ฟางเหยียนมองหยางจิ่งเซียน และถามต่อว่า “งั้นสุดท้ายคุณแน่ใจฐานะของผมยังไงล่ะ? แค่การวิเคราะห์พวกนี้ก็ตัดสินว่าผมเป็นโผ้จวินของประเทศหวา ผมว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้นมั้ง?”
หยางจิ่งเซียนรับคำก่อนวิเคราะห์ต่อว่า “นี่ยิ่งไม่ยากเลยครับ ในตอนที่คุณพูดกับเสี่ยวหงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ชายแดนภาคเหนือทั้งสองเรื่องนั่น ผมก็เดาทิศทางออกได้แล้ว ถึงผมจะไม่รู้จักคุณ แต่ผมรู้ว่าป้อมปราการของประเทศหวาอยู่ที่ชายแดนภาคเหนือ ภาระหน้าที่ในการปกป้องชายแดนภาคเหนือก็เป็นงานหลักของจอมพล เรื่องที่คุณพูดทั้งสองเรื่องเกิดที่ชายแดนภาคเหนือ แสดงว่าคุณอยู่ที่ชายแดนภาคเหนือมาตลอด”
“จอมพล ถ้าคุณอยากมาแทนที่ตระกูลหยางผม ไม่ต้องเปลืองแรงขนาดนั้นก็ได้ ขอแค่คุณสะบัดมือ ตระกูลหยางของผมก็โดนคุณรับเข้าสังกัดแล้ว การได้เป็นคนในสังกัดของคุณ มันถือเป็นเกียรติของตระกูลหยางเรามากครับ”
ต้องยอมรับจริงๆว่าหยางจิ่งเซียนเก่งกาจมาก เขามีทักษะสูงมากในการมองคนดูคน ตาแก่นี่ไม่ใช่คนธรรมดา มิน่าตระกูลโจวยังไม่กล้ามาหาเรื่องในถิ่นเขา ที่แท้มีคนแก่ร้ายกาจแบบนี้คอยคุมอยู่ คนที่วิเคราะห์คนได้ขาดแบบนี้ต้องเจ้าเล่ห์หนักมาก แต่ขอเพียงเขาไม่ทำเรื่องเลวร้าย มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฟางเหยียน
ฟางเหยียนพยักหน้าน้อยๆพลางว่า “คุณฉลาดมาก วิเคราะห์ได้เป็นเหตุเป็นผล เดิมผมไม่คิดจะเปิดเผยฐานะตัวเอง ในเมื่อคุณรู้แล้ว ผมก็ไม่คิดปิดบัง ใช่ ผมคือจอมพลโผ้จวินแห่งสำนักเจ็ดพิฆาต เป้าหมายที่มาดินแดนตะวันตกในครั้งนี้เพื่อช่วยรองผู้นำเทียนขุยที่โดนควบคุมจิตใจ ผมพักที่บ้านคุณนี่ ไม่น่าจะเป็นปัญหาใช่ไหม?”
หยางจิ่งเซียนรีบโค้งคำนับลงไปพลางว่า “แน่นอนว่าไม่มีปัญหา มันเป็นเกียรติยศชั่วชีวิตของผู้ต่ำต้อยอย่างกระผม! ช่วงที่คุณอยู่ที่นี่ ไม่ว่าเรื่องใหญ่เล็กแค่ไหน ขอเพียงอยู่ในขอบเขตความสามารถของพวกเรา ตระกูลหยางเราไม่มีทางส่ายหัวปฏิเสธ และจะทำให้ดีที่สุดเพื่อโผ้จวิน ถึงตายก็ไม่เสียดายครับ!”
“อืม!” ฟางเหยียนพยักหน้าน้อยๆ ฟื้นฟูกลับสไตร์สเย็นชาเย่อหยิ่งแต่เดิมของตนตามปกติ
หลังจากเงียบไปหลายวินาที หยางจิ่งเซียนถามขึ้นอย่างแปลกใจอีกว่า “จริงสิ งั้นคุณกับหลานสาวผมรู้จักกันได้ยังไงล่ะ?”
