ฟางฟังและเวินหลานยืนขึ้นพร้อมกัน ยืนแนบอยู่ข้างกายฟางเหยียนซ้ายขวา กำลังเตรียมที่จะออกไปข้างนอก เจิ้งชงขวางพวกเขาเอาไว้ทันที เอ่ยพร้อมแสยะยิ้ม “ฟางฟัง รีบร้อนกลับไปขนาดนี้ทำไม? อีกเดี๋ยวยังจะมีรายการอีกนะ?”
ฟางฟังสบตาเจิ้งชง เอ่ยถามว่า “รายการที่ว่าคือพบกับพ่อบุญธรรมเหรอ?”
เจิ้งชงฉีกยิ้ม “ใช่และก็ไม่ใช่ พ่อบุญธรรมของฉันจะว่างเหมือนพวกเราแบบนี้ได้ยังไง? ไม่แน่ตอนนี้เขาอาจจะกำลังรับประทานอาหารอยู่กับคนใหญ่คนโตบางคนอยู่ในโรงแรมก็ได้? เรื่องพบพ่อบุญธรรมไม่รีบร้อน ไม่รีบร้อนจริงๆ !”
ฟางฟังยิ้ม เอ่ยว่า “นายเดาไม่ผิดจริงๆ พ่อบุญธรรมของนายกำลังรับประทานอาหารอยู่ในโรงแรมนี้อยู่จริงๆ แต่ไม่ได้ทานกับคนใหญ่คนโตที่ไหนหรอก จริงสิ แล้วก็เรื่องพบพ่อบุญธรรมเป็นนายที่ยินยอม บางทีพ่อบุญธรรมของนายไม่ยินยอมใช่ไหม?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจิ้งชงค้างอยู่บนใบหน้า เขาเอ่ยด้วยความโมโหว่า “ฟางฟัง เธอจงใจพูดให้ฉันเสียหาย? อย่าเอาความชอบที่ฉันมีต่อเธอ แล้วจะมาพูดให้ฉันดูแย่ตลอดแบบนี้ได้นะ ฉันก็เป็นผู้ชาย ก็ต้องการหน้าตาเหมือนกันนะ เข้าใจไหม!”
เจิ้งชงยิ่งพูดถึงด้านหลัง อารมณ์ก็ยิ่งเดือนพล่านขึ้น แทบจะตะคอกออกมา
ทว่าฟางฟังกลับไม่สะทกสะท้าน เธอเอ่ยว่า “คุณชายเจิ้ง รู้ว่านายต้องการหน้าตา แต่มีบางคนไม่ใช่คนที่นายจะล้อเล่นด้วยได้ มาบอกว่าฉันทำลายหน้าตาของนาย? หึหึ…ถ้าฉันไม่สนใจหน้าตาของนาย ฉันก็คงไม่ต้องมาพูดอธิบายให้นายฟังอย่างลำบากแบบนี้หรอก จริงสิ ขอแนะนำนายสักหน่อย อย่าหยิบยกคนอื่นมาเป็นสิ่งที่นายใช้อวดเบ่ง เพราะว่านายไม่คู่ควร อย่าให้เมื่อถึงเวลานั้นจะต้องขายหน้าเพราะตัวเอง และไม่ต้องคิดว่าตัวเองเจ๋งแล้วมองคนอื่นต่ำ ไปยั่วยุคนที่ไม่ควรยั่วยุ!”
