พร้อมกับเสียงคำรามดังขึ้น พลังไร้รูปที่ราวกับคลื่นออกมาจากหอบรรพบุรุษของตระกูลฟาง พลังที่ยิ่งใหญ่ไร้รูปนี้ชนเข้ากับลูกบอลแสงของกู่ซู๋พอดีในช่วงวิกฤต
เดิมทีบอลแสงจะกลืนกินร่างกายของฟางจินหยวนแล้ว เสียงนี้ดังขึ้นพอดี
ได้ยินเพียงเสียงปังดังขึ้น ทันใดนั้นบอลไฟของกู่ซู๋ก็ชนเข้าจนแตกละเอียด!และร่างกายของเธอก็ถอยหลังไปติดกันหลายก้าวเพราะพลังอันแข็งแกร่งนี้ เธอไม่ใช่เพราะความกลัวจึงถอยไป แต่เพราะถูกพลังที่สิ่งนั้นปล่อยออกมาชนจนถอยหลังไป
กู่ซู๋เงยหน้ามองไปที่ต้นเสียงด้วยใบหน้าประหลาดใจ แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกทึ่ง สิ่งอะไรกันแน่ที่ทำให้พลังภายในของเธอแตกสลายไปทั้งหมด แล้วใช้แค่เสียงเดียวเท่านั้น เธอถามอย่างพึมพำ “อะไรกัน?”
เพิ่งพูดจบ ด้านใต้ของหอบรรพบุรุษได้มีเสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้ง “อาว!”
เสียงคำรามนี้ยังคงรุนแรงเกรียงไกร เหมือนเสียงคำรามของซุนหงอคงที่กลายเป็นกอริลลาในไซอิ๋ว แล้วพลังที่ปล่อยออกมาจากปากของมันก็เพียงพอที่จะทำลายล้างทุกอย่างได้ ความรุนแรงแบบนั้นไม่สามารถใช้คำพูดมาอธิบายได้
นี่เป็นเสียงครั้งที่สองแล้ว สีหน้าทุกคนที่อายุมากน้อยของตระกูลฟางล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สะใจ พวกเขาล้วนรู้กัน เพียงแค่ขวังซือออกมา ก็จะไม่มีใครกล้าบังอาจที่ตระกูลฟางแล้ว หวังซือของตระกูลฟาง ใครกล้าต่อสู้ด้วย?
และแล้ว แผนการของฟางจินหยวนก็สำเร็จ เขาก็ถอนหายใจยาวๆ ขวังซือ ที่แท้จะปรากฏออกมาตอนที่ผู้นำตระกูลได้รับภัยคุกคามได้นี่ และตอนนี้มีเพียงขวังซือออกมาจึงจะสามารถเอาชนะคนนี้ได้
มันสามารถทำให้รอบๆเกิดลมได้ ไม่ว่าจะดูยังไงก็รู้ว่าเป็นยอดฝีมือ ตระกูลฟางมีประสบการณ์ ไม่ใช่คนธรรมดาจะเทียบได้ พวกเขาเห็นคนใหญ่คนโตมามากมาย ดังนั้นเพียงแค่ดูการปล่อยพลังของกู่ซู๋ ก็รู้สถานะของเธอแล้ว
ที่ฟางจินหยวนออกโรงเอง เพื่อปกป้องการ์ดของครอบครัว เมื่อเทียบกับด้านนอก การ์ดและผู้คุ้มกันของตระกูลฟางเก่งกาจมาก แต่ตอนที่เผชิญกับยอดฝีมือระดับนินจาแบบนี้ พวกเขาเข้าไปก็มีแต่จะตาย
เนื่องจากเสียงคำรามของขวังซือรุนแรงเกินไป ทำให้สัตว์ปีกและสัตว์บกจำนวนไม่น้อยบนท้องถนนต่างตกใจเตลิดหนีไป ผู้คนก็ตกใจจนยืนขึ้นมาดูกันคึกคัก แน่นอน คนพวกนี้มองดูจากไกลๆเท่านั้น เพราะในอาณาบริเวณหนึ่งกิโลเมตรของตระกูลฟางไม่มีผู้คน
ขณะนี้คนงานหลายคนที่ไซต์งาน เมื่อกี๊พวกเขาตกใจกับเสียงร้องแปลกนั่นจนเกือบจะล้มลงกับพื้น
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?เมื่อกี๊แกได้ยินเสียงร้องแปลกๆนั่นมั้ย?นั่นมันอะไรกัน?”
