บทที่ 55 ของขวัญของฟางฟัง
เมื่อมองป้ายวิญญาณของฟางไห่เฟิง น้ำตาของเขาก็ไหลออกมาทันที
เขาสูดหายใจลึกแล้วพูดออกมาว่า “การตายของไห่เฟิงคือความเจ็บปวดที่อยู่ในใจของฉันตลอดชีวิต ฉันช่วงเวลาที่เหลืออยู่อธิษฐานให้เขายกโทษให้ฉัน สิบหกปีเต็มๆ ที่ฉันทำอย่างไม่เคยขาดตกบกพร่องแม้แต่วันเดียว เสี่ยวเหยียน ปู่รู้ว่าแกเกลียดปู่ แต่แกคิดว่าปู่ไม่เกลียดตัวเองเหรอ ไห่เฟิงเป็นลูกชายแท้ๆ ของปู่ และเป็นลูกชายที่เก่ง ปู่รักเขามากกว่าใคร ไม่อยากให้เขาจากปู่ไป”
“แต่เรื่องทั้งหมด เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เสี่ยวเหยียน เรื่องบางเรื่อง มันไม่ใช่อย่างที่แกคิด”
ฟางเหยียนขมวดคิ้ว เขาแสยะยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “คุณกำลังแสดงละครให้ผมดูอยู่หรือไง”
ฟางจินหยวนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ว่าตอนนี้ปู่จะพูดยังไง แกก็คงไม่เชื่อ ปู่ไม่ได้ขอให้แกยกโทษให้ แต่หวังว่าแกจะเชื่อสักนิด ในโลกใบนี้ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่จะใจไม้ไส้ระกำฆ่าลูกของตัวเองได้ลงคอ”
ฟางเหยียนก้าวเข้าไปตรงหน้าของฟางจินหยวน แล้วถามขึ้นว่า “งั้นคุณล่ะ คุณถือว่าเป็นข้อยกเว้นหรือเปล่า”
ฟางจินหยวนไม่พูดอะไรและส่ายหน้าอย่างเจ็บปวด เขาเจ็บปวดไปทั้งหัวใจจนพูดอะไรไม่ออก
ฟางไห่เซิงรีบพูดขึ้นมาว่า “เสี่ยวเหยียน คุณปู่ก็ลำบากใจนะ”
“ลำบากใจ?” ฟางเหยียนหัวเราะหึหึแล้วพูดว่า “งั้นทำไมเขาไม่ฆ่าคุณล่ะ”
“ฉัน…” ฟางไห่เซิงกระอักกระอ่วน
จู่ๆ ฟางจินหยวนก็คุกเข่าลงตรงหน้าฟางเหยียน
มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้ฟางเหยียนตกใจเล็กน้อย
ฟางฟังรีบพูดว่า “คุณปู่ทำอะไรคะ ปู่คุกเข่าให้พี่เหยียนทำไม”
“พ่อ ทำอะไรครับ!”
ฟางจินหยวนยกมือขึ้นมาเพื่อเป็นการบอกให้ทุกคนหยุดพูด เขาพูดอย่างจริงจังว่า “เสี่ยวเหยียน เวลาของปู่มีไม่มากแล้ว นี่จะเป็นวันเกิดครั้งสุดท้ายของปู่ ปู่ดีใจมากที่แกมา ความปรารถนาเดียวของปู่คือพูดต่อหน้าป้ายบรรพบุรุษตระกูลฟาง ปู่หวังว่าแกจะมาสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลฟาง”
คำพูดของฟางจินหยวนดังกึกก้องอยู่ในศาลบรรพบุรุษ
คนที่อยู่ข้างในศาลต่างพากันเงียบ ฟางไห่เซิง ฟางไห่ถางมองหน้ากัน ในใจของเขาเหมือนถูกคลื่นลมซัดกระหน่ำ
ผู้นำตระกูลฟางคุกเข่าต่อหน้าหลานชายเพื่อขอให้เป็นผู้นำตระกูล
ฟางเหยียนก้มลงมองฟางจินหยวน และพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ถ้าคุณเรียกผมมาเพราะเรื่องนี้ก็เสียเวลาเปล่าแล้วล่ะ ฟางจินหยวน คุณก็รู้ว่าความสามารถของผมจะสร้างตระกูลฟางอีกสักร้อยตระกูลก็ยังได้”
“เทียนขุย พวกเรากลับกันเถอะ!” ฟางเหยียนหันหลังจะเดินออกไป
คำพูดของฟางจินหยวนดังขึ้นอีกครั้ง “แกสามารถสร้างตระกูลฟางได้ร้อยตระกูล แต่ตระกูลฟางที่เป็นของแกมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!”
