บทที่ 52 ขวังซือสัตว์ในตำนานของตระกูลจาง
ฟางเหยียนเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตอบว่า “ยังไม่ต้อง ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”
“ครับ!”
“เสี่ยวเหยียน เสี่ยวเหยียนมาแล้ว” ฟางจินหยวนตะโกนออกมาจนตัวสั่นเทา
ทุกคนเห็นรถหงฉีแล่นเข้ามา ก็อดยืดหลังตรงไม่ได้ นี่ไม่ใช่แค่ตัวแทนของความร่ำรวย แต่มันยังเป็นสัญลักษณ์ของบุคคล พื้นเพของตระกูลฟางถือว่าแข็งแกร่ง แต่นอกจากพ่อก็ไม่มีใครคู่ควรกับรถคันนี้
พวกเขาสามารถซื้อรถยนต์คันหรูระดับสิบล้าน แต่ไม่สามารถซื้อรถแบบนี้ได้
ทุกคนนึกว่าฟางเหยียนจะจอดรถ แต่ทว่าเขากลับไม่จอด และขับเข้ามาในบ้าน
นี่คือครั้งแรกในรอบสิบหกปีที่ฟางเหยียนเหยียบเข้ามาในตระกูล เขาเกลียดที่นี่ เขาเกลียดทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่
ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองจะไม่กลับมาที่นี่ตลอดชีวิต แต่เขาก็กลับมาจนได้
“นี่มันอะไรกัน อย่าบอกนะว่าไม่เห็นเรายืนคอยกันอยู่เยอะแยะ” หลี่เยว่บ่นพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์
“จะเกินไปแล้วนะฟางเหยียน”
“เสี่ยวเหยียน เสี่ยวเหยียน” ฟางจินหยวนเรียกชื่อของฟางเหยียน และรีบเปิดประตูให้เขา
เมื่อเห็นใบหน้าอันหล่อเหล่า เขาก็อึ้งไปในทันที หลังจากผ่านไปสามสิบวินาที เขาก็ใช้น้ำเสียงตื่นเต้นพูดออกมาว่า “เหมือน เหมือนมากจริงๆ”
เขาไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ตรงไหน อยากเอามือไปแตะฟางเหยียน แต่ก็ไม่กล้า
ฟางจินหยวนทำอะไรเฉียบขาดมาทั้งชีวิต เมื่อแก่ตัวลงก็ยังขึงขังดุดัน แต่เมื่อเขาอยู่ต่อหน้าของฟางเหยียน เขากลับกลายเป็นคุณปู่ที่เมตตาและอ่อนโยน เป็นคุณปู่ที่ดูแลหลานชายได้ไม่ดี
ฟางเหยียนมองตรงไปข้างหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “พูดมาเถอะ ปู่จะให้ผมทำลายตระกูลยังไงดี จะให้ฆ่าพวกคุณให้หมดหรือจะให้ทำลายบ้านนี้ให้ราบเป็นหน้ากลองดีล่ะ”
คำพูดของฟางเหยียนราวกับลูกกระสุนที่ยิงออกมาจนทำให้ทุกคนในตระกูลตกใจเป็นอย่างมาก
หลี่เยว่กอดอกแล้วพูดว่า “นี่ ฟางเหยียนนายรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้คุณปู่สุขภาพไม่ดี พาพวกเรามายืนคอยนายอยู่หน้าประตูโดยไม่สนใจสุขภาพตัวเอง แล้วนายมาพูดแบบนี้อย่างนั้นเหรอ”
ภรรยาของฟางไห่ถางเบะปากแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้พูดถูก พวกเรารอให้นายกลับมา ทำไมมาถึงก็พูดแบบนี้ล่ะ นี่เป็นสิ่งที่เด็กควรพูดเหรอ”
ทั้งสองไม่พอใจฟางเหยียน ถึงจะเก่งแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำถึงขนาดนี้ได้!