ฟางฟังโมโหแล้วจริงๆ เจิ้งชงดูถูกลูกผู้พี่ของตนครั้งแล้วครั้งเล่า สำหรับเธอ นี่เป็นการลองเชิงอย่างบ้าคลั่งในเส้นเขตของการรนหาที่ตายชัดๆ อีกอย่างสาเหตุที่ฟางเหยียนไม่ทำอะไรก็เป็นเพราะเธอด้วย คำพูดโบราณกล่าวไว้ดี ไม่เห็นแก่หน้าภิกษุสงฆ์ ก็ควรต้องเห็นแก่หน้าพระพุทธรูป ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวฟางฟังลำบากใจ ฟางเหยียนบางทีอาจลงมือไปตั้งนานแล้ว
ทว่าเจิ้งชงนี่สิ ไม่เพียงแต่ไม่สำรวม แถมยังพยายามเรียกร้องความสนใจอยู่เรื่อย? จะมาเรียกร้องความสนใจทำไมกัน คนอื่นบีบนายตายก็ง่ายเหมือนบีบมดให้ตาย มาวอนตายรูปแบบต่างๆ อยู่ต่อหน้าเขา เธออยากจะฉีกหัวของเจิ้งชงดูจริงๆ ว่าในหัวของเจ้าหมอนี่มีอุจจาระอยู่ใช่หรือไม่
ฟางจินหยวนแกร่งใช่หรือไม่? แต่ก็ยังต้องระมัดระวังประจบประแจงอย่างไร้ศักดิ์ศรีให้กับฟางเหยียน ขวังซือสัตว์ในตำนานคุ้มครองเรือนของฟางเหยียนก็แข็งแกร่งมากใช่ไหม? เจอกันครั้งแรกก็ถูกฟางเหยียนทำให้บาดเจ็บสาหัส สิบคนนั้นที่เกือบจะทำลายทั้งเรือนตระกูลฟางแข็งแกร่งมากใช่หรือไม่? สุดท้ายถูกฟางเหยียนฆ่าตายทันที อีกทั้งเขาเจิ้งชงมีสิทธิ์อะไรที่จะมากระโดดอยู่ต่อหน้าฟางเหยียน?
ถ้าไม่เห็นแก่ที่เขาเจิ้งชงมีผลประโยชน์กับตระกูลฟางมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอคร้านที่จะสนใจเจิ้งชงเต็มทน ปล่อยให้เขาก่อเองรับเอง เขามีทุนไหม? ไม่มี ไม่มีเลยสักนิด จะมีทุนมาจากไหนกัน
ตระกูลฟางเป็นถึงตระกูลระดับสูงสุดของประเทศหวา พูดได้ว่าอยู่บนตำแหน่งยอดพีระมิดสูงสุด หากลูกผู้พี่เขาต้องการที่จะทำลายทั้งตระกูลฟางก็เป็นเรื่องที่ง่ายนิดเดียว แม้ว่าตระกูลเจิ้งจะเป็นตระกูลระดับสองของเจียงตู เมื่อดูจากทั้งประเทศหวาแล้ว ไม่อยู่ในลำดับอันใดด้วยซ้ำไป แล้วเขามีสิทธิ์ที่จะอวดเบ่งได้อย่างไร?
คนเรานี้ ก็แค่กลัวมีเงิน ก็จะเป็นกลัววัวลืมตีน มีเงินหน่อยก็ไม่รู้แม้แต่แซ่ของตัวเอง ท่าทางโมโหเกินควรของเจิ้งชงหลายครั้งที่เธอ ไม่เก็บมาใส่ใจนัก ทว่าในเวลานี้เธอทนไม่ไหวแล้ว
เธอไม่เป็นห่วงว่าฟางเหยียนจะทำลายเจิ้งชง นั่นเป็นเพราะสิ่งที่เขาก่อแล้วต้องรับผลเอง สิ่งที่เธอเป็นห่วงก็คือฟางเหยียนจะจงใจตีตัวออกห่างเธอเพราะเจิ้งชง ทำให้ความสนิทสนมที่เธอประคับประคองมาอย่างยากลำบากถูกเจิ้งชงทำลายทิ้ง ถ้าไม่เช่นนั้นเธอคงคร้านที่จะสนใจเจิ้งชงที่เหมือนกับหมาบ้าเช่นนี้ สำหรับฟางเหยียน เธอไม่อยากจะมีความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ลงกับเขาจริงๆ
ทว่าเจิ้งชงราวกับสมองขาดรอยหยักอย่างไรอย่างนั้น ทั้งที่เตือนเขาไปตั้งนานขนาดนี้แล้ว แต่เขากลับเพิกเฉยไปโดยตรง ผู้โง่เขลาที่เคยเจอ ก็ไม่เคยเจอที่โง่เขลาขนาดนี้มาก่อน ช่างกู้กลับยากเสียจริง
“ฟางฟัง เธอทำเกินไปแล้วนะ!”
