้ ตระกูลมีความสัมพันธ์ที่ดีในเจียงตู แต่ก็คงไม่ถึงขนาดที่ปล่อยตัวคนร้ายที่ฆ่าคนได้เร็วขนาดนี้ อย่างน้อยๆก็สัก 10-15 วัน
หรือพ่อมีอะไรที่ดีกว่านั้นและติดต่อโดยตรง
ไม่ใช่สิ นี่มันไม่ใช่สไตล์ของพ่อเขา
“ขอโทษนะเฉิงฉู่ ฟางเหยียนยังเข้าใจผิดนาย ขอโทษจริงๆ นายกลับไปก่อนไหม เดี๋ยวเรานั่งรถกลับไปเอง” เย่ชิงหยู่รีบพูดขอโทษเฉิงฉู่
เฉิงฉู่ถามขึ้นว่า “งั้น เรื่องงานเต้นรำล่ะ”
เย่ชิงหยู่เงียบไป จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ฟางเหยียนเพิ่งออกมา เดี๋ยวฉันจะให้คำตอบนายนะ โอเคไหม”
เฉิงฉู่พยักหน้า เย่ชิงหยู่จึงรีบเดินตามฟางเหยียนไป
เห็นแผ่นหลังที่ห่างออกไปของเย่ชิงหยู่ ใจของเฉิงฉู่กระตุกเบาๆ เขาล้วงมือถือออกมาเงียบๆ จากนั้นก็กดโทรออกไปหาพ่อ
“ฮัลโหล พ่อ!”
เฉิงฉู่เพิ่งจะพูดออกไป ผู้เป็นพ่อก็พูดกลับมาว่า “อ้อ เสี่ยวฉู่เหรอ กำลังประชุมอยู่ เกือบลืมเรื่องของแกแล้ว เดี๋ยวฉันโทรให้ลุงหยางจัดการให้”
“อะไรนะ” เฉิงฉู่ร้องเสียงหลง “พ่อไม่ได้บอกให้คนที่นี่ปล่อยตัวเขาเหรอ”
“ไม่ใช่ แกจะบอกว่าเขาถูกปล่อยตัวแล้วเหรอ” ผู้เป็นพ่อถามขึ้น
เฉิงฉู่แทบจะไม่เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตัวเองจริงๆ
เขากลืนน้ำลายลงคอแล้วพูดว่า “ใช่ เขาถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว”
“งั้นก็ดี ในเมื่อออกมาแล้ว งั้นพ่อก็ไม่สนใจแล้ว แกจัดการเรื่องทางนั้นให้ดี มีอะไรไม่เข้าใจก็ถามลุงเซียว”
พูดจบคนปลายสายก็ตัดสายทันที
เฉิงฉู่มองมือถือด้วยใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
การที่ฟางเหยียนถูกปล่อยตัวมันไม่เกี่ยวอะไรกับเขางั้นเหรอ งั้นฟางเหยียนออกมาได้ยังไง
คำถามสองคำถามนี้ผุดขึ้นมาในใจของเฉิงฉู่
เย่ชิงหยู่กับฟางเหยียนเรียกรถมาคันหนึ่ง ภายในรถ ฟางเหยียนทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง มันช่างทอดยาวและลุ่มลึก
“ขอโทษนะฟางเหยียน” เมื่อเย่ชิงหยู่เห็นฟางเหยียนมีท่าทีโกรธ เธอก็จับแขนเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วเอ่ยขึ้น
เธอรู้ว่านี่คือผู้ชายที่นิสัยเด็ดเดี่ยว พูดอะไรตรงไปตรงมา และรักในศักดิ์ศรีของตน
แต่สิ่งที่ทำให้เธอปลื้มใจก็คือ เขามักจะปรากฏตัวในช่วงเวลาที่เธอต้องการเขาเสมอ นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เย่ชิงหยู่ซาบซึ้งใจ
เธอเห็นว่าฟางเหยียนไม่ตอบอะไรจึงดึงแขนเขาอีกครั้ง “ฉันรู้ว่านายไม่ชอบเฉิงฉู่ แต่เขาช่วยนายไว้นะ ถ้าไม่ใช่เขา นายไม่ได้ออกมาเร็วขนาดนี้หรอก”
ฟางเหยียนถอนหายใจออกมาเบาๆ และพูดออกมาอย่างเหนื่อยใจว่า “จริงๆ การที่ผมออกมาได้ มันไม่เกี่ยวข้องกับใครเลย”
เธอมองฟางเหยียน ถึงแม้ฟางเหยียนจะทำเรื่องที่คาดคิดไม่ถึงมามากมาย และรู้จักคนไม่น้อย แต่เธอรู้ดีว่าฟางเหยียนเป็นใคร ถ้าเขาเป็นคนมีฐานะ เขาคงไม่มาเบียดเสียดอยู่ในสถานที่เล็กๆ กับเธอหรอก
จู่ๆ ฟางเหยียนก็พูดขึ้นมาว่า “ชิงหยู่ ถ้าคุณอยากไปร่วมงานที่ตระกูลเซียวจัดก็ได้นะ แต่ผมต้องอยู่ที่นั่นด้วย”
ไม่ใช่ว่าเขาจะหึงหวงอะไร แต่เพื่อความปลอดภัยของเย่ชิงหยู่ เขาจำเป็นต้องไป!
