ภายใต้เสียงน้ำตกที่ไหลลงมาดังสนั่น ตรงหน้าก็มีแสงสว่างจ้าขึ้นมา สองหูได้ยินเป็นเสียงครึกโครม เห็นลำธารน้อยๆ ไหลอยู่ข้างตัว ม่านน้ำตกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าของทั้งสองคน สายน้ำไหลตกกระทบกับโขดหินเกิดเป็นเสียงดัง น้ำที่กระเด็นออกมากลายเป็นละออง แล้วหายไปทันที
มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจมาก สะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งฟ้าดิน และยิ่งใหญ่สวยงาม
ฟางเหยียนรู้ว่าพวกเขามาถึงแล้ว
นี่ก็คือน้ำตกกลางหุบเขาบนเขาหลังสำนักไร้หน้า!
น้ำตกกลางหุบเขากว้างใหญ่ ราวกับเป็นสายน้ำที่ทอดยาวระหว่างสองหุบเขา ทำให้ภูเขาสองลูกเชื่อมต่อกัน
และในม่านน้ำตกนั้น ก็เผยให้เห็นเป็นถ้ำอยู่ด้านใน
ฟางเหยียนใช้สองตาจ้องมองไปที่ถ้ำนั้น ที่นั่นคือโลกแดนลับที่ตาแก่จางพูดถึงหรือเปล่านะ?
หลินถงแบมือออกสองข้าง ให้ละอองน้ำมากระทบบนร่างกายตัวเอง และพูดอย่างเคลิบเคลิ้มว่า “นี่มันแดนเทพแดนเซียนที่ไหนกันเนี่ย สวยมากเลย”
แต่ปัญหาก็เกิดขึ้น จะเข้าไปในถ้ำม่านน้ำตกนั้นได้อย่างไร มันเป็นถ้ำอยู่ที่กลางภูเขา?
ถ้ำนั้นเหมือนทำให้น้ำตกแยกเป็นสองส่วน และปากถ้ำอยู่ตรงกลาง ไม่ว่าจะขึ้นจากด้านบนแล้วลงไป หรือขึ้นจากขึ้นล่างขึ้นไป ก็มีความสูงจากพื้นประมาณ90เมตรขึ้นไป และด้านล่างของน้ำตกก็มีพื้นที่ที่เป็นน้ำที่กว้าง30เมตร ส่วนน้ำจะลึกแค่ไหนก็ไม่รู้ ถ้าอยากจะขึ้นไปจากด้านล่าง มันจะยากมาก
พูดอย่างไม่เกินไปเลยก็คือ ถ้าคำนวณผิดไปนิดเดียว ก็จะอันตรายถึงชีวิต
ตอนที่กำลังคิดอยู่นั้น ด้านหลังก็เกิดเป็นเสียงชัตเตอร์ดังเข้ามา
แชะๆๆ ……
ฟางเหยียนก็ขมวดคิ้ว ผู้หญิงทุกคนพอเจอสถานที่สวยๆ ก็จะถ่ายไม่หยุดเหมือนกันไหมนะ?
“ฟางเหยียน หันมาหน่อย ยิ้มๆ” ตอนนี้หลินถงได้กลายเป็นแม่สาวน้อยคนหนึ่ง เป็นเหมือนคู่รักที่กำลังจีบกันอยู่ ตอนที่กำลังเซลฟ์ฟี่อยู่นั้น ก็ยังไม่ลืมที่จะถ่ายให้กับฟางเหยียนด้วย
พอฟางเหยียนไม่สนใจเธอ เธอก็เริ่มมีความสุขกับตัวเองขึ้นมา
จะทำอย่างไรดีนะ?
