คนที่สามารถมาร่วมอวยพรวันเกิดให้หยางจิ่งเซียนล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลใหญ่โตมีหน้ามีตากัน แถมไม่ได้มากันเป็นครั้งแรกด้วย ปกติงงานวันเกิดหยางจิ่งเซียนมักจะเรียบง่าย ไม่เหมือนพวกตระกูลใหญ่ทั่วไปที่จัดกันหรูหราใหญ่โตมากมายนั่น
ทุกปีก็ล้วนเป็นคนเหล่านี้ ดังนั้นตอนเห็นใบหน้าแปลกหน้าเข้ามา ทุกคนเลยทนไม่ไหวถามขึ้น ตอนถาม สายตาทุกคนจับจ้องไปที่ตัวฟางเหยียนกันหมด ไม่ต้องสงสัยเลยใบหน้าแปลกหน้านั่นคือเขาเอง
ตอนสายตาทุกคนจับจ้องไปที่ตัวฟางเหยียน ในมือเขากำลังถือเนื้อขาแพะย่างไว้อยู่ เป็นชิ้นที่ฉินเข่อตัดให้เขา และเขากำลังลิ้มรสมันอยู่ และเอร็ดอร่อยกับเนื้อขาแพะพอดี
อากัปกิริยานี้โดนพวกเขาเห็นเข้าพอดี ทั้งหมดมองหน้ากันไปมา และพบแววเหยียดหยามในสายตาของทุกคน
ทุกคนต่างคิดในใจว่า ต่อให้เขาแต่งตัวถือว่าพอใช้ได้ เสื้อโค้ตกันลมตัวนั้นราคาไม่ถูกเลย แต่กลับกลบรัศมีของตัวเขาไม่ไหว ดูจากหน้าตาและออร่าแล้ว เขายังคงดูไม่มีมารยาทเท่าพวกคุณหนูคุณชายที่โตมากับตระกูลสูงหรอก
ตัวหยางจิ่งเซียนเองอึ้งไปก่อน แต่ไม่นานเขาก็หัวเราะร่วนดึงความสนใจทุกคนกลับมา เขาพูดกับทุกคนว่า “อืม ผมจะบอกว่าไม่ใช่แฟนหลานสาวผม บางทีพวกคุณอาจจะไม่เชื่อ กฎของผมทุกคนก็รู้กันดี ใช่ เขาเป็นแฟนของเข่อเข่อของเรา วันนี้มาพบหน้ากันครั้งแรกน่ะ”
“หือ?” คนแก่ที่เมื่อกี้พูดหันไปมองสำรวจฟางเหยียน สายตาเขาแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ถามขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “งั้นผมถามอะไรน้องชายคนนี้หน่อยได้ไหม?”
“แน่นอน!” หยางจิ่งเซียนหัวเราะหึๆพลางยกมือขึ้นชี้ไปที่ฟางเหยียน เป็นเชิงให้คนแก่คนนั้นพูด
ที่จริงหยางจิ่งเซียนไม่คู่ควรตัดสินใจอะไรแทนฟางเหยียนทั้งนั้น ด้วยฐานะและตำแหน่งของเขาแล้ว ต่อให้สิทธิ์มายืนพูดต่อหน้าฟางเหยียนก็ยังไม่มีเลย เพียงแต่ว่าฟางเหยียนเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับข่าวคราวของเทียนขุย เลยได้แต่ก้มหน้ายอมร่วมเล่นละครด้วย
คนแก่คนนั้นอายุหกสิบกว่าปี หลังจากได้รับการยินยอมจากหยางจิ่งเซียน เขาจับจ้องสองตาไปที่ฟางเหยียนเขม็งพลางถามว่า “น้องชายคนนี้ เป็นคนที่ไหนหรอ? ที่บ้านทำงานอะไร?”
