“คนอย่างพวกคุณเป็นพวกคนมีชื่อเสียง ไม่ว่าไปที่ไหนก็จะเปล่งประกายวิบวับเสมอ พวกคุณใช้ชีวิตสุขสบาย มีเงินใช้ไม่หมดตั้งแต่เกิด ออกจากบ้านมีคนขับรถให้ กลับบ้านมีคนไปรับ เสื้อผ้าสกปรกมีคนซักให้ อยากนอนก็มีคนกอดพลางเล่านิทานให้ฟัง พวกคุณคาบช้อนเงินช้อนทองมาตั้งแต่เกิด ต้องไม่เข้าใจชีวิตคนระดับล่างอย่างพวกเราอยู่แล้ว ฉันกับพวกเขาเป็นพี่น้องกัน แต่ชีวิตของพวกเราต่างกับราวฟ้ากับดิน!”
“ตั้งแต่เกิดมาฉันก็โดนส่งไปอยู่หมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง นับจากจำความได้ฉันก็ไม่เคยเห็นแม่ฉันมาก่อนเลย คนที่ดูแลฉันก็มีแต่คุณยายคนหนึ่งที่หลังค่อมทั้งวัน นั่นคือคุณยายของฉัน คนที่นั่นมีน้อย มีแต่ไม่กี่บ้าน ฉันใช้ชีวิตปกติธรรมดาทุกวัน ฉันทำอาหารเป็น เลี้ยงวัวเป็น ตัดหญ้าเป็นตั้งแต่หกขวบ พอเจ็ดขวบ ฉันเข้าเรียนที่โรงเรียน เพราะว่าเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่ ฉันเลยโดนเพื่อนนักเรียนหัวเราะเยาะ โดนทำร้ายตบตี! มีครั้งหนึ่ง ฉันตอบโต้กลับไปหานักเรียนที่ตบตีฉัน สุดท้ายกลับโดนพ่อแม่เขาด่าว่ายกใหญ่ แม่เขายับตบหน้าฉันฉาดหนึ่ง เรื่องนี้ฉันจำได้แม่นยำมาก”
เสี่ยวหงลูบหน้าตัวเอง เยาะหยันตัวเองว่า “ฉันรู้ว่าทำไมฉันโดนตบ เพราะฉันไม่มีพ่อแม่ ไม่มีใครออกหน้าให้ฉัน ต่อให้โดนตบก็ได้แต่ทนรับมัน ไม่กล้ากลับบ้านไปบอกยาย ฉันกลัวเธอกังวล ตอนปีใหม่ พ่อแม่ที่ออกไปทำงานหาเงินที่เมืองอื่นพากันกลับมา ส่วนฉันได้แต่นั่งมองดูทางเข้าหมู่บ้านไปงั้นแหละ วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า รอจนสุดท้าย ฉันหมดหวังแล้ว เพราะไม่มีทางมีใครมารับฉัน และไม่มีทางมีใครมาหาฉัน”
“ไม่นานฉันก็ยอมรับชะตาชีวิต อันที่จริงมียายก็ดีนะ อย่างน้อยก็ไม่ได้โดดเดี่ยวเดียวดายขนาดนั้น ในตอนที่ฉันยอมรับมันแล้ว แม่กลับมาปรากฏตัว การปรากฏตัวของเธอเปลี่ยนชีวิตฉันไปเลย ปีนั้นฉันพึ่งจะสิบสาม แม่พาฉันเข้าไปในเมือง เธอแต่งตัวนำสมัยมาก ใส่เสื้อผ้าที่ไม่เหมือนกับทุกคน มันเป็นอะไรที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ที่จริงฉันอยากเรียกเธอไปยืนต่อหน้าเพื่อนนักเรียนฉันมากกว่า และบอกพวกคนที่หาว่าฉันไม่มีพ่อไม่มีแม่พวกนั้นด้วยเสียงอันดังว่า นี่คือแม่ฉัน!”