พวกอู๋หมิงเอาน้ำไว้หน้าเข้าไปเก็บไว้ในนั้นได้อย่างไร? หรือว่า แม้แต่อู๋หมิงเองก็ไม่รู้ว่าน้ำไร้หน้าเข้าไปอยู่ในนั้นได้อย่างไร? หรือว่าน้ำไร้หน้าจะเป็นแค่ตำนาน? แม้แต่คนของสำนักไร้หน้าก็ไม่รู้? เพราะถึงอย่างไรท่านผู้อาวุโสอู๋ซวงอย่างหลินถงก็ไม่ค่อยรู้เรื่องของน้ำไร้หน้าเหมือนกัน
พอหลินถงตอบสนองอย่างดีใจแบบนั้น ฟางเหยียนก็ยิ่งมั่นใจ ว่าน้ำไร้หน้าอาจจะมีอยู่จริง หรือไม่ก็แม้แต่อู๋หมิงก็ยังสืบหาไม่พบเหมือนกัน เขานึกรายละเอียดบางตอนที่มากวาดล้างที่นี่ อู๋หมิงไม่ได้มีสิ่งของใดที่มีพลังช่วยเหลือเลย สิ่งนี้ก็ยิ่งสอดคล้องกับการคาดเดาของเขา ว่าอู๋หมิงเองก็ไม่มีวิธีเข้าไปในนั้นเหมือนกัน
บอกว่าเป็นโลกแดนลับ ไม่สู้เรียกมันว่าที่รกร้างดีกว่า!
น้ำตกกลางหุบเขา ดินแดนฆ่าคน!
“ฟางเหยียน ดูสินี่คืออะไร?” หลินถงพูดออกมาอย่างตกใจ แม้แต่เสียงก็สั่นๆ ด้วย เห็นได้ชัดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จนทำให้เธอเป็นกังวลขนาดนี้
ฟางเหยียนมองไปตามที่เธอชี้ ด้านล่างของเถาวัลย์ข้างฝั่ง มีโครงกระดูกอยู่หนึ่งโครง แถมยังเป็นโครงกระดูกที่สวมชุดของสำนักไร้หน้าด้วย
“คุณดูนั่น ด้านในยังมีอีก!” หลินถงชี้ไปยังด้านในของเถาวัลย์ แล้วก็พูดออกมาอย่างตกใจ
ปะติดปะต่อกันได้แล้ว
น้ำไร้หน้าเป็นสิ่งล้ำค่าของสำนักไร้หน้ามาตลอด แม้แต่อู๋หมิงเจ้าสำนักคนปัจจุบันก็ยังอยากได้มาครอบครอง ดังนั้นพวกโครงกระดูกที่สวมชุดสำนักไร้หน้าพวกนี้ คงจะเป็นพวกที่มาตามหาน้ำไร้หน้า แล้วก็ได้หลับใหลอยู่ที่น้ำตกกลางหุบเขาตลอดกาล
บางคนก็เป็นแบบนี้ เพียงเพราะคำสั่งของคนคนเดียว ก็ต้องจบชีวิตไป
“พวก พวกนั้นล้วนเป็นคนของสำนักไร้หน้า แล้วมาตายอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? แถมยังเหลือแต่โครงกระดูกอีก?”
ฟางเหยียนก็พูดนิ่งๆ “ก็เพื่อน้ำไร้หน้า!”
บอกแบบนี้ หลินถงก็เข้าใจขึ้นมาได้ ถึงว่าแม้แต่เธอเองก็ยังไม่เคยเห็นน้ำไร้หน้า และปู่จางก็หามพวกเขาเข้ามาที่น้ำตกกลางหุบเขาด้วย ไม่อยากให้มาตามหาน้ำไร้หน้า ที่แท้ทุกอย่างมันอันตรายมาก ถ้าทำไม่ดีก็ต้องจบชีวิต!
“หรือว่าน้ำตกนี้จะมีพิษ?” หลินถงมีความคิดนี้ออกมา ถอยก็ถอยหลังไปด้วยสัญชาตญาณ และยังไม่ลืมที่จะดึงฟางเหยียนถอยออกมาด้วย ถอยไปพูดไปว่า “น้ำที่นี่จะต้องมีพิษแน่ๆ !”
