บทที่ 63 สาวงามมาถึง
ยังมีเรื่องที่เขาทำตัวเหมือนไม่กลัวตระกูลเซียว ตระกูลเซียวเป็นตระกูลที่คนทั้งเมืองจินโจวให้ความเคารพและหวาดกลัว ตอนแรกตระกูลเย่ยังไม่กล้าต่อกรกับตระกูลเซียวเลย
นอกจากฐานะอันสูงส่ง มีเหตุผลอะไรที่ฟางเหยียนถึงไม่เห็นตระกูลเซียวอยู่ในสายตาล่ะ
วันนั้นตอนที่โมโหใส่ร้านหยกวี่ผิ่นเซวียน และการที่หลิวเหอฉางให้ความเคารพเขา นี่เป็นสิ่งที่คนปกติทำเหรอ ถึงหลิวเหอฉางจะเป็นคนที่ฟางเหยียนช่วยชีวิตเอาไว้ หลิวเหอฉางก็ไม่ควรจะถ่อมตัวกับเขาขนาดนั้น
หลิวเหอฉางเป็นคนที่รวยหลายพันล้านเชียวนะ
อีกอย่าง ของที่เขาให้ฟางเหยียนมีมูลค่าถึงห้าสิบล้าน อีกอันมีมูลค่าถึงร้อยล้าน
มีเงินแล้วใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย แต่ก็คงไม่สามารถใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายได้มากขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าฟางเหยียนคือคนที่มีความสามารถอย่างที่ชายชราคนนั้นพูด
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอจึงล้วงมือถือออกมาโทรหาเฉินหย่า
ช่วงนี้เฉินหย่าไม่ได้ออกจากบ้าน กลับมีเรื่องที่น่าสนใจเข้ามา นั่นก็คือเรื่องตัวตนของสามีเย่ชิงหยู่ วันนั้นที่ร้านหยกตี้เซิ่งหยวน เธอเห็นกับตาว่าหลิวเหอฉางคุกเข่าต่อหน้าฟางเหยียน และร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล
แต่ฟางเหยียนกลับมีท่าทียโสโอหัง เหมือนกับราชาที่ไม่เห็นว่าเป็นเรื่องน่าแปลก
นั่นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมี ฟางเหยียนน่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ฟางเหยียนไม่ใช่คนธรรมดา แล้วเขาเป็นใครกันแน่ เขามีฐานะแบบไหนกันแน่ ถึงทำให้เขาโอหังได้ถึงเพียงนี้
ขณะนั้นมือถือของเธอดังขึ้น เธอหยิบมือถือขึ้นมาดู เป็นเบอร์ของเย่ชิงหยู่
“ฮัลโหล ชิงหยู่ มีอะไรหรือเปล่า”
“เฉินหย่า ฉันค้นพบเรื่องใหญ่แล้ว!” พูดพลางเธอก็เล่าเรื่องที่เธอไปดูดวงให้เฉินหย่าฟัง
หลังจากที่ได้ฟัง เฉินหย่าถึงกับตกใจ ขุนพลที่มีความสามารถ เป็นพวกขุนพลที่อยู่ในตำนานไม่ใช่หรือไง ปัจจุบันยังมีคนพวกนี้ด้วยเหรอ ถ้าฟางเหยียนเป็นคนพวกนั้นจริงๆ การที่หลิวเหอฉางคุกเข่าให้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก
“เธอกำลังจะบอกว่า เธอก็ไม่รู้ว่าฟางเหยียนเป็นใครใช่ไหม” เฉินหย่าถามอย่างประหลาดใจ
เย่ชิงหยู่อึ้งไป จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ฉันรู้ว่าเขาเป็นทหาร แต่ฉันรู้สึกแปลกๆ เพราะการที่เขากลับมาครั้งนี้มันไม่เหมือนกับเมื่อก่อน ฉันรู้สึกว่าเขามีอะไรปิดบังฉันอยู่”