ฟางเหยียนหันขวับไปหาหลี่เยว่กับภรรยาของฟางไห่ถาง เมื่อทั้งสองเห็นแววตานั้นก็ตกใจจนตัวสั่นเทา นั่นมันสายตาอะไรกัน มันแฝงไปด้วยความอาฆาตและเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม!
พวกเธอไม่มีทางเข้าใจแววตาเช่นนั้น
ฟางจินหยวนฝืนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น การที่ฟางเหยียนพูดเช่นนี้ เขาไม่แปลกใจเลยสักนิด ในใจของเด็กคนนี้เต็มไปด้วยความน้อยใจ!
“เสี่ยวเหยียน แกกลับมาถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ก่อนที่ปู่จะจากไปยังได้เจอแก ถือว่าสมปรารถนาแล้ว” พูดพลางในดวงตาของฟางจินหยวนก็สะท้อนประกายของหยดน้ำตาออกมา
ฟางเหยียนส่งเสียงหึออกมาแล้วพูดว่า “อย่ามาแสดงละคร คุณน่าจะตายไปตั้งนานแล้ว การที่คุณมีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว”
คนในตระกูลฟางไร้คำพูด พวกเขาคิดไม่ถึงว่าฟางเหยียนกลับมาที่บ้านแล้วจะมีท่าทีแบบนี้
ไม่กี่วันก่อน ฟางจินหยวนพูดอย่างตื่นเต้นว่าฟางเหยียนจะกลับมา แต่ใครๆ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะกลับมาแบบนี้
แต่ทว่าไม่มีใครกล้าพูดอะไร แววตาเมื่อครู่แสดงให้เห็นแล้วว่าจิตใจของเขาต้องการฆ่าคน
ฟางฟังก็ตกใจกับคำพูดของฟางเหยียนเหมือนกัน เธอคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าฟางเหยียนจะมีท่าทีที่ยโสโอหังเช่นนี้
เธอก็เลยพูดขึ้นมาทันทีว่า “พี่เหยียน ทำไมพี่ถึงพูดแบบนี้ ที่นี่เป็นบ้านของพี่นะพวกเราคือคนในครอบครัวของพี่ หลังจากที่คุณปู่รู้ว่าพี่จะกลับมา เขานอนไม่หลับทั้งคืน อย่าบอกนะว่าพี่ดูไม่ออกว่าคุณปู่รักพี่มากแค่ไหน”
ฟางเหยียนหันมาฟังผู้หญิงที่หน้าตาไม่เลว จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “เธอเป็นใคร”
ฟางฟังรีบยื่นมือไปข้างหน้าฟางเหยียนแล้วพูดว่า “ฉันชื่อฟางฟัง ลูกพี่ลูกน้องของคุณ ปีนี้ฉันอายุ 20 ปี เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเจียงตู ถ้าให้พูดจริงๆ ฉันยังไม่เคยเจอพี่เหยียนมาก่อน”
“ครอบครัว? ลูกพี่ลูกน้อง?” ฟางเหยียนส่ายหน้าหัวเราะเยาะตัวเอง จากนั้นก็พูดออกมาว่า “ตั้งแต่ผมออกไปจากที่นี่เมื่อสิบหกปีก่อน ฟางเหยียนที่พวกคุณรู้จักมันได้ตายตามพ่อแม่อยู่ที่ตระกูลฟางแล้ว ตอนนี้ผมไม่ได้แซ่ฟาง และไม่ได้มีคนในครอบครัวเลือดเย็นแบบพวกคุณ ผมแซ่เย่ เป็นลูกเขยของตระกูลเย่”
คำพูดของฟางเหยียนทำให้คนในตระกูลฟางตกตะลึงอีกครั้ง!
“ถ้าต้องสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น นั่นก็คือตระกูลฟางเป็นศัตรูที่ฆ่าพ่อแม่ของผม! สำหรับผม พวกคุณคือศัตรู!”