ฟางเหยียนก็อยากจะหัวเราะ แต่เขาก็กลั้นขำไป เขาเข้าใจแล้ว คนเขาว่ากันว่าชายหญิงที่กำลังมีความรัก ไอคิวจะลดเหลือศูนย์ คำพูดนี้มันใช้ได้กับทุกคนจริงๆ
“เงยหน้า มองน้ำตก” ฟางเหยียนพูดนิ่งๆ
หลินถงก็ทำตาม มองน้ำตกที่สูงใหญ่อย่างไม่มีจุดประสงค์ ตอนที่กำลังจะบอกว่าฟางเหยียนแกล้งตัวเองทำไมนั้น ก็พบว่าใต้ม่านน้ำตกนั้น มีปากถ้ำเผยให้เห็นเป็นลางๆด้วย
“ที่นั่นก็คือโลกแดนลับใช่ไหม?”
ฟางเหยียนก็นิ่งไม่พูดอะไร
อย่างน้อยคุณก็เป็นถึงท่านอาวุโสอู๋ซวงของสำนักไร้หน้านะ คุณถามผมแล้วผมจะไปถามใคร!
ยังไม่ทันให้ฟางเหยียนเอ่ยปาก หลินถงก็ถ่ายรูปปากถ้ำนั้นทันที แชะๆๆ !
ให้ตายเถอะ!
ผู้หญิงคนนี้มาเดินเที่ยวนป่าหรือเปล่าเนี่ย?
เขาพบว่า ออกมากับหลินถง ถือว่าผิดพลาดมาก แถมยังผิดพลาดซ้ำซ้อนอีก!
หลินถงที่กำลังเปิดรูปดูอยู่นั้น ก็พูดออกมาอย่างแปลกใจ “เอ๊ะ ฟางเหยียน คุณดูสินี่คืออะไร?”
ถูกหลินถงแกล้งไปหลายรอบ ฟางเหยียนเริ่มทนไม่ไหว ก็เลยไม่สนใจเธอ ตอนนี้เขาคิดแต่ว่าจะเข้าไปในถ้ำนั้นได้อย่างไร มีแต่แบบนี้ ถึงจะได้น้ำไร้หน้ามา รวบรวมของล้ำค่าของหยินเหมินทั้งห้าได้ ส่วนสำนักฉิวหลง แก๊งเก้ามังกรและสำนักกุ่ยกู๋นั้น ไว้ค่อยสืบหากันต่อไป
พอเห็นว่าฟางเหยียนไม่สนใจ เธอก็ถือโทรศัพท์เดินเข้ามาตรงหน้า แล้วเปิดรูปเมื่อครู่นี้ แล้วชี้ไปยังจุดดำๆ ทั้งหลาย พร้อมพูดว่า “คุณดูจุดดำๆ พวกนี้สิ เหมือนคนไหม?”
คนงั้นหรือ?
ฟางเหยียนก็เริ่มสนใจขึ้นมา แล้วดูอย่างละเอียด จุดดำๆ ที่ว่านั้น ก็เพราะว่าพวกนั้นผิดหน้าไว้ พอไปอยู่ในป่าที่มีสีเขียว ก็เลยเผยให้เห็นถึงความแตกต่าง และเนื่องจากอยู่ไกล ก็เลยเห็นเป็นจุดดำๆ
ฟางเหยียนดูจุดดำๆ ในรูป แล้วก็มองไปยังจุดที่หลินถงถ่ายรูป ก็ไม่มีจุดดำอะไรแล้ว อธิบายได้อย่างเดียวก็คือ จุดดำๆ พวกนั้นเป็นคนจริงๆ และพอถูกพบเข้า ก็เลยซ่อนตัวไปแล้ว
ต้องบอกเลยว่า ผู้หญิงคนนี้ทำเรื่องอะไรบังเอิญออกมาได้เหมือนกัน
ใช่แล้ว!