เฉินหย่าเงียบไป หลังจากผ่านไปนาน เธอจึงเอ่ยขึ้นว่า “จริงๆ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ฉันอยากบอกเธอมาตลอด แต่ฉันไม่กล้าพูด”
“เรื่องอะไรเหรอ” เย่ชิงหยู่ถามอย่างประหลาดใจ
เฉินหย่าเอ่ยขึ้นมาว่า “มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนฉันไปซื้อของที่ร้านหยกตี้เซิ่งหยวน ฉันเห็นฟางเหยียนเข้ามาซื้อของที่ร้านเหมือนกัน แต่มันเกิดเรื่องประหลาดขึ้นเรื่องหนึ่ง หลังจากที่หลิวเหอฉางเจ้าของร้านหยกตี้เซิ่งหยวนเห็นฟางเหยียน เขาคุกเข่าลงต่อหน้าของฟางเหยียน แถมยังร้องไห้ออกมา”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่ชิงหยู่ถึงกับเย็นวาบ หลิวเหอฉางเจ้าของร้านหยกตี้เซิ่งหยวน เขาคุกเข่าลงต่อหน้าของฟางเหยียน แถมยังร้องไห้ออกมา
“เธออย่าบอกนะว่าฉันเป็นคนพูด ตอนนั้นมีคนเห็นเรื่องนี้เยอะมาก ฉันเองยังรู้สึกคิดไม่ถึงเหมือนกัน”
เย่ชิงหยู่รับปาก จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “หรือว่าหลิวเหอฉางจะรู้ว่าเขาเป็นใคร”
เฉินหย่าเอ่ยขึ้นว่า “อาจจะรู้!”
ขณะนั้น ประตูถูกผลักออก ฟางเหยียนเดินเข้ามาด้วยท่าทางใจเย็น
เย่ชิงหยู่หันขวับไปหาฟางเหยียน เหมือนกับหัวขโมยที่กำลังร้อนตัว เธอรีบกดตัดสายทันที
เมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ ของเย่ชิงหยู่ ฟางเหยียนจึงถามขึ้น “คุณเป็นอะไร”
เย่ชิงหยู่รีบตอบพัลวัน “ไม่มีอะไร!”
“คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไร” ฟางเหยียนถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เย่ชิงหยู่เอามือกอดอก แล้วส่งเสียงหึออกมา “เกี่ยวอะไรกับนาย ทำไมนายไม่เต้นรำกับสาวสวยพวกนั้นล่ะ ทำไมถึงกลับมาเร็วล่ะ”
ในคำพูดของเย่ชิงหยู่ฟังออกเลยว่าเธอกำลังหึง มันคือความรู้สึกของความหึงหวง
ฟางเหยียนนั่งลงข้างเย่ชิงหยู่ จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “ทำไม หึงเหรอ”
เย่ชิงหยู่ขมวดคิ้ว ฟางเหยียนเป็นซะแบบนี้ พอทำผิดก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ใครบอกว่าฉันหึง ฉันหึงใครไม่ทราบ นายคิดว่าตัวเองมีเสน่ห์มากขนาดนั้นเลยเหรอ” เย่ชิงหยู่พูดอย่างไม่ยอม
ฟางเหยียนส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “ในเมื่อไม่ได้หึง ผมพูดไปก็ไร้ประโยชน์”
ฟางเหยียนพูดพลางจะเดินไปห้องน้ำ แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็โดนเย่ชิงหยู่เรียกไว้