“คงไม่ใช่สัตว์ป่าหรอกนะ?เหมือนกับสัตว์ยักษ์บ้าคลั่งที่อยู่ในหนังอเมริกา แล้วก็สัตว์ประหลาดในอุลตร้าแมนเลยอะ”
“จะเป็นคิงคองหรือเปล่านะ?”
“ไปให้พ้น ไอ้พวกขอทาน รู้จักแค่คิงคอง รู้แค่สัตว์ยักษ์บ้าคลั่ง ที่นี่คือประเทศหวา จะมีสิ่งแบบนี้ที่ไหนกัน ฉันว่านะ ตระกูลฟางน่าจะมีมังกรจริงๆโผล่ออกมาแล้วล่ะ!เมื่อกี๊ฉันตั้งใจฟังดู เสียงนั่นเหมือนดังมาจากตระกูลฟาง พวกแกดูบนหัวของตระกูลฟางสิ มืดกว่าจุดของเราตรงนี้อีกป่ะ”
“เชี่ย!ตระกูลฟางไม่น่าจะแม้แต่มังกรจริงๆก็เชิญออกมาได้ใช่มั้ยเนี่ย!?”
“ไม่ใช่ว่าไม่มีมังกรอยู่เหรอ?แล้วจะมีมังกรจริงๆออกมาได้อย่างไรกัน?”
“เหอะๆ มังกรไม่มีตัวตน ใครพูด?ในสิบสองนักษัตรมีทุกนักษัตร แต่ไม่มีมังกร!หรือพวกแกคิดว่าบรรพบุรุษจะแต่งสัตว์ขึ้นมาตัวหนึ่งเป็นนักษัตรให้คนเหรอ?ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย!”
“…”
“อาว!” หลังจากเสียงคำรามครั้งที่สามดังขึ้น มีผู้ชายที่เปลือยท่อนบน ใบหน้าเต็มไปด้วยเครา ผมยาวเดินออกมาจากหอบรรพบุรุษของตระกูลฟาง เขาเดินเท้าเปล่า เหยียบบนพื้นอย่างหนักหน่วง ราวกับทุกๆย่างก้าวสามารถทำให้พื้นถล่มแผ่นดินทลายได้ บนขาของเขาเต็มไปด้วยผิวด้าน ราวกับตั้งแต่เกิดเขาก็คือสัตว์บ้าคลั่งที่เปลือยเท้าเปล่าอยู่แล้ว
เขาใหญ่มาก สูงสองเมตร ถ้าไม่มีร่างกายมนุษย์และมือของมนุษย์ ไม่มีคนคิดว่าเขาคือคน
ตอนที่มาถึงประตูห้องโถงตระกูลฟาง มีลมพัดมาพอดี พัดผมยุ่งเหยิงที่ปิดหน้าของเขาไว้ ใบหน้าที่ดุร้ายนั้นปรากฏออกมา คิ้วดกมาก หนามาก บนใบหน้าเต็มไปด้วยเครายาว แววตาทั้งสองเป็นสีดำ ดำทั้งหมด เหมือนกับไม่มีตาขาว นี่ก็คือขวังซือ ขวังซือที่หลังจากถูกฟางเหยียนทำร้ายเจ็บหนัก
ขวังซือเดินมาทางนี้อย่างเย่อหยิ่ง เขาเหมือนกับสัตว์ร้ายตัวจริงตัวหนึ่ง ทุกๆย่างก้าว ในปากของเขาจะส่งเสียงเรียกโฮกๆออกมา
กู่ซู๋ถูกขวังซือที่เพิ่งมาถึงสังเกตเข้าให้แล้ว เธอมองสัตว์ประหลาดที่ครึ่งคนครึ่งสัตว์ตรงหน้าคนนี้ เกิดเป็นคำถามที่มากมายขึ้นมา เธอตาลุกโตมองฟางจินหยวนแล้วถาม “นี่ นี่คืออะไร?”
