บทที่ 53 คนที่ทำร้ายจอมพลโผ้จวินต้องตาย
ผู้หญิงในตระกูลหวาดกลัวจนต้องไปหลบอยู่ข้างหลังผู้ชาย พวกเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทั้งหมดมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันมาก
ในที่สุดหลังจากที่ตระกูลฟางสั่นสะเทือนอยู่พักหนึ่ง ก็มีแสงพุ่งออกมาจากศาลาตะวันตกในพื้นที่ต้องห้ามของตระกูลฟาง
มันเหมือนสัตว์ป่าดุร้ายตัวหนึ่ง มันก้าวเท้าอย่างดุร้ายเข้ามาหาคนในตระกูลฟางทีละก้าว ทีละก้าว
เป็นมันจริงๆ ด้วย
ขวังซือ สัตว์เทพในตำนานที่คอยดูแลคุ้มครองตระกูลฟาง!
ราวกับมันออกมาจากการถูกเกาะกุม มันสะบัดฝุ่นบนร่างกายเหมือนการกลับมาของราชา
ขวังซือสูงเกือบสองเมตร หลังงอ ดูแล้วเหมือนกับกอริลลาตัวใหญ่ ดวงตาของมันเป็นสีแดง มองแล้วทำให้คนรู้สึกพูดไม่ออก
มันมาอยู่ตรงหน้าของคนในตระกูลฟางภายในเวลาอันรวดเร็ว มันเอาทุกคนในตระกูลไปไว้ข้างหลัง
ขวังซือคือการคุ้มครองที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลฟาง!
ใบหน้าของขวังซือน่ากลัว ขนเต็มใบหน้า ถ้าจะบอกว่ามันเป็นสัตว์ แต่ลำตัวของมันเป็นเหมือนกับมนุษย์ ถ้าจะบอกว่ามันเป็นมนุษย์ แต่หน้าของมันเต็มไปด้วยขน ไม่มีส่วนไหนขาวเลย
ขวังซือนับว่าเป็นผู้มีฝีมือระดับต้นๆ ของประเทศหวา ไม่มีใครรู้ว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหน ที่มาที่ไปของมันยังคงเป็นเรื่องที่ลึกลับ นอกจากผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลฟาง ก็ไม่มีใครรู้อีกเลย
มันเป็นสิ่งที่ลึกลับในตระกูลฟาง เพราะมีแต่คนเคยได้ยิน แต่ไม่มีใครเคยเห็นมัน
ได้ยินว่าตระกูลฟางมีสัตว์เทพในตำนานที่คอยดูแลคุ้มครองอันตรายให้ตระกูล
โดยปกติมันจะไม่ออกมา แต่เมื่อคนในตระกูลฟางถูกข่มเหงรังแก มันถึงจะปรากฏตัวออกมา
เดิมทีคิดว่าเป็นตำนานของตระกูลฟางเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าวันนี้ลูกหลานของตระกูลฟางจะได้เห็นตัวเป็นๆ ของขวังซือ
ขวังซือปรากฏตัวออกมาแล้ว อย่าบอกนะว่าฟางเหยียนยังอยากจะทำลายตระกูลอีกงั้นเหรอ
ฟางฟังไม่รู้ว่านี่คืออะไร เธอมองขวังซือด้วยสีหน้าแปลกใจ จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “คุณปู่ นี่คือสัตว์เทพในตำนานที่คอยคุ้มครองบ้านอย่างที่คุณปู่เคยเล่าใช่ไหมคะ”
ฟางจินหยวนไม่พูดอะไร เขามองฟางเหยียนอย่างกล้าๆ กลัวๆ
เขาจะทำลายตระกูลฟางจริงๆ เหรอ
เขานึกว่าฟางเหยียนจะกลับมาสะสางความในใจที่บ้าน แต่เขาประเมินความแค้นในใจของฟางเหยียนต่ำเกินไป
เขายกมือขึ้นมาด้วยตัวสั่นเทา จากนั้นจึงพูดว่า “เสี่ยวเหยียน วางความอาฆาตแค้นลงก่อนได้ไหม”
เขาไม่รู้ว่าฟางเหยียนผ่านอะไรมาบ้าง ถึงได้มีความเกลียดชังมากมายขนาดนี้ มันเป็นพลังที่คนปกติไม่สามารถเข้าใจได้ ถ้าเขาฆ่าคนด้วยความโกรธ หลายปีมานี้เขาคร่าชีวิตคนมาเท่าไรแล้ว
อย่าบอกนะว่าสามารถเทียบกับแม่ทัพเทพไป๋ฉี่ในสมัยโบราณได้แล้ว?