เจิ้งชงตะคอก แม้แต่ฟางฟังก็ยังปฏิบัติกับเขาเช่นนี้ เขายังจะไม่สนใจอยู่ได้อย่างไร เมื่อนึกถึงถูกฟางเหยียน เจ้าเปี๊ยกนั่นกดขี่ข่มเหง ทั้งยังถูกเวินหลายปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า เขาได้กลายเป็นหมาบ้าไปตั้งนานแล้ว ที่จับใครได้ก็ต้องไปกัดคนนั้น
“เกินไป? นายคู่ควรงั้นเหรอ?” ฟางฟังเอ่ยด้วยความดูแคลน “เจิ้งชง ถ้านายมีสองสักหน่อย ก็จะรู้ว่าคำพูดนี้ของฉันหมายความว่ายังไง ความมั่นใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนายก็ไม่ใช่พ่อบุญธรรมที่อยู่กองทัพนั่นของนายไม่ใช่เหรอ? นายรู้หรือเปล่าว่าเขา…”
“เอาละ ฟางฟัง หยุดพูดได้แล้ว” ฟางเหยียนตัดบทฟางฟัง จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเราไปกันเถอะ”
“จัดการเรื่องของตัวเองให้ดีเถอะนายน่ะ!” ฟางฟังจ้องเจิ้งชง จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
โครม!
เจิ้งชงรู้สึกเพียงว่ามีฟ้าผ่าลงมา ทั้งเนื้อตัวสั่นเทาขึ้นมา เขารับรู้ได้ว่าโลกของตนเองได้พังทลายลองแล้ว และยิ่งไร้หนทางในการดำรงชีวิตราวจิตใจได้เย็นชาถึงขีดสุดแล้ว
เขาทราบว่าคืนนี้แพ้แล้ว แพ้ราบคาบเสียด้วย เขาชัดเจนดีว่า เมื่อฟางฟังจากไป เขาก็ไม่สามารถอยู่กับเธอได้อีกแล้ว ไม่เพียงแต่เท่านี้ ศักดิ์ศรีที่เสียไปก็เอากลับคืนมาไม่ได้ด้วย เขาเป็นใครกัน คุณชายใหญ่แห่งตระกูลเจิ้ง ศีรษะขาดเลือดตกยางออกได้ แต่จะเสียหน้าไปไม่ได้
สิ่งที่ทำให้เขาโมโหที่สุดก็คือ ฟางฟังปกป้องเจ้าหมอนี่อยู่ตลอด เจ้าบ้านี่มีส่วนไหนที่ทำให้ฟางฟังต้องไปปกป้องขนาดนี้ด้วย? จัดเตรียมเซอร์ไพรต์ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับถูกเจ้าบ้านั่นทำลายทิ้งทุกครั้ง
ถึงอย่างไรก็ทนไม่ได้!
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!”
“ทำไม? นายคิดจะใช้กำลังกับพวกเรา?”
ฟางฟังโมโหเพราะเจ้าโง่เจิ้งชงขึ้นมาแล้วจริงๆ ไม่เคยเห็นคนที่โง่ถึงเพียงนี้มาก่อน หากอยากรนหาที่ตายก็ไปตายที่อื่น เธอไม่อยากถูกเจิ้งชงดึงไปเกี่ยวโยงด้วยอีกแล้ว
“ฟางฟัง เขาควรค่าให้เธอไปปกป้องขนาดนี้เลยเหรอ?” เจิ้งชงระงับความโกรธเอาไว้ ภายในใจยังมีภาพจินตนาการอยู่เล็กน้อย ถึงอย่างไรตระกูลของฟางฟังก็มีชื่อเสียงมาก ขอเพียงเข้ามาอยู่ในเส้นทางนี้ได้สำเร็จ เช่นนั้นตระกูลเจิ้งเขาก็จะได้ไต่เต้าสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
“ปกป้อง? หึหึหึ…” ฟางฟังแค่นหัวเราะ มองไปยังเจิ้งชง ก็ราวกับกำลังมองคนปัญญาอ่อนอยู่ ไม่ถูกสิ ไม่เทียบเท่ากับคนปัญญาอ่อนเลยด้วยซ้ำ
“นายผิดแล้ว ฉันไม่ได้ปกป้องพี่เหยียนอยู่ แต่พี่เหยียนของฉันกำลังปกป้องฉันอยู่ต่างหาก แล้วก็นะ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เหยียนปกป้องฉัน ตอนนี้นายก็อาจจะกลายเป็นศพไปแล้วก็ได้!”