“ผมใช้ชื่อของคุณจดทะเบียนฟางซื่อกรุ๊ป ที่เมืองจินโจว ตระกูลฟางลงทุนเงินจำนวนมากใน ฟางซื่อกรุ๊ป”
ฟางเหยียนเดินออกจากศาลบรรพบุรุษโดยไม่หันหลังกลับมา
เมื่อมาถึงหน้าประตู เขาก็ชะงักฝีเท้าลง ทุกคนต่างพากันมองเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ฟางเหยียนมองฟางไห่อิง จากนั้นจึงพูดว่า “น้าเล็ก!”
เมื่อเรียกเสร็จเขาก็เดินออกจากตระกูลฟาง
เมื่อมาถึงหน้าประตู เสียงของฟางฟังก็ดังขึ้นมา “พี่เหยียน พี่เหยียน”
“เธอมีอะไรอีก” ฟางเหยียนถามอย่างเย็นชา
ฟางฟังเอามือไพล่หลัง และยิ้มออกมาอย่างแปลกประหลาด จากนั้นเธอก็เอากล่องของขวัญออกมาจากข้างหลังแล้วยื่นให้ฟางเหยียน “พี่เหยียน นี่เป็นของที่ฉันทำเอง คิดว่าจะเอาอะไรให้พี่ดี ฉันไม่รู้พี่หน้าตาเป็นยังไง ก็เลยอิงจากรูปที่ปู่ให้ฉันแล้วก็ทำมันขึ้นมา”
ฟางเหยียนอึ้งไปเล็กน้อย เขาโยนกล่องไปในรถและขึ้นรถไปโดยไม่หันมามอง
บนรถ
“จอมพลโผ้จวิน ผมไม่รู้จะพูดดีไหม” เทียนขุยขับรถอยู่ จู่ๆ เขาก็เอ่ยออกมา
“พูด!” ฟางเหยียนถือกล่องเล็กๆ อยู่ในมือ
“ผมรู้สึกว่าตระกูลฟางมีสิ่งที่ยากจะจัดการ”
“ยังไง” ฟางเหยียนมองเทียนขุย
เทียนขุยพูดว่า “หลายปีมานี้ พวกเขากราบไหว้ป้ายวิญญาณของพ่อคุณ นี่แสดงว่าพวกเขากำลังสำนึกผิด”
“งั้นฉันให้นายไปตรวจสอบเรื่องนี้ดู” ฟางเหยียนกำหมัด จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เปิดกล่องออก
ขนาดเทียนขุยยังมองปัญหาเล็กน้อยขนาดนี้ออกเลย ทำไมฟางเหยียนถึงดูไม่ออกกันนะ
ข้างในกล่องเป็นรูปปั้นรูปคนตัวเล็กๆ มันปั้นขึ้นมาจากรูปร่างของฟางเหยียน
ทั้งสองเดินไปสักพัก เทียนขุยก็ถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “จอมพลโผ้จวิน ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงบ้างครับ ร่างกายรู้สึกดีขึ้นหรือยังครับ”
ฟางเหยียนลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงถามขึ้น “ทำไมนายถึงถามอย่างนี้”
เทียนขุยพูดขึ้นมาว่า “จริงๆ การที่คุณมาตระกูลฟางในครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะอยากทำลายตระกูลจริงๆ หรอก คุณแค่อยากบังคับให้ขวังซือออกมา การที่คนมีฝีมือขนาดนั้นต่อสู้กับคุณ ทำให้คุณใช้พลังทั้งหมด คงจะช้ำในสินะครับ”
“ในประเทศหวา คุณอาจจะรู้ว่าขวังซือมีความสามารถแบบนี้ ส่วนความสามารถอื่นๆ คุณคงจะไม่สามารถสัมผัสได้ เป็นเช่นนี้หรือเปล่าครับ”
ฟางเหยียนยิ้มออกมา แต่ไม่ได้พูดอะไร