“นี่!” เย่ชิงหยู่พูดด้วยความโมโห “อย่าบอกนะว่านายจะไม่อธิบายเรื่องของผู้หญิงสองสามคนนั้น ไม่ว่ายังไงฉันก็เป็นภรรยาในนามของนายนะ ฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องของนายกับผู้หญิงพวกนั้น”
ฟางเหยียนอึ้งไป เขามองเย่ชิงหยู่ที่ยืนกอดอก จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ผู้หญิงสองคนนั้น คนหนึ่งชื่อว่าเวินหลาน อีกคนคุณน่าจะรู้จัก เธอขอโอกาสให้เธอเซ็นสัญญา เธอก็เลยมาพัวพันกับผม”
“ส่วนผู้หญิงอีกคนชื่อหลินถง เธอเป็นแม่หม้ายของตระกูลถังที่หนานหลิง วันนี้ผมเพิ่งเคยเจอเธอเป็นครั้งแรก”
พูดจบ ฟางเหยียนจึงยักไหล่อย่างเหนื่อยใจ
เย่ชิงหยู่ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า “แม่หม้าย คิดไม่ถึงว่านายจะจีบคนแบบนี้ด้วย นี่มันจะเกินไปแล้วนะ”
พูดจบ เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “ฉันรู้ตัวตนที่แท้จริงของนายได้ไหม”
เมื่อฟางเหยียนได้ยินเช่นนั้น คิ้วของเขาขมวดเป็นปมทันที
ตัวตนที่แท้จริงของเขา! อย่าบอกนะว่าขนาดเย่ชิงหยู่ก็เริ่มสงสัยแล้ว
“ฉันแค่รู้สึกว่าคำพูดของตาเฒ่าในวันนี้ มันแปลกนิดหน่อย” เย่ชิงหยู่พูดเสริม
ฟางเหยียนยังไม่พูดอะไร
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูดังขึ้นข้างนอก เย่ชิงหยู่อึ้งไป เธอเดินไปเปิดประตู เมื่อประตูเปิดออกก็เจอกับสาวอกอึ๋มยืนอยู่หน้าประตู เป็นผู้หญิงที่มาหาฟางเหยียนเมื่อคืนวาน
เมื่อเห็นสาวอกอึ๋ม เย่ชิงหยู่ถึงกับเบิกตาโพลง
“คุณมีธุระอะไรเหรอ” เย่ชิงหยู่ถามสาวอกอึ๋ม
“ฉันมาหาฟางเหยียน เขา…” ยังไม่ทันพูดจบ เธอเห็นฟางเหยียนยืนอยู่ข้างในห้องนั่งเล่น
ดังนั้นเธอรีบพูดออกมาว่า “ฟาง..คุณฟางเหยียน ออกมาหน่อยได้ไหม”
เย่ชิงหยู่รู้สึกเหมือนตัวเองถูกเมิน เธอจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “คุณตำรวจ ฉันเป็นภรรยาของเขา คุณมาหาเขามีธุระอะไรหรือเปล่า”
ถังยู่พูดขึ้นว่า “ฉันรู้ว่าคุณเป็นภรรยาของเขา วันนั้นเขาวิ่งเข้าไปช่วยคุณในตึกร้าง ตอนนั้นฉันใช้ปืนจ่อเขา เขาไม่สนใจชีวิตของตัวเองเลยสักนิด การที่ฉันมาหาเขา เพราะมีเรื่องอยากจะถามเขานิดหน่อยเท่านั้น คุณอย่าเข้าใจผิดนะคะ”
เย่ชิงหยู่ได้ยินก็รู้สึกปลื้มใจ เห็นได้ว่าเธอมีความสำคัญกับฟางเหยียน
“มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ” ขณะนั้นฟางเหยียนเดินมาที่ประตู และถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ถังยู่ก้มหน้าลง เธอมองเย่ชิงหยู่แล้วพูดขึ้นว่า “เรื่องพ่อของฉัน ขอคุยกับนายเป็นการส่วนตัวได้ไหม”
ฟางเหยียนมองเย่ชิงหยู่ หญิงสาวพูดออกมาว่า “ไปเถอะ”
ฟางเหยียนยิ้มอย่างเหนื่อยใจ แล้วเดินออกไป