“เดิมคิดว่ามาอยู่ในเมืองฉันจะได้ใช้ชีวิตสุขสบาย แต่ไม่คิดเลยว่าชีวิตฉันจะแปรเปลี่ยนไปอย่างพลิกฟ้าพลิกดิน ฝันร้ายของฉันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น แม่ฉันพาฉันไปที่ที่มีแต่ผู้หญิง และมอบฉันให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หยิงคนนั้นให้เงินเธอก้อนหนึ่ง จากนั้นแม่ก็หายสาบสูญไปเลย ก่อนเธอจะไปได้บอกฉันเรื่องชาติกำเนิด นี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันขอบคุณเธอ และเป็นสิ่งเดียวที่คู่ควรพอให้ฉันขอบคุณเธอด้วย”
“หลังจากนั้นรอบข้างฉันเป็นคนแบบไหน ไม่ต้องฉันบอก พวกคุณคงรู้แล้วสิ? ฉันใช้ชีวิตท่ามกลางเหล้ายาบุหรี่มากมายและเสียงก่นด่าทุกวัน ถ้าทำผิดก็จะมีผู้ชายดุด่าตบตี และก็มีผู้หญิงดุด่าตบตี ตอนนั้นฉันเคยวาดฝันไว้เหมือนกันว่า ในเมื่อพ่อฉันมีเงินขนาดนั้น เขาจะมาตามหาฉันไหม ฉันก็จะได้อาศัยโอกาสนี้ฆ่าคนที่ทำไม่ดีกับฉัน แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่ฝันของฉันคนเดียว ความฝันมันก็คือความฝันน่ะแหละ”
“เทียบกับประสบการณ์ของฉันแล้ว พวกคุณน่าจะดีกว่ามากใช่ไหม? พวกเราเป็นพี่น้องกัน มีพ่อคนเดียวกัน ฉันไม่รู้จะขอบคุณพ่อฉันคนนี้ยังไง และที่ทำให้ฉันยิ่งคิดไม่ถึงคือ ตอนฉันตั้งใจมาหาเขา เขากลับให้เงินฉันห้าล้าน เพื่อไล่ฉันไป พ่อ คุณทำแบบนี้ไม่รู้สึกปวดใจบ้างหรือไง?” ตอนเล่าเรื่องนี้เสี่ยวหงพูดทั้งรอยยิ้ม ถึงแม้จะยิ้มอยู่ แต่กลับมีน้ำตาคลอเบ้าตลอด
ประสบการณ์ชีวิตแบบนี้ไม่ว่าใครได้ยิน ก็ต้องรู้สึกปวดใจแทนผู้หญิงตรงหน้าคนนี้
เมื่อกี้พวกเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่รู้สึกว่าหยางจิ่งเซียนไม่ได้ทำอะไรผิดยังรู้สึกไม่ค่อยดีเลย เจอเรื่องแบบนี้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือจัดการดูแลสองแม่ลูกให้ดี แต่หยางจิ่งเซียนกลับทำแบบนี้กับพวกเธอ มันทำให้คนตกใจจนพูดไม่ออกจริงๆ
มันดูไม่เหมือนวิธีของหยางกงเลย และไม่มีใครคิดว่าหยางกงจะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้! บางคนอดคิดไม่ได้ว่า หรือเพราะว่าเรื่องตอนนั้นทำให้หยางกงรู้สึกไม่สบายใจ เลยผันตัวไปทำเรื่องการกุศลมากมายขนาดนั้น!
แน่นอน นี่เป็นแค่การคาดเดาของทุกคน แค่คาดเดาเท่านั้น ไม่มีใครกล้าพูดเลยสักคน!
ตอนนี้เอง มีคนแก่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับหยางจิ่งเชียนถามขึ้น “น้องหยาง ที่หญิงสาวคนนี้พูดเป็นเรื่องจริงหรอ?”