ฟางเหยียนอ้อออกมาหนึ่งคำ พลางว่า “เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวลไป ผมไม่ใช่แฟนเธอ”
สีหน้าหยางจิ่งเซียนเคร่งครึมลงทันที เห็นได้ชัดว่าผิดหวังมาก เขากลืนน้ำลายเอื๊อก กระพริบตาปริบๆถามว่า “แต่ว่า หลานสาวผมบอกแล้วนี่ว่าคุณเป็นแฟนเธอ?”
ฟางเหยียนโบกมือบอก “ไม่ใช่ แค่คุณหนูฉินขอร้องผมให้ช่วยเท่านั้นเอง”
สีหน้าหยางจิ่งเซียนดูตกใจมากอีกครั้ง เขาถอนหายใจยาวออกมา ส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจว่า “ผมคิดว่าผมจะมีโอกาสได้ดองกันกับจอมพลซะอีก ถ้าเป็นแบบนี้ สำหรับตระกูลหยางเราถือว่าถือเป็นบุญวาสนาอย่างสูงแล้วล่ะ น่าเสียดาย ดูท่าหลานสาวผมจะไม่มีวาสนาพอ”
ฟางเหยียนไม่ได้พูดต่อไป เพราะมันไม่ใช่เรื่องพี่เขาอยากพูด
ถ้าพูดต่อไป หยางจิ่งเซียนต้องพูดเรื่องทำนองให้แต่งกับหลานสาวเขาแน่ เรื่องแบบนั้นหวงหยวนฉาวเคยพูดมาแล้ว
พอเห็นฟางเหยียนดูไม่สนใจกับหัวข้อนี้ หยางจิ่งเซียนก็เปลี่ยนหัวข้อพลางถามว่า “จริงสิ จอมพลได้ยินข่าวเรื่องพรุ่งนี้คุณชายตระกูลโจวจะจัดงานแต่งงานที่โรงแรมหัวหลงไหมครับ?”
ฟางเหยียนพยักหน้าเล็กน้อยพลางว่า “รู้!”
เขาจะไม่รู้ได้ยังไง เรื่องนี้เขารู้ดีเลยล่ะ
หยางจิ่งเซียนพูดต่อไปว่า “ผมได้ยินมาว่า มีคนใหญ่คนโตคนหนึ่งมาอวยพรให้กับคุณชายตระกูลโจวถึงดินแดนตะวันตกโดยเฉพาะ คุณชายน้อยดินแดนตะวันตกกับคุณท่านโจวซื่อเจี๋ยปิดสนามบินรอรับท่านผู้นั้นเลย ก็ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ ถึงทำให้โจวซื่อเจี๋ยปิดสนามบินรอรับได้เลย น่าจะเป็นคนใหญ่คนโตมากล่ะมั้ง !” เรื่องนี้ฟางเหยียนเคยได้ยินสองคนที่นั่งโต๊ะข้างๆพูดให้ได้ยินเหมือนกันตอนกินข้าว ดูท่าจะกลายเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วทั้งดินแดนตะวันตกเลยทีเดียว ยังไงก็ปิดสนามบินรับเลย ข่าวในดินแดนตะวันตกนี่แป๊บเดียวก็แพร่กระจายไปทั่วแล้ว มีข่าวออกมาแบบนี้ก็ไม่แปลกหรอก
“งั้นใครกันล่ะ?” ฟางเหยียนถามไปงั้นๆเพื่อเออออไปกับหยางจิ่งเซียน ที่จริงเขาไม่สนใจเรื่องนี้เลย
หยางจิ่งเซียนส่ายหัวบอก “ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ว่าสามารถทำให้ตระกูลโจวปิดสนามบินไปรอรับได้ ต้องเป็นคนที่สำคัญมากแหละ! อย่างต่ำสุดก็ต้องเป็นคนระดับบน เพราะนั่นมันตระกูลโจวของดินแดนตะวันตกเลยนะ!”
ฟางเหยียนพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “อืม เป็นใครพรุ่งนี้ก็รู้แล้วล่ะ ถึงเวลานั้นพาผมไปด้วยไม่ว่ากันใช่ไหม?”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางเหยียนบอกใครให้พาเขาไปที่ไหนด้วยเป็นครั้งแรก หยางจิ่งเซียนรีบบอก “แน่นอนครับ! ได้รับใช้จอมพลโผ้จวิน ถือเป็นเกียรติยศของตระกูลหยางเรามากครับ ยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยครับ!”