ฟางจินหยวนท่าทีไม่สะทกสะท้าน ถึงแม้เขาเห็นขวังซือเพียงสองครั้ง แต่เขากลับแสดงท่าทีที่เห็นจนชินตาออกมา เขาส่งเสียงเหอะออกมา แล้วกล่าว “หรือ แกไม่เคยได้ยินสัตว์เจ้าที่ในตำนานของตระกูลฟางเหรอ?”
“สัตว์เจ้าที่ในตำนาน?” ในหัวของกู่ซู๋เต็มไปด้วยความมึนงง เธอไม่เคยได้ยินสัตว์เจ้าที่ในตำนานของตระกูลฟางจริงๆ ที่ด้านนอก ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ตระกูลฟางมีสัตว์เจ้าที่ในตำนาน นี่ทำให้กู่ซู๋รู้สึกคาดไม่ถึงเป็นอย่างมาก
“คิดจะลงมือกับคนของตระกูลฟาง งั้นก็ต้องถามว่าตัวแกเองเอาชนะสัตว์เจ้าที่ในตำนานของตระกูลฟางของฉันได้หรือไม่!”
“ขวังซือ?” กู่ซู๋ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน อายุของเธอยังไม่ถึงสี่สิบปี อืม สามสิบแปดแล้วจริงๆ แต่ปกติดูแลผิวพรรณดี บวกกับที่ตัวเองได้ฝึกฝนวิชามา จึงทำให้เธอดูๆแล้วอายุยี่สิบกว่าปี
ฟางจินหยวนขี้เกียจอธิบายเธอมากมายขนาดนั้น เพียงแต่ถามอย่างเย็นชาว่า “ไม่ใช่ว่าแกจะสังหารคนของตระกูลฟาง จากนั้นหาเสี่ยวเหยียนไม่ใช่เหรอ?งั้นก็ดูล่ะกันว่าแกมีปัญญาที่จะชนะขวังซือสัตว์ในตำนานของตระกูลฟางได้มั้ย!”
จู่ๆแววตาของกู่ซู๋ก็สงบไป มองไปที่ขวังซือโดยตรง เมื่อมอง เธอเพิ่งจะเห็นว่าขวังสือก็จ้องตัวเองอย่างถมึงทึงเช่นกัน แล้วสายตาของขวังซือได้กลายเป็นสีแดงแล้ว
จู่ๆดวงตาของเขาสามารถเปลี่ยนสีได้ เมื่อกี๊เป็นสีดำทั้งหมด ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าจะเป็นสีแดงแล้ว ไม่ใช่สีแดงที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด แต่เป็นสีแดงสด เหมือนกับดวงตาที่ขวางไว้ด้วยเลือด
ในตอนที่เขาประหลาดใจที่สุดอยู่นั้น จู่ๆขวังซือก็อ้าปากกว้าง จากนั้น ได้ยินเสียงราวกับสิงโตคำรามดังขึ้น ต้นไม้ใหญ่สองต้นในสวนของตระกูลฟางถูกคำรามจนหักโค่นลงมา
ร่างกายของกู่ซู๋ถอยหลังไปหลายก้าวอีกครั้ง ตอนที่เธอเพิ่งจะตั้งหลักได้ จู่ๆขวังซือก็เหยียบพื้นอย่างรุนแรง จู่ๆพื้นก็แตกระแหงทันใด และชี่หนึ่งออกมาจากเท้าของขวังซือไปที่กู่ซู๋
ชี่นั้นโจมตีไปที่ขาของกู่ซู๋อย่างรุนแรง พื้นทั้งหมดเหมือนกับถูกแยกเป็นทางที่แตกระแหง
ทันใดนั้นกู่ซู๋ก็ตาลุกโต อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปติดกันหลายก้าว!
แต่ เมื่อกี๊ตอนที่เธอขยับเท้านั้น ขวังซือได้โจมตีไปที่เธอแล้ว