เรื่องน่าหดหู่แบบนี้ เขาจะยอมให้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
“โอเค!” รอยยิ้มอันปลาบปลื้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของเย่ชิงหยู่
เธอแอบมองใบหน้าอันหล่อเหลาและเยือกเย็นของฟางเหยียน เธอคิดในใจว่า คิดไม่ถึงว่าเขาจะหึงเป็นด้วย
เมื่อกลับเข้ามาในบ้าน ฟางเหยียนอธิบายให้จางเจียวเจียวฟัง เขาให้เย่ชิงหยู่ไปพักผ่อน ไม่ว่ายังไงคนที่ตกใจคือเธอ ไม่ใช่เขา
เย่ชิงหยู่พักผ่อนไปได้ไม่นาน เสียงมือถือของฟางเหยียนก็ดังขึ้น
เขารับโทรศัพท์ เสียงของคนที่ผ่านโลกมาโชกโชนดังขึ้นจากปลายสาย “นี่ปู่เองเสี่ยวเหยียน!”
เมื่อฟางเหยียนได้ยินเสียงนั้น จู่ๆ ดวงตาของเขาก็แดงก่ำ
เขาจะกดตัดสาย แต่คนปลายสายก็รีบพูดขึ้นมา
“อย่าตัดสายนะเสี่ยวเหยียน ฟังปู่พูดแค่ไม่กี่คำได้ไหม”
“ปู่รู้ว่าแกเกลียดปู่ แต่ปู่ แค่ก แค่ก แค่ก ปู่เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ปู่ตรวจพบมะเร็งปอดระยะสุดท้าย เหลือเวลามีชีวิตอยู่ไม่ถึงเดือน วันมะรืนเป็นวันเกิดของปู่ แกกลับมาร่วมงานวันเกิดครั้งสุดท้ายของปู่ได้ไหม”
“เสี่ยวเหยียน เห็นแก่คนแก่น่าสงสารที่คิดถึงหลานชายเถอะนะ ได้ไหม”
ปลายสายไอออกมาไม่หยุด ราวกับจะกระอักเลือดออกมาด้วย
ฟางเหยียนไม่มีความเห็นใจแม้แต่น้อย ถ้าเจอคนแก่แบบนี้ บางทีเขาอาจจะยื่นมือเข้าไปช่วยก็ได้ แต่เมื่อเขาต้องเผชิญกับคนแก่เลือดเย็นแบบนี้ เขาจึงไม่มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจแม้แต่น้อย
“ปู่มีชีวิตมาถึงขนาดนี้ ถือว่าสวรรค์สงสารปู่แล้ว ผมอยากให้ปู่ตายซะตอนนี้เลย”
เสียงไอจากปลายสายหยุดลง ต่อมาเป็นเสียงร้องสะอึกสะอื้น
“เสี่ยวเหยียน ถือว่าปู่ขอร้องเถอะนะ หรือแกจะทำลายตระกูลฟางแล้วฉันสามารถให้แกกลับมาหาฉันสักครั้งได้ไหม”
ฟางเหยียนกำหมัดแน่น เสียงข้อต่อกระดูกลั่นออกมา