เมื่อเห็นว่าฟางเหยียนเป็นเช่นนี้ เขาไม่ได้กลัว แต่กลับรู้สึกผิด
เขาเป็นคนที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ ถ้าในปีนั้นพ่อแม่ของฟางเหยียนไม่ตายอย่างน่าเวทนา เขาจะเปลี่ยนไปแบบนี้ได้ยังไง เขามองฟางเหมี่ยว และมองไปยังฟางฟัง พวกเขาล้วนเป็นหลานของตน แต่สิ่งที่พวกเขาต้องเจอมันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
ฟางเหมี่ยวกับฟางฟังได้รับการปกป้องจากตระกูล ได้รับการอบรมเลี้ยงดูและใช้ชีวิตมาอย่างดี แต่อีกคนกลับต้องอยู่กับเลือดในสนามรบทุกปี
ถ้าเลือกได้ ใครจะให้หลานของตัวเองเดินบนเส้นทางแบบนี้
ดูเหมือนจะเป็นเส้นทางแห่งเกียรติยศ มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าเส้นทางที่ผ่านมามันทุกข์ทรมานแค่ไหน
จู่ๆ ขวังซือก็คำรามและแยกเขี้ยวเล็บ จากนั้นมันก็ยืดอกและเอามือตบอก มันก้มลงมองฟางเหยียนอย่างดุร้าย บ่งบอกว่าถ้าฟางเหยียนทำร้ายคนในตระกูล มันจะฆ่าเขาอย่างไรอย่างนั้น
ฟางเหยียนมองขวังซือ จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยแววตาคุกรุ่น “แกจะสู้กับฉันเหรอ”
เมื่อเทียนขุยเห็นเช่นนั้น ก็รีบยืนขึ้นทันที เขาเข้ามายืนขวางหน้าฟางเหยียน
“คนที่ทำร้ายจอมพลโผ้จวินต้องตาย”
ฟางจินหยวนเม้มปาก แล้วรีบพูดว่า “ขวังซือ แกจะทำอะไร ถอยมาเดี๋ยวนี้”
ขวังซือไม่พูดอะไร และยังคงมองฟางเหยียนราวกับมองศัตรู ถ้าแรงอาฆาตบนตัวของฟางเหยียนยังไม่หมดไป มันก็จะไม่ไปไหน ปกป้องคนในตระกูลฟางคือเรื่องเดียวที่มันต้องทำ
ขวังซือพูดไม่ได้ มันทำได้เพียงรับรู้ถึงความอันตราย เมื่อตระกูลฟางมีอันตราย มันก็จะปรากฏตัวออกมา นี่เป็นความสามารถของมัน และนี่ก็คือเหตุผลที่ลูกหลานตระกูลฟางได้รับการปกป้องจากตระกูล
ฟางไห่เซิงมองทั้งสองที่กำลังคุกรุ่น เขาโล่งใจได้นิดหน่อย
ถึงแม้ว่าฟางเหยียนจะเคียดแค้นคนในตระกูล แต่มีขวังซืออยู่ คนในตระกูลต้องปลอดภัยแน่นอน
เขาอยู่มานานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นขวังซือ ถึงฟางเหยียนจะแข็งแกร่ง แต่เขาเชื่อว่าขวังซือแข็งแกร่งกว่า!