ฟางเหยียนเงียบไปสักพัก ไม่ได้ตอบอะไรทันที ความเงียบนี่นานอยู่ราวสามสิบวินาที ที่จริงฟางเหยียนไม่อยากตอบคำถามคนแก่นี่เท่าไหร่ เพราะน้ำเสียงเขาไม่ดีนัก ฟังแล้วแสลงหูพิกล
ฉินเข่อที่นั่งข้างเขายกมือขึ้นสะกิดเขาเบาๆพลางพูดเสียงต่ำว่า “เขาถามคุณนะ นั่นน่ะประธานหลี่ ที่บ้านทำธุรกิจอัญมณี เพื่อนคุณปู่ฉันเอง”
ฟางเหยียนสูดลมหายใจเข้าปอด และตอบกลับไปว่า “เมืองจินโจวหนานหลิง พ่อแม่ผมตายหมดแล้ว!”
แววตาคนแก่คนนั้นเปลี่ยนอีก จากนั้นขมวดคิ้วถามว่า “งั้นเธอมาทำอะไรที่ซีโจวนี่กันล่ะ?”
ฟางเหยียนยังไม่ทันตอบ ฉินเข่อก็แย่งตอบก่อนเลยว่า “เขาเป็นศาสตราจารย์ที่มหาลัยหนูเชิญมาค่ะ วิธีการสอนของเขาได้รับการยอมรับจากมหาลัยชั้นนำของประเทศหวา แถมยังอัดคลิปวิดีโอการสอนของเขาส่งให้มหาลัยต่างๆด้วย ในการประชุมอาจารย์บางที่ก็ให้พวกอาจารย์ศึกษาวิธีการสอนของเขา มันพิเศษมากจริงๆ เลยได้รับการเผยแพร่ค่ะ”
“ศาสตราจารย์?” ไม่เพียงแต่คนแก่คนนั้น คนไม่น้อยในที่แห่งนั้นพากันมีสีหน้าตะลึงและสงสัยมองไปทางฟางเหยียน
ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวหรือหน้าตา ฟางเหยียนไม่เหมือนศาสตราจารย์เลย ตรงกันข้าม ดูแล้วกลับเหมือนพวกนักเลงที่อารมณ์รุนแรงควบคุมไม่ได้มากกว่า เพราะเวลาเขามองใคร จะไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนแบบคนอายุยังน้อยมีการศึกษา ตรงกันข้ามกลับแสดงท่าทีประหนึ่งผู้นำที่อยู่ที่สูงล้ำกว่า สายตาและอากัปกิริยาของเขาทำให้บรรดาคนแก่ที่ได้รับการเคารพให้เกียรติมานานต่างไม่พอใจมาก
เขาทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตนแบบนั้นไม่เป็น ท่าทีในตอนนี้เป็นท่าทีโดยปกติของเขา ฟางเหยียนไม่เคยเสแสร้งแกล้งทำ เขาก็คือเขา ไม่จำเป็นต้องทำตัวคล้อยตามคนอื่น
“เหอะเหอะ!” คนแก่หนึ่งในนั้นพูดขึ้น “ผมว่าไม่เหมือนนะ คุณหนูฉิน ระวังจะโดนหลอกนะครับ ศาสตราจารย์อายุยังน้อยขนาดนี้ จะมีระดับการศึกษามากน้อยแค่ไหนกัน จริงสิ น้องชายคนนี้วุฒิการศึกษาอะไรหรอ? จบมหาลัยไหนมาน่ะ? หลานผมไม่เก่งเท่าไหร่ ปีนี้พึ่งได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด คุณคงไม่ใช่จบจากที่นั่นเหมือนกันหรอกใช่ไหม?”
คำพูดของเขาแย่มาก ไม่ว่าใครก็ฟังออกว่ากำลังเหยียดฟางเหยียนอยู่ ชายหนุ่มที่พ่อแม่ตายหมด จะสามารถไปเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้หรือไง? นี่มันฝันกลางวันชัดๆ พอพูดจบ ทุกคนพากันหันไปยกนิ้วโป้งให้กับเขา
ฟางเหยียนกลับส่ายหัวพูดเสียงเรียบว่า “ผมไม่เคยเรียนมหาลัย จบแค่ม.ปลายครับ!”