“อืม!”
“จริงสิ มีเรื่องหนึ่งผมอยากถามคุณหน่อย คุณรู้ไหมว่าฉินเสียงหลินเป็นใคร?” ฟางเหยียนถาม
ที่จริงการที่เขามาดินแดนตะวันตก นอกจากเรื่องเทียนขุยแล้ว ยังอยากจะหาคนที่ชื่อฉินเสียงหลินนั่นด้วย นี่เป็นคนที่ศาสตราจารย์โจวแนะนำมา บอกว่าถ้าอยากเข้าใจเรื่องหินทิพย์มากขึ้น ให้หาคนคนนี้ บางทีอาจจะได้รู้อะไรที่ตนอยากรู้มากขึ้นก็ได้
พอได้ยินชื่อนี้ สีหน้าหยางจิ่งเซียนเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด กลายเป็นประหลาดใจและไม่สบายใจ แทบจะเรียกได้ว่ามีความหวาดกลัวด้วย เขาเงียบไปชั่วครู่ และถามขึ้นอย่างตกใจว่า “คุณจะหาเขาทำไม?”
ฟางเหยียนถามอย่างโดยไม่ต้องคิดว่า “เพื่อนผมแนะนำมา บบอกว่าเขาจะสามารถไขปัญหายากๆให้ผมได้ ผมเลยมาหาเขา มีเรื่องอยากรบกวนเขาหน่อย!”
สีหน้าหยางจิ่งเซียนตึงเครียดลงไป จู่ๆเขาก็ขยับเท้าไปนั่งลง และยกชาเย็นขึ้นจิบช้าๆ พอชาคำหนึ่งลงคอไป เขาก็กลืนน้ำลายเอื๊อก ถอนหายใจยาวก่อนบอกว่า “ฉินเสียงหลินเหอะๆ กี่ปีแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ยินชื่อนี้ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้ยินคนเอ่ยชื่อนี้ให้ได้ยิน จอมพล ไม่ปิดบังคุณเลย นี่เป็นคนแปลกคนหนึ่งในดินแดนตะวันตกเรา ที่ดินแดนตะวันตกมีคำพูดแบบนี้ไว้ ยอมเป็นศัตรูกับ ตระกูลโจวแห่งดินแดนตะวันตก ก็อย่าไปหาเรื่องกับฉินเสียงหลินแห่งภูเขาทิพย์ ความหมายของคำพูดนี้เพราะว่า ความลึกลับของฉินเสียงหลินมีเหนือกว่าตระกูลโจวมากนัก”
“หือ?” ฟางเหยียนรู้สึกแปลกใจ ลึกลับยิ่งกว่าตระกูลนินจาอย่างตระกูลโจวอีก นี่มันใครกันเนี่ย?
สำหรับคนธรรมดาแล้ว นินจาถือว่าลึกลับพอดูแล้ว ตอนนี้กลับมีบุคคลลึกลับซะยิ่งกว่าตระกูลโจวซะอีก นี่มันใครกันเนี่ย หรือว่าเป็นผู้บำเพ็ญเซียน? หรือว่า…
ไว้รอหยางจิ่งเซียนหยางจิ่งเซียนอธิบายละกัน ฟางเหยียนแค่นั่งรอหยางจิ่งเซียนเอ่ยปากเงียบๆ
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ หยางจิ่งเซียนก็พูดขึ้น “จริงสิ ในเมื่อจะพูดเรื่องฉินเสียงหลิน งั้นผมจะเล่าเรื่องตระกูลโจวกับคุณก่อนละกัน!”
“ตระกูลโจวจู่ๆก็มาที่ดินแดนตะวันตกเราเมื่อหลายสิบปีก่อน น่าจะประมาณหกสิบเจ็ดสิบปีก่อนได้ ตอนนั้นไม่ได้สงบเหมือนตอนนี้ องค์กรใต้ดินเอาแต่ใจไร้เหตุผล และมีกองโจรไม่น้อยคอยก่อกวนอยู่รอบๆ เวลากลางวัน ห้ามไม่ให้ผู้หญิงออกนอกบ้านเด็ดขาด ถ้าออกมาต้องโดนโจรลักพาตัวไปเป็นเมียแน่”