เมื่อเห็นขวังซือ เขาก็เกิดความดูหมิ่นขึ้นมา ก็เลยกลืนน้ำลายแล้วพูดว่า “เสี่ยวเหยียน พวกเรารู้ว่าตอนนั้นไม่ควรทำแบบนั้นกับพ่อแม่ของนาย แต่เรื่องมันผ่านมาหลายปีแล้ว พวกเราก็ยอมรับผิดแล้ว อย่าบอกนะว่านายยังไม่ให้อภัยพวกเราอีก”
“ให้อภัย!” ฟางเหยียนสูดหายใจลึก แล้วสบถออกมาว่า “น่าขำ”
เมื่อเขาสบถออกมา ขวังซือก็วิ่งเข้ามาหาเขาอย่างบ้าคลั่ง
“เสี่ยวเหยียน วางความแค้นลงก่อนได้ไหม ถ้าแกยังโกรธอยู่ ขวังซือก็ไม่ยอมไปไหน” ฟางจินหยวนรีบตะโกนออกมา
ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองจะไม่ได้เห็นขวังซือออกมาจากกรงไปตลอดชีวิต คิดไม่ถึงว่าเมื่อขวังซือออกมาจากกรงครั้งแรก คือวันที่หลานชายของเขากลับมา
ฟางเหยียนแสยะยิ้ม “ในเมื่อมันไม่ยอมไป งั้นฉันก็จะฆ่ามันเอง! พวกคุณจะได้ไม่คิดว่าตัวเองมีสัตว์เทพในตำนานคอยคุ้มครองอยู่”
เขายังไม่ทันเข้าไป เทียนขุยก็เข้าไปเหมือนได้รับคำสั่ง
แต่เมื่อเข้าไปข้างตัวของขวังซือ ก็เจอกับพลังมหาศาลจนกระเด็นกลับมา
ตัวของเขาล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง และกระอักเลือดออกมา
เทียนขุยเงยหน้าขึ้นมองขวังซืออย่างรวดเร็ว เขาพูดมาโดยไม่รู้ตัว “ทำไมถึงแข็งแกร่งเช่นนี้!”
ถูกต้องแล้ว ขวังซือแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แข็งแกร่งจนเขาไม่มีทางประชิดตัวของมันได้ การปลดปล่อยพลังออกมาจากภายใน นี่คือสิ่งที่คนโบราณว่าไว้สินะ คนที่สามารถทำเช่นนี้ได้ต้องเป็นผู้มีฝีมือระดับปรมาจารย์
ขวังซือที่อยู่ตรงหน้า ต้องเป็นระดับปรมาจารย์อย่างแน่นอน!
“เทียนขุย นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ทันใดนั้นฟางเหยียนก็ถามขึ้น
เทียนขุยส่ายหน้าแรงแล้วพูดว่า “ผมไม่เป็นไรอะไร จอมพลโผ้จวิน! สัตว์ตัวนั้นค่อนข้างแข็งแกร่ง คุณกำลังบาดเจ็บ ระวังไว้ด้วยนะครับ”
ถ้าฟางเหยียนไม่ได้รับบาดเจ็บจากการรบ เขาก็คงไม่เป็นกังวลเรื่องนี้ ตอนนี้ฟางเหยียนมีพละกำลังเพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถเอาชนะขวังซือได้หรือเปล่า!
“ไม่เป็นไร สัตว์ร้ายตัวนี้ไม่สามารถทำให้ฉันใช้พละกำลังออกมาได้ทั้งหมดหรอก”
พูดจบ เขาก็ก้าวเข้าไปหาขวังซือ
พละกำลังมหาศาลแผ่ซ่านออกมาจากตัวของขวังซือ ไม่รู้ว่าพละกำลังนี้มหาศาลแค่ไหน แต่จู่ๆ ก็ทำให้คนในตระกูลฟางอ้าปากค้าง แม้กระทั่งเทียนขุยก็เห็นแค่พละกำลังนั้นอย่างเลือนรางเท่านั้น
ฟางเหยียนปะทะกับขวังซือ คนหนึ่งดุร้าย อีกคนเร็วดั่งสายฟ้า ทั้งสองต่อกรกัน ราวกับสงครามโลกอย่างไรอย่างนั้น!
รอบตัวของทั้งสองคนปกคลุมไปด้วยกำลังภายในที่แข็งแกร่ง ท้องฟ้าบนบ้านตระกูลฟางมีเมฆดำปกคลุม เทียนขุยไม่เคยเห็นการต่อสู้เช่นนี้มาก่อน นี่อาจจะเรียกได้ว่าสงครามมหากาพย์
เขาค่อยๆ เข้าใจว่าทำไมจอมพลโผ้จวินถึงปลดปล่อยแรงสังหารออกมาเช่นนั้น
หลังจากผ่านไปสามนาที แรงโกรธค่อยๆ หายไป ทุกคนลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว!
ทุกคนตกใจกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้า ฟางเหยียนใช้มือเปล่าจับคอของขวังซือ มันพยายามใช้แรงเพื่อที่จะจู่โจมฟางเหยียน แต่หลังจากที่มันโดนฟางเหยียนจับไว้ที่คอ มันก็ไม่สามารถเข้าถึงตัวของฟางเหยียนได้อีก