ตกดึกที่ตระกูลเย่ในเมืองจินโจว
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูดังเข้ามาจากข้างนอก
เย่ชิงหยู่กำลังนั่งเล่นมือถืออยู่บนโซฟา เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูก็รีบลุกขึ้นไปเปิด
ข้างนอกมีเด็กผู้หญิงสวมเสื้อยืดและผูกผมหางม้าแบบลวกๆ เธอหน้าตาสะสวย และยังมีสิ่งที่พิเศษอย่างหนึ่งนั่นก็คือหน้าอกอวบอึ๋ม เมื่อเห็นหน้าอกของผู้หญิงคนนั้น เย่ชิงหยู่ก็ยืดอกตัวเองโดยไม่รู้ตัว
“สวัสดีค่ะ มาหาใครคะ” เย่ชิงหยู่ถามอย่างสงสัย
ผู้หญิงคนนั้นมองเข้ามาข้างใน ดูพลางถามขึ้นว่า “ฉันมาหาฟางเหยียน เขาอยู่ไหม”
เย่ชิงหยู่ขมวดคิ้ว ฟางเหยียนเพิ่งจะปลดประจำการจากกองทัพได้ไม่นาน ทำไมถึงไปรู้จักกับสาวอกอึ๋มได้ อย่าบอกนะว่าเขาไปใช้ชีวิตสํามะเลเทเมา?
ไม่นะ เมื่อความคิดแบบนี้ขึ้นมาเย่ชิงหยู่รีบสลัดมันออก ถึงฟางเหยียนอยากจะใช้ชีวิตแบบนี้ ก็ต้องได้รับการอนุญาตก่อน
เมื่อเห็นว่าเย่ชิงหยู่ไม่ได้พูดอะไร เธอก็รีบพูดขึ้นมาว่า “อ้อ คือว่าฉันเป็นตำรวจค่ะ ชื่อถังยู่”
“ตำรวจ!” เย่ชิงหยู่หลุดปากพูดออกมา จากนั้นเธอจึงถามอย่างกังวลว่า “ฟางเหยียนไปก่อเรื่องอะไรอีกคะ”
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันมีธุระเลยมาหาเขา ถ้าเขาไม่อยู่ก็ไม่เป็นไรค่ะ” ถังยู่มาหาฟางเหยียนเพราะอยากถามว่าเขารู้จักพ่อของเธอหรือเปล่า เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องราวที่ผ่านมาของพ่อเลย
ครั้งก่อนที่ฟางเหยียนพูดในห้องสอบสวน มันอยู่ในใจของถังยู่ เธอจึงคิดว่าฟางเหยียนรู้เรื่องที่ผ่านมาของพ่อเธอ
หลังจากที่ปิดประตู เย่ชิงหยู่อุทานออกมาว่า “หน้าอกใหญ่มาก!”
ไม่นานฟางเหยียนก็กลับมา
สีหน้าของฟางเหยียนเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เย่ชิงหยู่คิดถึงถังยู่ จึงพูดกับฟางเหยียนว่า “เอ่อ มีผู้หญิงสวยมาหานาย”
“ผู้หญิงสวยอะไร” ฟางเหยียนถาม
เย่ชิงหยู่เอ่ยขึ้นว่า “สาวสวยอกอึ๋ม บอกว่าชื่อถังยู่เป็นตำรวจ”
ฟางเหยียนพยักหน้าไม่ได้พูดอะไร
“ใช่สิ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอ มาหานายทำไม” เย่ชิงหยู่ถามแกมบังคับ
ฟางเหยียนส่ายหน้า “ผมไม่รู้!”
ถึงแม้เย่ชิงหยู่จะรู้สึกหวาดระแวงอยู่ในใจ แต่เธอก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “โอเค พรุ่งนี้คือกิจกรรมของตระกูลเซียว นายอย่าลืมไปเป็นเพื่อนฉัน อย่าออกไปไหนล่ะ”
ฟางเหยียนพยักหน้าเบาๆ เป็นการตอบรับ