สีหน้าหยางจิ่งเชียนคลายลง เขาถอนหายใจยาวออกมาพลางว่า “นี่เป็นเรื่องสับสนที่ผมทำสมัยหนุ่มตอนอยู่ทางพายัพ ตอนนั้นการคมนาคมยังไม่พัฒนามาก และไม่ใช่ว่าทุกที่จะมีโรงแรม ระหว่างทางกลับบ้าน ผมขอค้างแรมที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เลยได้รู้จักผู้หญิงคนนั้น เธอชื่อลี่ลี่ฮัว ผมรู้สึกว่าเธอเป็นหญิงสาวที่ว่านอนสอนง่าย เลยคุยไปหลายคำ ผมไม่รู้กฎของพวกเธอ ห้ามหญิงสาวพูดคุยกับคนต่างถิ่น นอกจากจะชอบใจอีกฝ่าย ต่อมาผู้หญิงคนนั้นมุดเข้าห้องผมกลางดึก จนทำให้ผมทำผิดพลาดไป”
“ต่อมาผมกลับจากที่นั่นไม่นาน ผู้หญิงคนนั้นก็บอกว่าตัวเองท้อง อยากแต่งงานกับผม ตอนนั้นตระกูลหยางเรากำลังเผชิญหน้าภัยพิบัติ มันเป็นเรื่องเมื่อสามสิบปีก่อน ไม่ต้องให้ผมพูด ทุกคนคงจะรู้ดี”
สามสิบปีก่อน ที่ตระกูลหยางเผชิญคือภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่เพียงพอให้ตระกูลล่มสลายได้เลย ได้ยินว่ามีธุรกิจหนึ่งอยากจะฮุบตระกูลหยาง ตอนนั้นยังทำให้พ่อกับพี่ชายสามคนของหยางจิ่งเซียนตาย พวกเขาใช้วิธีการทุกอย่างมาทรมานคนตระกูลหยาง เป้าหมายเพื่อจัดการทั้งตระกูลหยาง ฮุบกิจการทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เพราะหยางจิ่งเซียนต้านทานคานเอาไว้ ตระกูลหยางคงล่มแล้ว เรื่องนี้ไม่เพียงคนตระกูลหยางทุกคนรู้ คนอายุมากทั่วทั้งดินแดนตะวันตกต่างรู้หมด ต่อมาหยางจิ่งเซียนโกรธจัดจนมีลูกชายเจ็ดคน และยังจัดวางธุรกิจต่างๆไว้ในที่ต่างๆกัน เพื่อป้องกันเรื่องในตอนนั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง อย่างน้อยจะได้รักษาสายเลือดไว้ได้
หยางจิ่งเซียนถอนหายใจยาวพลางว่า “ตอนนั้นผมปฏิเสธคำขอร้องของเธอ กลัวว่าจะดึงเธอมาเดือดร้อนด้วย แต่ผมไม่ได้ไม่ทำอะไรเลย ผมให้เธอไปหนึ่งล้าน! เงินหนึ่งล้านเมื่อสามสิบปีก่อน ตอนนั้นเป็นตอนที่บ้านผมกำลังสิ้นหวังอยู่ด้วย มันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆเลยนะ ผมเอาเงินให้เธอไปจัดการปัญหาเอง หลังจากนั้นผมเคยไปหาเธอ แต่หาไม่เจอ พวกเธอเหมือนตัดขาดการติดต่อไปเลย หายไปในฝูงชน ต่อมาผมล้มเลิกการตามหา จนเมื่อปีที่แล้วที่เสี่ยวหงมาหาผม บอกว่าเป็นลูกสาวผม ลูกสาวของลี่ลี่ฮัวกับผมตอนนั้น ผมถึงนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ดังนั้นผมเลยให้เธอไปตรวจดีเอ็นเอกับผม ถ้าเธอเป็นลูกสาวผมจริงๆ ผมจะรับเธอและพากลับบ้าน”
“แต่เสี่ยวหงปฏิเสธผม ผมให้เงินเธอไปห้าล้าน ให้เธอใช้ชีวิตให้ดี ตอนนั้นเธอไม่ได้ปฏิเสธผม เอาเงินแล้วก็ไป ที่ผมคิดไม่ถึงคือ ช่วงก่อนเธอกลับมาอีก มันทำให้ผมตั้งตัวไม่ทันเลย!”
หยางจิ่งเซียนแสดงท่าทีพูดอะไรไม่ออก เหมือนแปลกใจมากที่เสี่ยวหงมา