คำพูดนี้ของฟางฟังไม่ได้เอ่ยเกินจริงแต่อย่างใด เธอทราบตำแหน่งและสถานะของฟางเหยียน การบีบแมงตัวเหม็นอย่างเจิ้งชงให้ตายนั้น ง่ายเสียบีบมดตัวหนึ่งเสียอีก เจิ้งชงคือกำลังลองเชิงอยู่เส้นเขตแดนของการรนหาที่ตาย อีกทั้งฟางเหยียนไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด แสดงถึงปัญหาหนึ่งได้ นั่นคือฟางเหยียนคำนึงถึงฟางฟังอยู่
ทว่าเจิ้งชงที่ถูกทำให้โมโหขีดสุดจะไปมองเห็นในส่วนนี้ได้อย่างไร คิดมาตลอดว่าฟางเหยียนรังแกง่าย เป็นผู้อ่อนแอที่ถูกผู้อื่นเหยียบย่ำได้อย่างง่ายดาย อยากจะรังแกอย่างไรก็ได้? และก็ ยังไม่ต้องเอ่ยถึงคุณค่าอันสูงส่งเหล่านั้นของเขา แม้กระทั่งเวินหลานก็ยังต้องเอาอกเอาใจฟางเหยียน ต่อให้ต้องเป็นการเอาใจโดยไม่สนหน้าตา เขามีตาหามีแววไม่อย่างนั้นหรือ? มองความจริงของเรื่องราวไม่ออก?
จริงๆ !
บางครั้งฟางฟังก็คิดว่าสติปัญญาของเจิ้งชงมีหรือไม่มีกันแน่
ความอดทนนั้นมีขีดจำกัด เพียงแค่ระเบิดออก สิ่งที่รอคอยเขาอยู่ก็จะเป็นความนึกเสียใจเมื่อสายไปแล้ว
เจิ้งชงยังอยากที่จะเอ่ยอธิบาย ครั้นกลับถูกหลิวเจี๋ยข้างๆ ที่สีหน้าไม่ค่อยดีนักดึงไว้ เขาเอ่ยเสียงเบาว่า “คุณชายเจิ้ง พอได้แล้วแหละ คุณทำแบบนี้มีแต่จะทำให้ตัวเองดูแย่”
“อกไข่ดาว หมายความว่ายังไง!”
เจิ้งชงระเบิดโมโหขึ้นมา ตบโต๊ะพร้อมลุกขึ้น จากนั้นก็พลิกโต๊ะอาหารคว่ำอย่างแรง เขาโกรธราวกับเป็นราชสีห์หนึ่งตัว ทั้งเนื้อทั้งตัวสั่นเทาขึ้นมาอย่างรุนแรง
เขาโมโหจนขึ้นสมองแล้วจริงๆ ก่อนอื่นถูกฟางเหยียนดูหมิ่น และถูกเวินหลานปฏิเสธ ต่อมาก็เป็นฟางฟัง สุดท้ายแม้แต่หลิวเจี๋ยคนข้างกายก็ยังเป็นเช่นนี้ ถูกผู้อื่นย่ำยีคนแล้วคนเล่า ทำลายชื่ออันสูงศักดิ์ทั้งชีวิตของเขา หากเขาทนได้ เขาก็ไม่ขอชื่อเจิ้งชง!
“โจวซาน ลงมือได้ ฆ่าฟางเหยียนให้ฉันเดี๋ยวนี้!”