“นั่นสิ คนแบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้นะ ปล่อยเอาไว้ก็เท่ากับเป็นอันตรายกับสังคม กับทุกคนด้วย!”
หยางจิ่งเซียนเองก็ทนไม่ไหว เขาพยักหน้ารัวๆ เหมือนได้สติกลับมา พลางว่า “ที่แท้เธอก็ตรวจสอบฉันมาก่อน ถึงได้ใช้วิธีนี้เข้ามาฮุบธุรกิจตระกูลหยางของฉัน เป้าหมายของเธอคงเพื่อมาแทนที่ตำแหน่งฉันในตระกูลหยางล่ะสิ? เหอะๆ ผู้หญิงอย่างเธอนี่น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
เสี่ยวหงไม่ใช่คนประเภทที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เธอหวั่นไหวอยู่ไม่กี่วินาที ก็แค่นเสียงหัวเราะเย็นชาออกมาพลางว่า “ใช่สิ คุณไม่ยอมรับฉันได้ ยังไงซะคุณก็ไม่เคยยอมรับมาก่อนอยู่แล้ว ตอนนี้มีคนให้ทางออกคุณพอดี คุณก็ต้องรีบตามน้ำก่อนเลยอยู่แล้ว แต่คนทำ ฟ้ามีตา ฉันเชื่อว่าวันหนึ่งคุณต้องได้รับผลกรรมตามที่คุณควรได้รับ”
หยางจิ่งเซียนได้ยินอย่างนั้น เหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่โดนฟางเหยียนยกมือขึ้นตัดบทซะก่อน เขาพูดกับเสี่ยวหงว่า “อย่าพล่ามให้มากความเลย ตอนนี้ผมให้ทางเลือกคุณสองทาง ทางที่หนึ่งคือบอกผมมาว่า เบื้องหลังคุณเป็นองค์กรอะไร? แล้วเดินจากที่นี่ไปอย่างมีชีวิต ต่อไปนี้อย่าได้เข้ามาเหยียบดินแดนตะวันตกอีกแม้แต่ก้าวเดียว ห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวหาเรื่องใครในตระกูลหยางอีก ทางที่สองคือผมฆ่าคุณซะตรงนี้! ให้องค์กรของคุณมารับศพคุณกลับไป”
เสี่ยวหงมองดูฟางเหยียน เขาไม่ได้ล้อเล่นกับตนแน่ ถ้าเขาจะฆ่าตนจริงๆ มันง่ายราวพลิกฝ่ามือ แต่เสี่ยวหงจะพูดชื่อองค์กรของตนออกมาได้ยังไง เธอแค่นเสียงหึพลางว่า “งั้นต้องดูฝีมือแกหน่อยแล้วล่ะ”
เธอกวาดตามองคนที่ห้อมล้อมด้านหลังฟางเหยียนพลางว่า “ฉันจะฆ่าแกก่อน แล้วค่อยฆ่าพวกเศษขยะไร้ฝีมือด้านหลังแก”
พูดจบ เธอพุ่งเข้าหาฟางเหยียน ฟางเหยียนยกมือขึ้นป้องกันฉินเข่อด้านหลังเขาโดยอัตโนมัติ ผลักร่างเธอไปด้านหลังตนเล็กน้อย และยืนผงาดจ้องมองเสี่ยวหงไม่กะพริบตา ที่จริงเสี่ยวหงไม่ได้เป็นแม้แต่นินจาระดับสูงด้วยซ้ำ เธอแค่ถนัดในการโจมตีด้านจิตใจเท่านั้นเอง การต่อสู้ไม่ใช่สิ่งที่เธอถนัดเลย
พอมาถึงตัวฟางเหยียน นิ้วมือเธอตรงแน่วหวังจะแทงทะลุหน้าอกฟางเหยียน พอเห็นฉากนี้ เจ้าสามหยางที่โดนมาแล้วรีบร้องบอก “ระวัง ชายเสื้อเธอมีใบมีด”
ฟางเหยียนรู้ดีอยู่แล้วว่าชายเสื้อเธอมีใบมีด การต่อสู้เมื่อกี้เขาไม่ต้องดู แค่ฟังก็รู้ว่าเธอทำอะไร ตอนมือเธอใกล้ถึงหน้าอกฟางเหยียน ฟางเหยียนยกมือขึ้นคว้าจับแขนเธอไว้ ฝ่ามือนี้จับเข้ามา พอดีจับจุดที่มีกลไกซ่อนมีดตรงชายเสื้อเธอพอดี
อาวุธลับของเสี่ยวหงออกมาไม่ได้แล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมองฟางเหยียนอย่างโกรธจัด สีหน้าฟางเหยียนยังคงสงบนิ่งเหมือนเดิม เสี่ยวหงเห็นอย่างนั้นขยับดิ้นรนทันที พยายามยกมืออีกข้างหนึ่งไปแทงฟางเหยียน
ฟางเหยียนปล่อยมือเธอ เธอสะดุดถอยหลังไปหลายก้าว กลับไปอยู่ตรงจุดที่โจมตีเมื่อกี้
ฟางเหยียนเดินลงขั้นบันไดอย่างไม่รีบร้อน ไปยืนตรงลานที่กว้างขวางหน่อย
ฉินเข่อพูดด้วยสีหน้าเป็นห่วงว่า “ระวังด้วย!”