ฟางเหยียนเข้าใจขึ้นมาได้ ถึงว่าเขารู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ ที่แปลกก็คือคน!
ตามลักษณะการทำงานของเพลิงเสวน จะไม่ส่งคนมาติดตามหลินถงได้อย่างไรกัน? ถูกต้อง คนของเพลิงเสวนยังไม่เผยตัวออกมาเลย อธิบายได้อย่างเดียวก็คือ พวกนั้นไม่อยากจะเผยร่องรอยของตัวเองออกมา
นั่นไม่เหมือนกับการปิดหูขโมยกระดิ่งไปหน่อยหรือ คิดว่าคนอื่นไม่รู้หรือไง
เพลิงเสวนอยากได้น้ำไร้หน้ามาโดยตลอด เป็นองค์กรที่ใหญ่โตขนาดนั้น ยังมีอะไรที่ทำให้พวกนั้นกลัวอีก?
ฟางเหยียนก็พูดนิ่งๆ “คิดไม่ถึงว่าคุณถ่ายรูป แล้วจะได้สร้างผลงานเหมือนกัน”
“ห้ะ อ๋อ อืม” ถึงแม้ฟางเหยียนจะยังคงหน้านิ่งเหมือนเดิม ท่าทางที่เย็นชา แต่หลินถงก็ดีใจ อย่างน้อยก็ได้คำชมจากเขา ได้รับการชื่นชมก็เหมือนได้รับการยอมรับ ต่อให้จะงงๆ แต่ก็ไม่อาจจะหยุดอาการกีใจของเธอได้
“งั้นฉันถ่ายต่อเลยนะ คอยสอดส่องดูพวกนั้น” พูดจบก็ไม่รอให้ฟางเหยียนเอ่ยปาก แล้วก็กดชัตเตอร์ไปอีกรัวๆ แชะๆๆ
ผู้หญิงคนนี้ กู่ไม่กลับแล้วจริงๆ !
ฟางเหยียนส่ายหัวอย่างเอือมระอา เขารู้ว่าหลินถงเป็นแบบนี้เพราะอะไร แต่เขาไม่อยากยอมรับมันก็เท่านั้นเอง ถูกต้อง การเปลี่ยนไปของนิสัยหลินถง ก็เพื่อเปิดรับฟางเหยียน
จะว่าไป พอหยุดไปคุยกันเมื่อครู่นี้ หลินถงก็หน้าจ๋อย ก้มหน้าพูดว่า “พวกนั้นซ่อนตัวไปหมดแล้ว ถ่ายไม่เห็นแล้ว”
หลินถงเป็นเหมือนเด็กที่เสียของเล่นไป แต่จากนั้นก็เปลี่ยนจุดสนใจไปที่ด้านบนของปากถ้ำนั้น เธอไม่ใช่ผู้หญิงโง่ แต่กลับกันเธอมีสมองที่ดีมาก รู้อยู่แล้วว่าเรื่องไหนควรทำ เรื่องไหนที่สามารถทำให้ฟางเหยียนมีความทรงจำที่ไม่ดีกับเธอได้
ตอนนี้มีเพียงเรื่องเดียว นั่นก็คือ จะเข้าถ้ำนั้นได้อย่างไร
แต่ดูไปสักพัก เธอก็ยิ่งเศร้า คนฉลาดๆ อย่างฟางเหยียนก็ยังไม่มีวิธีเข้าไปในถ้ำนั้นได้ แล้วเธอจะเข้าไปได้อย่างไรกัน
ตอนที่กำลังหมดหวัง เธอก็บ่นกับตัวเองว่า “ถ้าบินได้ก็ดีสิ!”
คนพูดไม่ได้คิด แต่คนฟังคิดตาม ช่างเป็นคำพูดเตือนสติได้ดีเลยทีเดียว!