ฟางเหยียนไม่พูด พูดทีไรตะลึงไปทั้งแถบ คำพูดนี้ทำให้บรรดาคนแก่พากันอึ้งตะลึง ไม่เคยเรียนมหาลัย เรียนจบแค่ม.ปลาย! แต่เป็นศาสตราจารย์มหาลัย เป็นแบบอย่างการสอนในมหาลัยไม่น้อย พูดไปใครจะเชื่อ?
“เหอะๆๆ น้องชายคนนี้คงไม่ได้ล้อพวกเราเล่นใช่ไหม? ล้อพวกเราเล่นแน่ๆ หรือว่าคุณหนูฉินล้อพวกเราเล่นล่ะ! นี่มันไม่ควรล้อเล่นเลยนะ” คนแก่ที่ถามคนนั้นพูดขึ้น
ฉินเข่อหันไปมองฟางเหยียน ถามเสียงต่ำว่า “คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?” ฉินเข่อเองก็ไม่เชื่อว่าฟางเหยียนเรียนจบแค่ม.ปลาย คลิปการสอนของเขาโดนอัดไปฉายที่มหาลัย วิธีการสอนแบบนั้นของเขา ต่อให้มีวุฒิการศึกษาไม่ถึงปริญญาเอก อย่างน้อยก็ต้องปริญญาโท แต่เขากลับเรียนจบแค่ม.ปลาย นี่ต้องเป็นเรื่องล้อเล่นแน่
ฟางเหยียนไม่ได้ตอบฉินเข่อ เพียงแต่บอกพวกคนแก่นั่นว่า “ผมไม่ได้ล้อเล่น อายุอย่างพวกคุณน่ะเป็นปู่ผมได้เลย พวกคุณคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ ผมมีความจำเป็นต้องล้อพวกคุณเล่นด้วย? ผมจบแค่ม.ปลายจริงๆ”
ฉินเข่อได้ยินอย่างนั้น หมดสิ้นคำพูดในพริบตา พูดแบบนี้ เรื่องจริงไม่กลายเป็นเรื่องโกหกไปเลยหรือไง? หรือว่าคนในคลิปนั้นไม่ใช่เขา เป็นแค่คนหน้าเหมือนเท่านั้นเอง?
ไม่ไม่ไม่ คนนั้นก็คือเชา ต้องเป็นเขาแน่ๆ! จุดนี้ฉินเช่อรับประกันได้ เพราะเธอเข้าใจคนนี้เป็นพิเศษ! อย่างน้อยตนเชื่อมั่นว่า ต่อให้เห็นแค่คลิปวิดีโอก็มั่นใจว่าเป็นเขา
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมากชนิดหนึ่ง ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้น ตัวฉินเข่อเองก็พูดไม่ถูก
คนแก่หลายคนคราวนี้ไม่มีอะไรจะพูดแล้วจริงๆ ดูท่าเขาจะจบแค่ม.ปลายจริงๆ
คนที่พึ่งอวดว่าหลานตนเข้ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดไปหัวเราะร่าออกมา และถามอีก “งั้นที่เธอบอกว่าตัวเองเป็นศาสตราจารย์ ก็โกหกน่ะสิ? ฉันว่าไม่มีมหาลัยไหนจะเชิญคนเรียนจบแค่ม.ปลายไปสอนนักศึกษาของตนหรอกมั้ง?”
ฟางเหยียนพยักหน้าบอกอย่างไม่ยี่หระว่า “ผมไม่ใช่ศาสตราจารย์จริงๆ แต่มีศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยซีหนานคนหนึ่งเชิญผมไปเป็นศาสตราจารย์มหาลัยเขา ผมปฏิเสธไปแล้ว! เขาให้ผมอัดคลิปการสอนให้ บอกว่าจะเอาไปเป็นแบบอย่างการศึกษา”