พูดจบ ฟางเหยียนก็ลงมาจากรถ แรงอาฆาตแผ่ซ่านไปรอบๆ
มันเป็นความรู้สึกที่มองเห็นและรับรู้ได้ นอกจากผู้หญิง คนในตระกูลฟางทั้งหมดก็ได้เรียนศิลปะการป้องกันตัวมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่านี่คือแรงอาฆาต!
ต้องคร่าชีวิตผู้คนนับหมื่นนับแสนถึงจะมีแรงอาฆาตเช่นนี้
คนในตระกูลฟางพากันถอยหลังกรูดเพราะหวาดกลัวฟางเหยียน
ถ้าเขาลงมือขึ้นมา คนทั้งตระกูลต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
มันคือพละกำลังที่มหาศาล บุคคลพิเศษเท่านั้นที่จะมี ขนาดเทียนขุยยังอกสั่นขวัญแขวนกับแรงอาฆาตตรงหน้า เขาตามฟางเหยียนไปรบมาหลายปี ในสนามรบ เขายังไม่เคยเป็นจอมพลโผ้จวินที่น่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลย
เมื่อเดินเข้ามาที่นี่ บรรยากาศที่นี่ ในหัวของฟางเหยียนเต็มไปด้วยภาพของพ่อแม่ที่ตายอย่างน่าเวทนา
เขาไม่มีวันลืมภาพนั้นไปตลอดชีวิต
ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงดังออกมาจากห้องฝั่งตะวันตกของบ้านตระกูลฟาง มันเหมือนกับเสียงของสัตว์ป่าฟื้นคืนชีพและร้องส่งเสียงร้องตะโกนออกมา
“เสียงอะไรน่ะ” ฟางเหมี่ยวมองไปฝั่งนั้นและถามออกมาอย่างแปลกใจ เขาคิดไม่ออกว่ายังมีอะไรที่ส่งเสียงร้องแบบนี้ออกมา มันเหมือนเสียงร้องโอดครวญของสัตว์ป่า
ฟางไห่เซิงพูดออกมาด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “ขวังซือ!”
ตอนที่พูดชื่อนี้ออกมา คนในตระกูลฟางต่างก็พากันมองไปตรงนั้น ขวังซือ อย่าบอกนะว่าเป็นขวังซือที่อยู่ในตำนาน?
ฟางเหยียนก็หันไปทางนั้นโดยอัตโนมัติเช่นกัน เขาแสยะยิ้มออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นจึงพูดว่า “ในที่สุดก็จะออกมาแล้วเหรอ”
“โฮกๆ” เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้ง เหมือนกับสวนในตระกูลฟางกำลังสั่นสะเทือน
นี่เป็นแรงอันมหาศาล มันแข็งแกร่งจนน่ากลัว
“มาเถอะ ฉันต้องการแก!” ฟางเหยียนปลดปล่อยแรงสังหารออกมาไม่หยุด เสียงร้องคำรามดังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
พายุหรือเปล่า หรือสัตว์ประหลาด
คนในตระกูลฟางเต็มไปด้วยความสงสัย มีเพียงฟางจินหยวนที่เหมือนจะเดาอะไรได้
ทำไม?
ทำไมฟางเหยียนถึงทำแบบนั้น เขาจงใจบังคับให้ขวังซือออกมางั้นเหรอ
ฟางจินหยวนไม่อยากจะเชื่อว่าจะใช้แรงของคนเพียงคนเดียวบีบบังคับให้ขวังซือออกมา!
ถ้าคนสามารถบีบบังคับได้ ต้องมีความสามารถแค่ไหนกันนะ
แล้วต้องโหดเหี้ยมแค่ไหนกันนะ
“โฮก!” เสียงคำรามดังขึ้น มันกึกก้องไปทั่วฟ้า ในขณะเดียวกันคนในตระกูลต่างพากันตัวสั่น
มาแล้วสินะ มันจะออกมาแล้วใช่ไหม