ต่อให้เธอรู้ว่าฟางเหยียนเก่งมาก ผู้หญิงคนเดียวคงทำอะไรเขาไม่ได้ แต่นี่เป็นสิ่งที่เธอควรพูด
หลังจากเสี่ยวหงตั้งหลักได้ เธอก็เริ่มการโจมตีระลอกใหม่
ทั้งคู่เริ่มสู้กันในสวนอีกครั้ง เสี่ยวหงเป็นแค่ใช้อาวุธลับฆ่าคนและวิชาป้องกันตัวธรรมดาเท่านั้น ต่อกรกับคนธรรมดาน่ะได้ แต่คิดจะต่อกรกับฟางเหยียน เรียกได้ว่าไม่รู้จักประเมินฝีมือตัวเองเลย
เสี่ยวหงในตอนนี้ก็เหมือนกับเจ้าสามหยาง ไม่ว่าเธอจะทำยังไงก็ทำอะไรฟางเหยียนไม่ได้เลย ความเร็วเธอไม่ได้แย่ เพียงแต่ในสายตาฟางเหยียนแล้ว ก็เหมือนปล่อยจังหวะช้า ไม่เร็วพอในสายตาฟางเหยียนก็เท่านั้น ฟางเหยียนไม่ได้ตอบโต้กลับ เขาเบี่ยงหลบการโจมตีของเสี่ยวหง ทุกครั้งก็แค่จับจุดกลไกของเธอ ทำให้อาวุธลับเธอออกมาไม่ได้ก็เท่านั้น
ทุกคนมองกันมึนงงตาลาย จนทนไม่ไหวส่งเสียงวิจารณ์ออกมาว่า “นี่ นี่ นี่มันเก่งเกินไปแล้วไหม! หยางกง หลานเขยคุณนี่เก่งจริงๆเลย มีเขาอยู่ วันนี้พวกเราน่าจะรอดแล้วล่ะ”
พวกที่เมื่อกี้ยังหาว่าฟางเหยียนไม่คู่ควรกับฉินเข่ออยู่เลย มาตอนนี้กลับคำซะแล้ว คนแก่ที่อยากให้หลานชายตนคู่กับฉินเข่อเสริมว่า “นั่นสิ หยางกง ตระกูลหยางคุณมีหลานเขยแบบนี้ เรียกได้ว่าราวเสือติดปีกเลยนะ ให้ผมบอก ต่อไปตระกูลคุณต้องกลายเป็นตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งในดินแดนตะวันตกของเราแน่เลย แบบนี้ตระกูลโจวก็โดนพวกคุณกดจมดินน่ะสิ”
“นั่นสิ หยางกง พ่อหนุ่มนี่เหมาะสมกับหลานสาวคุณนะ เหมาะมาก!”
พวกคนแก่พากันกลับคำพูดกันหมด แถมยังเปลี่ยนซะเนียนเชียว ฉินเข่อยืนอยู่อีกด้าน พอได้ยินคำพูดพวกนี้เข้า เธอมองบนใส่ไปก่อนเลย เป็นพวกตาแก่ที่เปลี่ยนไวแถมยังเข้าใจพูดซะอีกแน่ะ แต่หยางกงก็ชอบแบบนี้ เขายิ้มเหอะๆรับด้วยสีหน้าพึงพอใจมาก
ฉินเข่อดดหันไปมองสำรวจฟางเหยียนอีกครั้งไม่ได้ ถ้าฟางเหยียนเป็นแฟนเธอจริงๆ ก็น่าจะไม่ได้แย่นะ ถึงตัวเขาจะลึกลับมากก็ตาม แต่อย่างน้อยอยู่กับเขาแล้วรู้สึกปลอดภัย
ระหว่างคิด ฉินเข่อก็อดกำมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว เหงื่อออกที่ฝ่ามือไม่น้อย
หยางซงในตอนนี้ดวงตาเบิกกว้าง ฝีมือพี่สามเขารู้ดี พี่สามยังสู้ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ แต่พหมอนั่นกลับจัดการได้อย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดว่าฝีมือหมอนั่นต้องเก่งกว่าพี่สามมากนัก
มิน่าคุณชายตระกูลโจวยังไม่กล้าหาเรื่องเขา ต้องเคยโดนฤทธิ์ฝีมือเขามาก่อนแน่ ที่น่าขำก็คือ ตนกลับคิดจะช่วยออกหน้าให้เขา ที่แท้ทั้งหมดเป็นการคิดไปเองของตนนี่เอง
วันนั้นต่อให้ตนไม่ออกหน้า เขาก็จัดการคุณชายโจวได้!
หนึ่งนาทีผ่านไป การต่อสู้เสร็จสิ้นลง ฟางเหยียนคว้าจับเสี่ยวหงไว้ได้ทั้งสองมือ และปล่อยร่างเธอลงกับพื้น ฟางเหยียดคุกเข่าลงบนหลังเสี่ยวหง ใช้มือข้างหนึ่งรวบมือทั้งสองของเธอไว้ อีกมือก็กดหลังเธอติดพื้น นี่เป็นวิธีปราบอยู่หมัด ทำให้เสี่ยวหงไม่มีโอกาสแม้แต่จะขยับ ฟางเหยียนพูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “ผมเคยบอกแล้ว คุณต้องตาย!”
เสี่ยวหงตะคอกไปด้านนอกอย่างร้อนใจ “ใคร มีใครอยู่ข้างนอก!”
หลังจากตะโกนเรียกไปหลายที แต่กลับไม่มีใครเข้ามาเลย ฟางเหยียนพูดเสียงต่ำว่า “หรือคุณคิดว่ามีแต่คุณที่เตรียมตัวมา ผมจะไม่เตรียมตัวอะไรเลย? คนของคุณน่ะโดนฆ่าหมดแล้วล่ะ!”
“เป็นไปไม่ได้!” เสี่ยวหงร้องพลางเบิกตากว้าง “เป็นไปได้ยังไง คนที่ฉันพามาล้อมรอบตระกูลหยางไว้หมดแล้ว หลายร้อยคนเชียวนะ แกจะทำอย่างงั้น…”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ก็สะกิดใจอะไรขึ้นมา และถลึงตาใส่พลางถาม “หรือว่าแกคือ…”
ฟางเหยียนไม่รอเธอพูดจบ ก็บีบคั้นดึงร่างเธอขึ้นมาจากพื้น พลางว่า “บอกผมมา องค์กรสัตว์เพลิงส่งคุณมายึดครองตระกูลหยางใช่ไหม? นอกจากตระกูลหยางแล้ว พวกคุณคิดจะไปแทนที่ใครอีก? หรือว่าแทนที่ใครไปแล้ว?”
ใบหน้าเสี่ยวหงเปลี่ยนไปอย่างคาดเดาไม่ได้อีกครั้ง เธอจ้องมองหยางจิ่งเซียนตาเขม็ง
หลังจากสบตาไปหลายวินาที เธอพูดเสียงดังว่า “หยางจิ่งเซียน ฉันไม่คิดเลยนะว่าคุณจะไม่เชื่อว่าฉันเป็นลูกสาว คุณนี่มันชั่วร้ายมากจริงๆ!”